12 ความใกล้ชิด
การย้ายมาอยู่คอนโดของพริษฐ์และแพรลดานั้นเป็นไปอย่างราบรื่น จนเวลาล่วงเลยมาถึงสองเดือนแล้วที่ทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกัน ไปทำงานพร้อมกัน
โดยที่เสาร์อาทิตย์ก็จะมีแวะเวียนไปทานที่บ้านของพริษฐ์บ้าง บ้านของแพรลดาบ้าง หรือบางครั้งพริษฐ์ก็พาแพรลดาไปเที่ยวต่างจังหวัด ยิ่งช่วงไหนที่มีออกดูงานต่างจังหวัดเขาก็จะพาเธอไปด้วย พาเธอไปท่องเที่ยวสถานที่ที่คิดว่าเธอไปแล้วเธอจะต้องประทับใจ และแน่นอนว่าเธอไปแล้วเธอก็ประทับใจ มีรอยยิ้มส่งมาให้เขาเสมอ
“คุณ ใกล้เสร็จรึยัง” เสียงใสร้องทำคนที่กำลังทำอาหาร โดยคางนั้นวางบนมือที่เท้าเคาท์เตอร์อยู่ ก่อนจะมองเขาตาปริบ ๆ บ่งบอกให้รู้ว่าเธอเริ่มหิวแล้ว
“อีกสองนาทีครับ”
“หิวแล้วหรอครับ”
“ค่ะ หิวแล้ว”
“ยังไม่ได้ดื่มนมรองท้องอย่างที่ผมบอกใช่รึเปล่า”
“ฉันดื่มแล้ว คุณอย่ามาขี้ตู่นะ”
“แน่ใจ” มือหนาเอื้อมไปปิดเตาทันที ก่อนจะหันกลับมาพูดกับเธอดี ๆ สายตาคมเบนไปยังแก้วนมที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล โดยปริมาณนมในแก้วนั้นไม่ลดลงไปจากตอนที่เขารินให้เธอเลย ก่อนจะหันกลับมามองเธอด้วยสายตาจับผิดตามเดิม
“แน่ใจสิ นมนั่นเป็นแก้วของคุณต่างหาก” ผู้ร้ายยังคงปากแข็ง ทั้งยังโบ้ยความผิดให้คนอื่น
“เช้านี้ผมดื่มกาแฟ” ว่าพร้อมกับโน้มหน้าเข้ามาหาเธอเรื่อย ๆ
“หึ”
“ฉันก็ดื่มกาแฟเหมือนกัน”
“แต่ที่ผมจำได้...”
“ฉันดื่มกาแฟต่างหาก คุณจำผิดแล้ว”
“ถ้างั้นนมนี้เป็นของผมสินะ” แขนแกร่งเอื้อมไปหยิบแก้วนมที่วางอยู่ ก่อนจะเอามาถือแล้ววนเบา ๆ ประหนึ่งมันเป็นไวน์ก็ไม่ปาน โดยที่สายตาเขานั้นยังคงมองเธออยู่อย่างจับผิด
“อรึก อรึก” ก่อนจะกระดกนมในแก้วดื่มจนหมด ทำให้คนที่มองอยู่ในตอนแรกนั้นต้องแอบกลืนน้ำลายตาม...ท่าดื่มนมของเขาทำไมมันถึงดูดีแบบนี้นะ
องศาการจับแก้ว นิ้วแกร่งเรียวยาวและมีเส้นเลือดของเขา ไล่มาถึงปลายแขนที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตสีขาว ที่ถูกเขาพับแขนไว้ ไม่เว้นแม้แต่แขนของเขาก็ยังมีเส้นเลือดปรากฏขึ้นเรียงตัวกันสวย
“มีอะไรติดหน้าผมหรอ หึ” หลังจากกระดกนมหมดแก้ว พริษฐ์จึงพูดขึ้น ก่อนจะหัวเราะในลำคอ
“ปะ เปล่าไม่มีอะไร ข้าวเสร็จแล้วใช่ไหม จัดจานได้แล้ว ฉันหิวแล้ว”
