16 ตกหลุมรักใช่รึเปล่า
“บัตรฉันก็มี ฉันไม่อยากรบกวนเขานี่นา”
“มันไม่ใช่การรบกวน แต่เป็นเพราะเขาอยากดูแลเรา นี่แกนอนเป็นผักอยู่โรงพยาบาลนานเกินไปใช่ไหม ตื่นมาถึงได้ไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้”
“ยัยแก้ว ฉันมาปรึกษาแกนะ ไม่ใช่ให้แกมาด่าฉัน”
“ก็มันจริงนี่นา” ว่าจบก็ยกชาเขียวยูซุที่พนักงานพึ่งเอามาเสิร์ฟขึ้นดื่ม
“อาส์ เปรี้ยวหวานหอมน้ำผึ้งถูกใจ อย่างน้อยแกก็ไม่ลืมว่าฉันชอบดื่มอะไร”
“ฉันไม่ได้ความจำเสื่อมนะ”
“แล้วสรุปแกจะบอกฉันได้ยังว่าพี่ควินโกรธแกเรื่องอะไร”
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เหมือนเขาจะน้อยใจเรื่องที่ฉันไม่หึงเขากับแฟนเก่า...” จากนั้นแพรลดาก็เริ่มเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นทันที ตั้งแต่จบการประชุม จนมาถึงตอนที่เขามาส่งเธอไว้ที่นี่
“พูดซะฉันอิจฉาแกเลยยัยแพร ขนาดพี่ควินโกรธแกอยู่ พี่เขายังดูแลแกดีขนาดนี้ นี่ถ้าหายโกรธเขาไม่ปฏิบัติกับแกเหมือนเจ้าหญิงเลยหรอ”
“แกจะบ้าหรอยัยแก้ว”
“ฉันว่าเขาก็คงจะทำเหมือนเดิม แค่เขาคงพูดกับฉันมากขึ้น ยิ้มให้ฉันมากขึ้นก็เท่านั้น” พูดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงรอยยิ้มของเขา รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าหล่อ ๆ ของเขา หลายครั้งมันทำให้เธอใจเต้น...
“ตกหลุมรักพี่เขาแล้วสินะ หึ”
“พูดอะไรขอแก ฉันนี่นะ” ว่าพร้อมกับชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“ ไร้สาระ” ก่อนจะส่ายหัวน้อย ๆ แล้วยกน้ำขึ้นจิบ ซึ่งก็เป็นน้ำสตรอว์เบอร์รี่ปั่นที่เขาสั่งไว้ให้
“ไม่เชื่องั้นดูนี่” ว่าจบก็หยิบตลับแป้งราคาแพงออกมาจากกระเป๋าแล้วยืนให้เพื่อนสนิท
“แป้งพับนี่นะ? แกจะอวดฉันว่าแกหาตลับนี้มาได้แล้ว ตอนนี้เนี่ยนะยัยแก้ว”
“ฉันไม่ได้จะอวดตลับแป้ง ฉันจะให้แกดูกระจกต่างหาก”
“อะ ดู ดูซะให้เต็มตาว่าตอนที่แกพูดถึงพี่เขาแก้มแกแดงขนาดไหน”
ได้ยินแก้วว่าแบบนั้นแพรลดาก็รีบเปิดตลับแป้งพับส่องกระจกดูทันที ก่อนจะพบว่าแก้มตัวเองนั้นแดงอย่างที่เพื่อนว่าจริง ๆ
“เป็นเพราะอากาศมันร้อนรึเปล่า”
“จ้า เป็นเพราะแดด”
“นี่...ฉันรักเขาแล้วจริง ๆ หรอ”
พอได้ยินเพื่อนพูดแบบนั้นแก้วก็เริ่มช่วยพิสูจน์ทันที “แกอยู่กับพี่เขา แกเคยใจเต้นบ้างรึเปล่า” ซึ่งแพรลดาก็พยักหน้าตอบ
“แกเคยรู้สึกคิดถึงเวลาเขาไม่อยู่ เวลาที่เขาหายไปรึเปล่า” ใบหน้าสวยพยักหน้าลงอีกครั้ง ตอนที่เขาไม่ยอมขึ้นมานอนเตียงให้เธอกอด เธอรู้สึกคิดถึงอ้อมกอดเขาเอามาก ๆ ทั้งยังรู้สึกใจหายอีกด้วย
