บท
ตั้งค่า

13 คิดไปเอง

ด้วยวันนี้แพรลดาหนีกลับบ้านมาก่อน และกว่าจะทานข้าวกันเสร็จก็ดึกแล้ว อีกทั้งเธอยังไม่ยอมกลับไปคอนโดกับพริษฐ์ทำให้เขาต้องนอนที่นี่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่วนวสันต์นั้นเขาพึ่งบินไปคุยงานที่ต่างประเทศเมื่อสองวันก่อน ทำให้ภายในบ้านหลังใหญ่มีแค่แพรลดากับพริษฐ์ ส่วนส้มเช้งนั้นอยู่อีกหลัง คนงานอื่น ๆ ก็เช่นกัน

“จะนอนแล้วหรอครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนที่กำลังจะล้มตัวลงนอน เพราะปกติแล้วก่อนเธอจะนอนเธอจะทำอะไรสักอย่างก่อน ไม่อ่านหนัง ไม่ช็อปปิ้ง ไม่คุยแชทกับเพื่อนของเธอ ไม่เธอก็จะชวนเขาคุยถามถึงเรื่องอดีต หรือไม่เธอก็จะหอบเอาเอกสารที่ไม่เข้าใจมาถามเขาในห้องทำงานที่คอนโด

ซึ่งเขาก็ไม่เคยขี้เกียจที่จะอธิบายหรือรู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย เขาชอบที่เธออยากเรียนรู้ เขาชอบเวลาในดวงตาเธอมีความแน่วแน่ในการทำความเข้าใจไปกับสิ่งที่เขาสอนและอธิบาย เว้นการทำอาหารไว้หนึ่งเรื่อง...และมันก็ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้นด้วย

“อื้ม”

“เรื่องระหว่างผมกับทับทิม มันไม่มีอะไร” เมื่อถึงเวลาที่เขาคิดว่าเธอคงเย็นลงมากแล้ว เขาก็เริ่มอธิบายในทันที

“เธอเป็นแฟนเก่าของผม เราเลิกกันไปนานแล้ว”

“มาบอกฉันทำไม ฉันไม่ได้อยากรู้สักหน่อย คุณจะมีแฟนกี่คน จะเลิกกันไปแล้วหรือจะกลับมาคบกันมันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน”

“ที่ฉันโกรธคุณไม่ใช่เรื่องนั้น”

“ผมคงคิดไปเองสินะ เรื่องที่คุณหึงผม”

“ใช่ คุณคิดไปเอง ฉันจะไปหึงคุณทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”

“คงจะมีแต่พี่ที่รู้สึกไปเองฝ่ายเดียวสินะ” ว่าจบก็ล้มตัวลงนอนที่พื้นทันที ทิ้งให้คนที่กำลังงอนอยู่มองค้าง... เธอเป็นฝ่ายงอนเขาอยู่ไม่ใช่หรือไง ไหงตอนนี้เหมือนเขาเป็นฝ่ายงอนอยู่ล่ะ แล้วทำไมวันนี้เขาถึงนอนพื้นล่ะ ไม่นะ แล้วแบบนี้เวลาเธอฝันร้ายเธอจะทำงยังไง

เพราะตลอดเวลาที่อยู่คอนโด ไม่สิต้องบอกว่าตั้งแต่ที่เธอออกจากโรงพยาบาลมาเธอก็มักจะฝันร้ายอยู่เสมอ ฝันเกี่ยวกับเรื่องเดิมซ้ำ ๆ จนต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก และเขาก็มักจะตื่นขึ้นมาปลอบเธอด้วยเสมอ ปลอบเสร็จเขาก็นอนบนเตียงบ้างถ้าเธอกอดเขาไม่ปล่อย หรือถ้าเธอสงบลงโดยที่ไม่ได้กอดเขาไว้เขาก็จะกลับลงไปนอนพื้นเหมือนเดิม

พื้นแข็ง ๆ ที่ถึงแม้จะมีผ้าห่มหนานุ่มปูรองอยู่สำหรับเธอมันก็แข็งมากอยู่ดี ... เธอรู้ได้ยังไงน่ะหรอ ก็เพราะว่าเธอเคยลงไปนอนกับเขาอย่างไงล่ะ