การใช้ชีวิตในคอนโดก็ถือว่าดีในระดับหนึ่ง เธอเถียงและชวนทะเลาะกับเขาน้อยลง จะมีเรื่องพวกนี้ก็ต่อเมื่อตอนที่เธอหิวมาก ๆ เท่านั้น ส่วนมื้อเช้าเขาจะเป็นคนทำให้เธอทาน มื้อเที่ยงออกไปทานด้วยการข้างนอก มื้อเย็นมีเขาทำบ้าง ทานข้างนอกบ้าง
ส่วนเธอนั้นทำเพียงเป็นผู้ชมที่ดี ช่วยหยิบจับอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เขาเท่านั้น ... เพราะเธอเคยเสนอตัวช่วยแล้ว จากที่ใกล้จะเสร็จก็ต้องเริ่มทำใหม่ทั้งหมด แม้ว่าเขาจะบอกว่าไม่เป็นไร ค่อย ๆ เรียนรู้กันไป แต่เธอก็ไม่ยอมมาช่วยเขาอีกเลย เอาแต่มานั่งมอง ไม่ก็ช็อปปิ้งออนไลน์รอ นาน ๆ ทีเธอจะมาช่วยเป็นลูกมือส่งของให้เขา
“ค่อย ๆ คนแบบนี้ เข้าใจรึเปล่า”
“อื้ม คุณถอยไปได้แล้ว ของง่าย ๆ แค่นี้ฉันทำได้อยู่แล้ว” เธอพูด ไม่รู้ว่าง่ายของเธอนั้นแบบไหน เขาหันตัวไปหั่นผักแป๊บเดียวก็ได้กลิ่นไหม้ พอเดินไปถามก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ บอกว่ากลิ่นกำลังหอม ไม่ได้ไหม้
เขาต้องตักขึ้นมาให้เธอดู ว่าก้นหม้อนั้นเริ่มไหม้แล้ว เธอถึงจะยอมรับ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอไม่ยอมให้เขาสอนทำอาหารอีก
ส่วนการทำงานนั้น อยู่บริษัทเธอช่วยงานเขาได้ดีมากเลยล่ะ ไม่ว่าเขาจะสอนอะไรเธอไปเธอจดจำและเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว จนเขาอดที่จะภูมิใจไม่ได้
“คุณจะลงทุนกับเขาจริง ๆ หรอ” หลังจากเข้าร่วมการประชุมเสร็จ แล้วกลับเข้ามาอยู่ในห้องทำงานกับเขาสองคนแพรลดาจึงถามขึ้น
“ทำไมถึงถามผมแบบนั้นล่ะ”
“ไม่รู้สิ ฉันว่ามันมีอะไรแปลก ๆ เราลองตรวจสอบบริษัทเขาให้มากกว่านี้ก่อนลงทุน ฉันว่าก็ไม่มีอะไรเสียหายนะ”
“ได้สิ ถ้าคุณต้องการให้ผมทำแบบนั้น”
“ทำไมคุณพูดแบบนั้นล่ะ คุณไม่สงสัยหรือเอะใจอะไรบ้างเลยหรอ เอกสารก็มีความผิดปกติตั้งหลายอย่าง”
“คุณจะบอกให้ผมไม่ไว้ใจเพื่อนที่รู้จักกันมาเกือบสิบปีหรอ”
“ถ้าคุณพูดมาแบบนั้น ฉันคงว่าอะไรไม่ได้ คุณจะทำอะไรก็ตามใจคุณเถอะ ฉันไม่ยุ่งกับคุณแล้ว” ว่าจบก็เดินปึง ๆ หนีออกไปจากห้องทำงานเขาทันที
“คนอุตส่าห์เป็นห่วง เหอะ”
“ทำไมน้องแพรถึงเดินหน้างอออกไปแบบนั้นล่ะคะ” ทันทีที่แพรลดาออกจากห้อง หญิงสาวนางหนึ่งก็เดินสวนเข้ามาในทันที
“ไม่มีอะไรหรอก คงจะเดินออกไปสูดอากาศน่ะ”
“หรอคะ”
“แล้วคุณมาหาผมมีธุระอะไรรึเปล่า” ณ ที่ประชุมเขาคิดว่าเขาพูดเคลียร์แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีนอกรอบ
“ทับแค่คิดถึงวันเวลาเก่า ๆ น่ะค่ะ”
“วันเวลาเก่า ?”