“ข้อสุดท้าย แกเคยไม่เป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่ต่อหน้าเขารึเปล่า” เมื่อสองข้อผ่านฉลุยมาแบบนี้แก้วจึงเลือกถามแค่สามข้อเท่านั้น และเมื่อแพรลดาพยักหน้าตอบ เธอก็ดีดนิ้วแล้วชี้ไปยังแพรลดาทันที
“แกชอบพี่เขา ไม่สิ...อาจจะตกหลุมรักพี่เขาเข้าให้แล้วก็ได้”
“รักหรอ...” ได้ยินเพื่อนว่ามาแบบนั้น เธอก็แทบหาเสียงตัวเองไม่เจอในทันที เธอรักเขาแล้วจริง ๆ หรอ... ตะ ตั้งแต่ตอนไหนล่ะ มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเธอถึงไม่รู้เลย
“แต่ฉันว่านะ แกจะตกหลุมรักพี่ควินก็ไม่แปลก เขาแสนดีกับแกขนาดนั้น ดูสิขนาดแกบอกว่าเขาโกรธแก เขายังพาแกไปทานอาหารร้านที่แกอยากกิน ขับรถมาส่งแกหาฉัน แถมยังให้บัตรไว้ใช้จ่ายอีก”
“เพราะงั้นแกไม่ต้องตกใจไปที่พึ่งรู้ว่าตัวเองรักเขา การตกหลุมรักสามีตัวเองมันเป็นเรื่องปกติยัยแพร โดยเฉพาะสามีแบบพี่ควิน”
“แต่ถ้าแกไปตกหลุมรักสามีชาวบ้านอย่างยัยป้าทับทิมอะไรนั่น แกต้องไปหาหมอด่วน”
หลังจากคุยปรึกษากันเสร็จ พวกเธอก็พากันไปเดินเล่นเลือกซื้อของกันต่อ และเมื่อช็อปกันจนพอใจแล้วแพรลดาก็ติดต่อให้พริษฐ์มารับ โดยมีแก้มนั่งคุมเธอส่งข้อความไปบอกพริษฐ์
และเมื่อเขาตอบกลับมาว่าอีกสิบนาทีจะมารับ แก้วก็พาเธอไปนั่งรอเขาที่ลานน้ำพุทันที เพราะนี่เป็นถิ่นของแก้ว ที่ไหนคนไม่พลุกพล่าน เหมาะสำหรับการรอเขาแบบสงบ ๆ แน่นอนว่าแก้วรู้ดีกว่าเธอ
“อีกห้านาทีพี่ควินของแกก็จะมาแล้ว งั้นฉันไปก่อนนะ” นั่งรอกันไปได้สักพัก แก้วก็พูดขึ้น
“ยัยแก้ว! พี่ควินของฉันที่ไหนกันเล่า เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” เสียงหวานแห้วใส่เพื่อนสาวทันที
“ยังไม่เห็นก็ทำให้เป็นซะสิ ฉันไปละ บัยส์” ว่าจบก็เดินหนีไปในทันที ทิ้งให้เพื่อนสาวพูดไล่หลัง
“กลับมานะยัยแก้ว”
“ยัยเพื่อนบ้า” ดวงตากลมใสมองดูนาฬิกาเรือนสวยราคาเจ็ดหลักของตัวเอง เข็มสั้นค่อย ๆ ขยับทีละน้อย ๆ จนในที่สุดมันก็มาหยุดที่เลขเจ็ด ซึ่งมันหมายความว่ามันถึงเวลาที่เขาบอกเธอไว้ว่าอีกสิบนาทีจะมารับอย่างพอดิบพอดี กำลังจะขยับปากเพื่อบ่นเขาว่าเขามาไม่ตรงเวลา แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็พูดอะไรไม่ออก เมื่อเขามายืนอยู่ตรงหน้าเธอ
“มะ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“หนึ่งนาทีที่แล้ว” เขาตอบเสียงเรียบ
“งั้นเรากลับกันเลยไหมคะ”
“อื้ม” ว่าจบก็เดินนำเธอไปยังโรงจอดรถทันที ก่อนจะหันกลับมาหาเธอ เมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้
“ทานอะไรมารึยัง”