ในตอนนั้นที่เธอฝันร้าย เขาขึ้นมาปลอบเธอตามปกติ ก่อนที่เขาจะลงไปนอนพื้นตามเดิม แต่ความอบอุ่นที่เขามอบให้ในตอนนั้นมันยังไม่พอสำหรับเธอ จะปลุกเขาขึ้นมานอนด้วยก็กระดากอาย เธอเลยรอให้เขาหลับ แล้วทำทีกลิ้งตกเตียงลงไปนอนกอดเขาแทน พอตื่นมาเธอถึงได้รู้ว่ามันปวดหลังมากขนาดไหน

ทั้งที่มันปวดหลังขนาดนั้นแต่เขาก็ไม่เคยพูดบ่นหรือขอนอนเตียงกับเธอเลย แถมยังเป็นคนตื่นขึ้นมาก่อน เตรียมอาหารเช้าให้เธอ แล้วเข้ามาปลุกเธอให้อาบน้ำทานแล้วเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน และทั้งที่มีเขามีโอกาสที่จะทำอะไรเกินเลย แต่เขาก็ไม่เคยทำมันเลย

หากไม่มีความจำเป็นจริง ๆ อย่างเช่นการกอดเพื่อปลอดเธอ...และการแกล้งเธอ แต่เขาก็แค่แกล้งเท่านั้นเขาไม่เคยจะจูบเธอจริง ๆ เลย มีแต่เธอที่เผลอคิดว่าเขาจะจูบอยู่หลายครั้งจนเผลอหลับตารอรับสัมผัสจากเขาอย่างไม่รู้ตัว

การกระทำหลายสิ่งหลายอย่างของเขามันทำให้เธอประทับใจในตัวเขา และไว้ใจเขามากขึ้น เธอจึงยอมให้เขาขึ้นมานอนเตียงด้วยกัน และก็ไม่รู้ว่าอะไรดึงดูดให้เธอขยับตัวไปกอดเขาก่อน อ้อมกอดอบอุ่นของเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยทุกครั้ง

แถมกอดแล้ว เธอยังรู้สึกว่าตัวเองนั้นฝันร้ายน้อยลง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอไม่ฝันเลย เธอยังคงฝันถึงมันอยู่ จนบางครั้งเธอเริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่ามันคือความฝัน หรือคือความจริงที่เคยเกิดขึ้นกับเธอกันแน่....

“คุณ...” สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่สามารถนอนบนเตียงกว้างคนเดียวได้ เลยต้องกัดฟันปลุกเขาให้มานอนบนเตียงด้วยกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าเขาจะงอนเธออยู่และเธอจะงอนเขาอยู่ก็ตาม

“คุณ...ที่พื้นมันแข็งนะ” เมื่อเห็นเขายังนิ่งอยู่เธอจึงพูดขึ้นอีก แต่เขาก็ยังนิ่งเหมือนเดิม นิ่งจนเธอใจเสีย ก่อนจะตัดใจหันหน้าหนีไปอีกฝัง แล้วข่มตานอนคนเดียวโดยไร้เขาเหมือนอย่างเคยให้ได้ ดูท่าแล้วเขาคงจะโกรธเธอเรื่องที่พูดคุยกันเมื่อครู่ เพราะการจะพูดขอให้คนที่โกรธตัวเองอยู่มาปลอบคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่การนอนคนเดียวโดยที่เขาทำไม่สนใจ เย็นชาใส่แบบนี้มันก็อดหวิว ๆ ในใจไม่ได้ เพราะเขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย...

“คุณ...” เตียงกว้างที่ยวบลงทำให้แพรลดาพึมพำออกมาเสียงเบา หลังจากข่มตาลงได้ไม่นานเธอก็ต้องลืมตามอง เป็นเขา เป็นเขาที่ขึ้นมานอนข้าง ๆ เธอ

แต่เขาก็ยังเงียบ ไม่พูดไม่จาอะไรกับเธอ ไม่บอกฝันดีเหมือนอย่างเคย เห็นแบบนั้นใจเธอก็วูบโหวงขึ้นมาอีกแล้ว