“ควินพูดเหมือนจำเรื่องของเราไม่ได้ แบบนี้ทับเสียใจนะคะ”
“มันเป็นอดีตไปแล้ว ผมเลยไม่อยากเก็บมันมาใส่ใจอีก”
“อดีตหรอคะ...แต่สำหรับทับมันไม่เคยเป็นอดีตเลยนะคะ เพราะทับยังไม่เคยมีใครใหม่ มีแต่ควิน...”น้ำเสียงตัดพ้อดังขึ้น ก่อนจะเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน
“คุณก็รู้ว่าผมแต่งงานแล้ว” ทันทีที่ทับทิมเดินมาเท้าแขนลงกับโต๊ะพริษฐ์ก็ว่าขึ้นทันที
“ทับไม่เชื่อ ที่ควินพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่เจอทับมาตลอด เพราะควินยังลืมทับไม่ได้ ควินกลัวว่าควินจะหวั่นไหวถ้าเราได้ใกล้ชิดกันอีก” เมื่อได้พูดคุยกับเขาสองต่อสอง จริง ๆ จัง ๆ ในรอบหลายปี ความในใจก็ถูกระบายออกมาทันที
เธอพยายามเข้าหาเข้า พยายามตามง้อขอคืนดีกับเขามาตลอด แต่เขาก็ไม่เคยมอบโอกาสนั้นให้เธอเลย เขามักจะตีตัวออกห่างจากเธอเสมอ ซึ่งตอนนี้เธอคิดว่าเธอเริ่มจะรู้เหตุผลในการตีตัวออกห่างของเขาแล้ว
“ตอนนี้ก็เหมือนกัน ควินกลัวว่าควินจะห้ามใจไม่ไหว กลัวว่าจะทำให้เด็กนั่นโกรธ กลัวมีปัญหากับเด็กนั่น” ร่างบางหย่อนตัวนั่งลงบนโต๊ะทำงานของเขาทันที ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน สายตายั่วยวนมองเขา
“ควินถูกคุณพ่อบังคับให้แต่งงานกับน้องแพรใช่ไหม ควินบอกทับมาสิ แล้วทับจะช่วยควินหาทางออกเอง” น้ำเสียงที่เคยแข็งเปลี่ยนมาอ่อนลงในทันที ก่อนจะพูดต่อเมื่อเห็นเขานิ่งฟัง
“เรามาหาทางออกร่วมกันนะควิน”
“พอเถอะทับ” มือหนาปัดมือบางที่กำลังจะกรีดกรายลงบนอกแกร่งของตัวเองออก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่แพรลดาเดินเข้ามาพอดี
“ทำอะไรกัน”
“เรารื้อฟื้นความหลังกันนิดหน่อยน่ะน้องแพร”ว่าพร้อมกลับหันตัวกลับมา มือบางยกขึ้นติดกระดุมที่ถูกแกะออกไปถึงสองเม็ด ก่อนจะส่งยิ้มใหญ่หญิงสาวที่พึ่งเปิดประตูเข้ามา
“แพรมันไม่ใช่อย่างนั้น” ชายหนุ่มหนึ่งเดียวว่าขึ้น เมื่อเรื่องมันเริ่มไปกันใหญ่แล้ว
“งั้นก็ตามสบายนะคะ แพรขอตัวก่อน” ว่าจบก็เดินเร็ว ๆ ไปหยิบเอากระเป๋าทันที ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“น้องยังเด็ก อาจจะเข้าใจอะไรยากหน่อย ให้ทับไปช่วยคุยกับน้องดีไหมคะ ทับเป็นผู้หญิง น่าจะรู้ใจกันมากกว่า” เมื่อเห็นพริษฐ์มองตามหลังแพรลดาไปจนสุดสายตา ทับทิมก็ว่าขึ้น
“ไม่เป็นไร ผมจัดการเองได้”
“ผมหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก”
“ทับขอโทษค่ะ” น้ำเสียงพร้อมใบหน้าแห่งความรู้สึกผิด หันมองเขา
ด้านพริษฐ์เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น ก่อนจะเป็นทับทิมที่ต้องล่าถอยไปเอง เพราะเขาไม่ยอมพูดอะไรกับเธออีก เขาทำเพียงกดโทรศัพท์เล็กน้อย ก่อนจะหยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน
ไม่รู้ว่าเขานั้นคิดอะไรอยู่ ทีแรกเธอคิดว่าเขาจะตามเด็กนั่นไป แต่เปล่าเลย นอกจากเขาจะไปตามไปแล้ว เขายังดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรอีกซึ่งนั่นก็หมายความว่า...