“ยังค่ะ มีแค่สตรอวเบอร์รี่ปั่นที่คุณสั่งให้แล้วก็ชีสเค้ก”
“แล้วหิวรึเปล่า”
“...มะ...หิวค่ะ” กำลังจะปฏิเสธเขาว่าไม่หิว แต่พอนึกอะไรขึ้นมาได้ก็รีบกลับคำทันที
และพอเธอบอกว่าหิว ทางที่ต้องเดินไปยังลานจอดรถก็เปลี่ยนมาเป็นทางเดินเข้าห้างทันที ก่อนที่เขาจะพาเธอมาหยุดอยู่ที่ร้านอาหารเกาหลีร้านหนึ่ง
“ฉันอยากกินอาหารไทย” หลังจากเธอพูดจบเขาก็พาเธอเดินไปร้านอาหารไทยทันที แต่พอมาถึงร้านอาหารไทยแล้ว เธอกลับเปลี่ยนใจเสียอย่างนั้น
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันอยากกินอาหารอิตาเลี่ยน” พอเธอพูดแบบนั้นเขาก็พาเธอเดินไปร้านอาหารอิตาเลี่ยนร้านดังทันที แต่พอมาถึงร้านอาหารอิตาเลี่ยนแล้วเธอกลับไม่ยอมเข้าไป มือบางดึงชายเสื้อเชิ้ตของเขาไว้ เหมือนเด็กน้อยกำลังอ้อนผู้ปกครองก็ไม่ปาน
“อาหารอิตาเลี่ยนที่คุณทำ...” ว่าจบก็เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มเก้อเขินให้เขา แฮะ
“งั้นต้องไปซื้อวัตถุดิบกันก่อน” เขาตอบ โดยที่หน้าเขาก็ยังเรียบนิ่ง ไม่มีสีหน้าแสดงความไม่พอใจที่เธอเรื่องมากเปลี่ยนร้านบ่อย ๆ เลยแม้แต่น้อย ทั้งยังเดินพาเธอไปซื้ออาหารอย่างใจเย็น ไม่มีหงุดหงิด ไม่มีชักสีหน้าเลยแม้แต่น้อย
“ขอกุ้งล็อบสเตอร์ด้วยได้ไหมคะ” นิ้วเรียวชี้ไปยังกุ้งตัวใหญ่ที่วางอยู่ใกล้ ๆ กับปลาที่เขากำลังเลือกซื้อ แต่พูดแล้วเขาก็เงียบไม่ตอบอะไรกลับมา เขาทำเพียงเหลือบมองสิ่งที่เธอชี้เท่านั้น เห็นแบบนั้นก็หน้าจ๋อยทันที
พอเลือกซื้ออาหารสดกันเสร็จเขาก็พาเธอไปเลือกซื้ออาหารแห้งต่อ
“อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”
“ไม่ค่ะ” ว่าจบก็บีบมือตัวเองเบา ๆ อย่างตัดใจ แม้ว่าจะอยากกินมันมากแค่ไหน แต่เขาได้เมินสิ่งที่เธอร้องขอไปแล้ว เธอก็ไม่อยากขอเขาซ้ำอีก เพราะตอนนี้เขายังโกรธเธออยู่ ขอไปโอกาสสำเร็จก็เป็นศูนย์เหมือนเดิม แค่เขาตามใจเธอแค่นี้ก็ดีมากแล้ว
“หึ” แน่นอนว่าปฏิกิริยาของเธอนั้นอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด
“นี่ไม่ใช่ทางกลับคอนโดนี่คะ” เธอร้องถามเขาทันทีเมื่อเดินทางมาได้สักพัก วิวทิวทัศน์ข้างทางเริ่มแปลกตาไป จะว่าทางกลับบ้านเธอก็ไม่ใช่ ทางกลับบ้านเขายิ่งแล้วใหญ่เลย
“...” แต่พอถามเขาไปแล้วก็ได้รับเพียงความเงียบตอบกลับมา เห็นแบบนั้นเธอก็หันหน้าหนีเข้ากระจกทันทีด้วยความน้อยใจ แต่ไม่รู้ว่าน้อยใจเขานานไปหน่อยหรือเปล่ารู้ตัวอีกทีก็มีมือหนาของเขามาประคองศีรษะของตัวเองไว้แล้ว เพื่อไม่ให้เธอหัวโหม่งกระจกรถ แอบหรี่ตามองก็เห็นว่าเขาตั้งใจขับรถอยู่ แต่แขนอีกข้างเขาก็ยื่นมาประคองศีรษะเธอ ทำให้เธอเผลออมยิ้มกับการกระทำของเขา