สุดท้ายก็เป็นเธอเองที่ขยับตัวเข้าไปใกล้เขาแล้วกอดเขา จะหาว่าเธอหน้าด้านที่ไปกอดเขาก่อนเธอก็ไม่สน ใครใช้ให้อ้อมกอดของเขาอบอุ่นและหลับสบายกันล่ะ พอขยับหน้าน้อย ๆ เขาก็หันตัวมาหาให้เธอได้ซุกหน้าลงกับอกแกร่งแสนอบอุ่นของเขา ถึงเขาจะไม่พูด แต่เขาก็ไม่ละเลยในสิ่งที่เธอร้องขอ... เป็นอีกครั้งที่เธอต้องใจเต้นกับการกระทำของเขา

“เขาล่ะคะป้าส้ม” ทันทีที่เดินลงบันไดบ้านมา แพรลดาก็ร้องถามส้มเช้งทันที เพราะวันนี้ตื่นมาเธอก็ไม่เห็นเขาแล้ว ซ้ำเขายังให้เด็กในบ้านไปปลุกเธออีก ดูท่าแล้วเขาคงจะโกรธเธอจริง ๆ

“เขา เขาไหนหรอคะ?” ส้มเช้งตอบ พร้อมกับใบหน้าสงสัย

“แพรหมายถึงคุณควินน่ะค่ะ แพรตื่นมาแล้วก็ไม่เห็นเขาเลย ขะ เขาไปทำงานแล้วหรอคะ” พอถามไปก็คิดไปเองด้วย อยู่ ๆ ก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมา เมื่อคิดว่าเขาไปทำงานก่อน ไม่ยอมรอเธอเหมือนอย่างเคย

“ถ้าคุณหนูหมายถึงคุณควินสามีของคุณหนู เมื่อเช้าป้าเห็นไปออกกำลังกายที่ห้องออกกำลังกายค่ะ ส่วนตอนนี้ก็คงทำอาหารอยู่ในครัว”

“ทำอาหารอยู่ในครัว?”

“ค่ะ เห็นจะเป็นข้าวผัดกุ้งนะคะ ป้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะคุณควินให้ป้าออกมาบอกให้เด็กขึ้นไปปลุกคุณหนู”

“ถ้าอย่างนั้น ถ้าอย่างนั้นแพรขอตัวก่อนนะคะ” ว่าจบก็เดินตรงไปยังห้องครัวที่ส้มเช้งพูดถึงทันที ทิ้งให้ส้มเช้งได้แต่มองตามอย่างยิ้ม ๆ ก่อนที่เธอจะเห็นเขากำลังจัดจานอย่างตั้งใจอยู่

ด้านคนที่กำลังจัดจานอยู่แน่นอนว่าเขาสัมผัสได้ถึงการมาของใครบางคน แต่เขาก็ทำทีไม่สนใจ ก่อนจะยกจานเดินผ่านหน้าเธอไปหลังจากจัดจานเสร็จแล้ว

ส่วนคนที่ถูกเมินเฉยเป็นครั้งที่สองก็หน้าเสียทันที ก่อนจะเดินตามเขาไปด้วยความน้อยใจ เพราะเขาไม่เคยเป็นแบบนี้กับเธอเลย จะมีแต่เธอเท่านั้นที่จะงอน จะไม่พอใจ จะโกรธเขาให้เขาง้อเอาใจ...พอมันเป็นแบบนี้เธอเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน

เดินตามเขามาถึงโต๊ะอาหารก็เห็นว่าเขากำลังนั่งรออยู่

“รอนานรึเปล่าคะ” เธอจึงพูดกับเขาแก้เก้อ แต่ก็ยังได้รับความเงียบตอบกลับมา เธอจึงหันมาสนใจอาหารตรงหน้าแทน ทานไปสักพักก็ได้ยินเสียงเขาพูดขึ้น เพียงเท่านั้นเธอก็เงยหน้าจากจานข้าวหันมองเขาทันที

“วันนี้ช่วงเช้าผมต้องไปดูร้านเพชรให้คุณแม่ จะเข้าบริษัทอีกทีก็ตอนบ่าย”

“คุณจะไปกับผมด้วยรึเปล่า”

“ฉันไปได้หรอคะ” พอเขาพูดถึงแม่ของเขาเธอก็รู้สึกไม่มั่นใจในทันที จริงอยู่ที่อยู่ต่อหน้าแม่ของเขาเธอสู้ไม่ถอย แต่ถ้าไปแล้วแม่เขาไม่ต้อนรับ ไล่เธอกลับ ต่อหน้าคนมาก ๆ แบบนั้นเธอก็ไม่อยากไป...ให้เสียหน้าไปถึงคุณพ่อ