“โกรธผมเรื่องตอนบ่ายหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนที่นั่งทานข้าวเงียบ ๆ ไม่พูดไม่จาอะไร ตั้งแต่ที่เธอเดินหนีเขาออกมาตอนนั้นเธอก็ไม่กลับเข้าบริษัทอีกเลย ซ้ำยังชิงกลับบ้านก่อนโดยไม่บอกอะไรเขาอีก ดีที่ป้าส้มเช้งโทรมาถามว่าเขาทะเลาะอะไรกับเธอหรือเปล่า ทำไมเธอถึงได้กลับมาบ้านคนเดียว เขาถึงได้รู้ว่าเธอกลับบ้านแล้ว
“ฉันจะโกรธคุณทำไม มันไม่ใช่เรื่องของฉันสักหน่อย”
“คุณจะทำอะไร คุณจะมีใคร มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับฉันเลย”
“หึ” ได้ยินแบบนั้นพริษฐ์ก็หัวเราะเบา ๆ ในลำคอทันที ก่อนจะหันไปบอกแม่นมของแพรลดาที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ
“ป้าส้มครับ ช่วยให้เด็กจัดของที่ผมซื้อมาให้ยกมาทีนะครับ”
“ได้ค่ะคุณควิน”
“หอมจัง” ทันทีที่ของที่พริษฐ์ว่าถูกวางนำขึ้นโต๊ะ แพรลดาก็พึมพำเสียงเบาทันที เมื่อกลิ่นที่ได้ยินนั้นมันเป็นกลิ่นที่เธอคุ้นเคย เพียงแต่เธอไม่ได้กินมันเกือบเดือนแล้ว
“บัวลอยน้ำขิงร้านโปรดของคุณ ผมไปต่อคิวซื้อมาเลยนะ”
“จริง ๆ ผมจะซื้อกระเพาะปลามาฝากด้วย แต่วันนี้ผมเลิกงานช้า ก็เลยหมดซะก่อน” เขาอธิบาย รู้แล้วว่าเธอต้องโกรธเขา ไม่เรื่องที่เขาไม่ยอมเชื่อเธอเรื่องการลงทุน หรือเรื่องทับทิม ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง และแน่นอนว่าเขาอยากให้เธอโกรธเขาในเรื่องที่สอง เพราะนั้นหมายความว่าเธอเริ่มมีความรู้สึกต่อเขาบ้างแล้ว แต่ไม่ว่าเธอจะโกรธเขาเรื่องใดเขาก็ต้องง้อเธออยู่ดี เขาจึงคิดวิธีที่จะง้อเธอโดยการซื้อของกินที่เธอชอบมาฝาก
“ใครบอกว่าฉันอยากกิน” ว่าจบก็หันมาตักซุปเห็ดกินต่ออย่างไม่คิดจะสนใจเขาอีก ก่อนจะต้องหันขวับไปหาเขาทันที เมื่อเขาพูดอะไรบางอย่างออกมา
“งั้นบัวลอยน้ำขิงถ้วยนี้คงต้องทิ้ง”
“ป้าส้มครับ ช่วยเอาขนมที่ผมซื้อมา ไปแบ่งเด็ก ๆ ในบ้านด้วยนะครับ”
“จะดีหรอคะคุณควิน” ส้มเช้งหันมองคุณหนูของตนเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น
“ดีครับ ผมซื้อมาเยอะ แพรไม่กิน ผมเองก็ไม่ค่อยชอบกินของหวาน เก็บไว้คงจะเสียทิ้งเปล่า ๆ” ขณะพูดเขาก็เหลือบมองเธอไปด้วย ส่วนส้มเช้งที่ได้ยินแบบนั้น ก็เดินเข้าไปเก็บถ้วยบัวลอยน้ำขิงอย่างรู้ใจ
“ปะ ป้าส้มจะเก็บไปไหนหรอคะ” เมื่อถ้วยบัวลอยน้ำขิงเจ้าประจำของโปรดตรงหน้ากำลังจะถูกยกไป มือบางก็รั้งไว้ทันที ไม่ให้แม่นมสุดที่รักของตนยกมันไป
“ป้าคงจะต้องเอาไปทิ้งค่ะคุณหนู”
“ทิ้งหรอคะ...แบบนี้เสียของแย่เลย”
“งั้นเดี๋ยวแพรกินเองดีกว่าค่ะ” ว่าจบก็เอาช้อนตักบัวลอยเข้าปากในทันที เพื่อเป็นการยืนยันว่าตนจะกินมันจริง ๆ เห็นแบบนั้นส้มเช้งเลยยอมปล่อยมือออก
“แล้วขนมอย่างอื่นล่ะคะ ยังให้ป้าแจกเด็กในบ้านอยู่รึเปล่า”
“เรื่องนั้นคงต้องถามเจ้าของขนมค่ะ...ส่วนแพร แพรจะทานแค่บัวลอยน้ำขิงนี่” ว่าจบก็ตักบัวลอยน้ำขิงทานต่ออย่าง พร้อมกับอมยิ้มน้อย ๆ ที่ประดับบนใบหน้า ทำให้ส้มเช้งหันไปมองพริษฐ์อย่างยิ้ม ๆ ทันที
พริษฐ์เองก็ส่งยิ้มตอบเช่นกัน ก่อนจะส่ายหัวน้อย ๆ ให้กับความอยากกินแต่ก็กลัวเสียฟอร์มของเธอ ถ้าเขาไม่ใช้แผนนี้เขาคงไม่มีโอกาสได้เห็น