ก่อนจะหลับตาลงไปอีกครั้งเมื่อเห็นว่าตอนนี้กลายเป็นทางกลับคอนโดแล้ว ไม่รู้ว่าวนมาทางนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็เป็นอย่างที่ทุกคนเห็น
“ถึงแล้วครับ” เสียงทุ้มที่ดังอยู่ใกล้ ๆ ทำให้เธอค่อย ๆ ตื่นจากการงีบหลับ แม้จะยังงัวเงียอยู่บ้าง แต่ก็พอมีสติรู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ลานจอดรถของคอนโดแล้ว
“ถึงแล้วหรอคะ...หาวว”
“ครับ” ก็จบก็เอื้อมตัวมาปลดเข็มขัดให้คนตัวเล็ก นั่นทำให้เธอเผลอสบตากับเขา ใบหน้าขอเขาขยับเข้ามาเธอเรื่อย ๆ จนตอนนี้หน้าเขาและเธอห่างกันไม่ถึงเซ็นเท่านั้น จนใจเธอเต้นแรง ก่อนจะกลับมาเต้นตามจังหวะ เมื่อเขาดึงหน้ากลับไปแล้วลงมาเปิดประตูรถให้ พอมันเป็นแบบนั้นสิ่งที่เธอพูดกับเพื่อนสนิทเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วก็ดังขึ้นมาในโสตประสาททันที
“แล้วพี่ควินเคยจูบแกบ้างยัง”
“ก็มี...”
“จุมพิตที่หน้าผาก”
“ฉันหมายถึงจูบปากต่างหากเล่า” พอแก้วพูดมาแบบนั้นแพรลดาก็ส่ายหน้าในทันที
“แล้วแกเคยจูบพี่ควินรึเปล่า”
“ยัยเพื่อนบ้า! ใครจะไปจูบเขาก่อน ฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“โอ้ยยัยแพร ฉันอยากจะบ้าตายกับแกจริง ๆ”
“ฟังฉันพูดให้ดี ๆ นะ แกแต่งงานกับพี่ควินแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้แกเป็นภรรยาของพี่ควิน”
“เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย”
“แกมีสิทธิ์ในตัวพี่ควิน เขาเป็นผัวแกย่ะ ยัยเพื่อนสมองเสื่อม!”
“นี่ยัยแก้ว ฉันไม่ได้สมองเสื่อมสักหน่อย ฉันแค่จำเขาไม่ได้คนเดียว นอกนั้นฉันก็จำได้หมด”
“ดูสิขนาดชาเขียวส้มยูซุใส่น้ำผึ่ง ที่แกชอบฉันยังจำได้เลย”
“แกแน่ใจหรอว่าแกจำได้ทุกอย่าง”
“แน่สิ ทำไมแกถามอย่างนั้น”
“เปล่าไม่มีอะไร”
“แต่เรื่องพี่ควินฉันพูดจริงนะ แกระวังตัวไว้เถอะ พี่ควินงานพรีเมี่ยมขนานนั้น ระวังจะถูกยัยป้าทับทิมอะไรนั่นแย่งไปไม่รู้ตัว”
“ก็ลองมาแย่งดูสิ”
“มา ฉันช่วยถือ” พอเห็นเขาหยิบของที่ซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าไปถือไว้คนเดียวทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ของที่เธอช็อปกับเพื่อนสนิทแล้ว แพรลาดก็เดินเข้าไปหา ตั้งใจจะช่วยเขาถือทันที
“ไม่เป็นไร คุณแค่เดินอยู่ข้างผมก็พอแล้ว”
“กะ...ก็ได้” พอเขาพูดมาแบบนั้นเธอก็ไม่สามารถทำอะไรนอกจากเดินอยู่ข้าง ๆ เขาตามที่เขาบอก แต่ใจมันก็อดเต้นแรงไม่ได้เลย กับคำพูดของเขา