“อื้ม”

บทสนทนาจบลงเพียงเท่านั้นเมื่อพริษฐ์ตอบรับ ก่อนทั้งคู่จะลงมือทานข้าวกันต่อ หลังจากทานข้าวเช้ากันเสร็จ เขาก็ขับรถพาเธอมายังร้านเพชรของแม่เขาอย่างที่เขาพูดจริง ๆ

“สวัสดีครับคุณควิน เชิญทางนี้ครับ” ทันทีที่เดินเข้ามาในร้าน ผู้จัดการร้านก็เข้ามาทักทายลูกชายเจ้าของร้านผู้ที่จะรับช่วงต่อกิจการในอนาคตทันที แต่เพราะเขามองเมินแพรลดาที่เดินตามหลังมาติด ๆ ทำให้เสียงเข้มของพริษฐ์ดังขึ้น

“นี่แพร ภรรยาของผม”

“สะ สวัสดีครับคุณแพร” สิ่งที่ชายหนุ่มตรงหน้าพูด ทำให้ผู้จัดการพูดติดอ่างในทันที รวมถึงพนักงานคนอื่นที่หันมองแพรลดาเป็นตาเดียวกัน

“สวัสดีค่ะ” แพรลดาที่ถูกเขาแนะนำตัวแบบนั้นก็เริ่มทำตัวไม่ถูก ก่อนจะค่อย ๆ เข้าใจสถานการณ์ และเมื่อเข้าใจสถานการณ์แล้วเธอก็เดินมายืนเคียงข้างเขา ส่งยิ้มทักทายทุกคนในร้านทันที ดีที่ตอนเช้าเธอตัดสินใจขึ้นไปเปลี่ยนแต่งตัวใหม่ หลังจากที่รู้ว่าเขาจะพาไปร้านเครื่องเพชรแม่ของเขา ทำให้ชุดของเธอค่อนข้างจะเข้ากับเขา

“คุณควินแต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ทำไมผมไม่รู้”

“เป็นเรื่องส่วนตัวน่ะ” พริษฐ์ตอบเสียงเรียบ เพียงเท่านั้นผู้จัดการก็หน้าซีดในทันที ก่อนจะรีบเปลี่ยนสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ แล้วพาพริษฐ์และแพรลดาเดินชมร้าน โดยที่สายตาของผู้จัดการนั้นก็คอยมองแพรลดาอย่างสำรวจ

ทั้งระหว่างเดินชมก็ยังมีเสียงเหล่าพนักงานซุบซิบกันดังขึ้นเป็นระยะ

“ได้ยินคุณควินบอกว่าเป็นภรรยา”

“สวยอะแก สวยมาก”

“ผิวก็อมชมพูสุขภาพดีสุด ๆ”

“ใช่ ทั้งสวยทั้งดูแพง จะได้หัวใจคุณควินไปครองก็ไม่แปลก” สิ่งที่เหล่าพนักงานซุบซิบกันนั้นมันทำให้แพรลดาเผลอยิ้มออกมา ซึ่งยิ่งเธอยิ้มก็ยิ่งทำให้ใบหน้าที่สวยอยู่แล้วของเธอสวยหวานน่าดึงดูดมากขึ้น และแน่นอนมันไม่สามารถรอดพ้นสายตาของพริษฐ์ไปได้เลย

“แล้วก็มีคอลเลคชั่นใหม่ ที่พึ่งเข้ามาเสาร์”

“แต่ทางเรายังไม่ได้นำออกมาจำหน่าย คุณหญิงบอกรอให้คุณควินตัดสินใจว่าจะเอาออกมาวางช่วงไหน”

“รวมถึงให้คุณควินตรวจดูครับ คุณควินจะดูเลยไหมครับ ผมจะให้เด็กยกออกมาให้”

“คุณควินครับ”

“ครับ” เพราะมัวแต่เผลอมองรอยยิ้มของหญิงสาวข้างกายทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ กว่าจะได้สติก็ตอนที่เธอสะกิดเขาเบา ๆ

“งั้นรอสักครู่นะครับ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel