ความรักของหนุ่มสาว
ตอนที่ 2
ความรักของหนุ่มสาว
อรดีเป็นครูมัธยมอยู่ที่โรงเรียนประจำจังหวัด ซึ่งสมัยก่อนเป็นโรงเรียนสตรีล้วนแต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นสหศึกษา ด้วยความที่มีลูกตอนที่อายุยังน้อย ทำให้สองแม่ลูกดูเหมือนพี่สาวน้องสาวมากกว่าแม่ลูกกันเสียอีก เดินทางไปไหนมาไหนผู้คนก็มักจะเข้าใจผิด เนื่องจากอรดียังคงสาวและสวยอยู่มาก ดูไม่ออกเลยว่าอายุจะแตะ 50 แล้ว
“เมื่อคืนแม่เห็นไฟห้องอิมเปิดไว้ คงจะทำงานดึก ป่านนี้น่าจะยังไม่ตื่น ปอนด์เข้าไปนอนในห้องกับอิมก็ได้ เดินทางมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนไป”
อรดีเป็นคนที่เข้าใจโลก เธอไม่เคยกีดกันลูกสาวกับแฟนหนุ่ม เปิดทางให้ทั้งสองได้มีเวลาส่วนตัวด้วยกันเสมอ แม้ว่าเรื่องแบบนั้นอาจจะเกิดขึ้น แต่มันก็เป็นสิ่งที่ทั้งสองตัดสินใจกันเอง เธอในฐานะแม่ไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายเพราะลูกสาวไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไป ตอนนี้เป็นสาวสวยสะพรั่งวัยยี่สิบห้า ที่มีหนุ่มๆเข้ามาจีบจนหัวกระไดบ้านไม่เคยแห้ง
เรื่องนี้เธอไม่เคยบอกปรมะ ไม่อยากให้ ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากทั้งสองอยู่ไกลกัน อรดีจึงไม่อยากพูดอะไรที่ทำให้อิษยาและปรมะ ลดทอนความเชื่อใจต่อกันและกัน
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวขึ้นไปนอนก่อนนะครับแม่”
หญิงวัยกลางคนพยักหน้า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปรมะนอนค้างกับอิษยาในห้องสองต่อสอง เธอจึงไม่ได้รู้สึกลำบากใจอะไรมองว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคู่รักสมัยนี้
อีกอย่างลูกสาวของเธอก็มีงานการมั่นคง มีเงินเก็บ มีวุฒิภาวะ เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เพราะฉะนั้นเธอไม่จำเป็นต้องมานั่งห่วงนั่งหวงลูก ปล่อยให้เขาได้ตัดสินใจใช้ชีวิตของตัวเองตามที่ต้องการ
อรดีเดินทางไปโรงเรียนด้วยรถยนต์ ที่เธอซื้อจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง แม้ว่ามันจะเก่าแต่ก็ยังใช้ได้ดี
ปรมะได้ยินเสียงรถจึงแง้มผ้าม่านดู เห็นว่าแม่ของคนรักไปแล้ว เขาจึงรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนนอนลงบนเตียงเคียงข้างหญิงสาว พลางรั้งเธอเข้ามากอด
วันนี้เป็นวันศุกร์ เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ของคนรัก เขารู้ว่าเธอไม่ไปทำงานจึงไม่ปลุกและปล่อยให้หญิงสาวนอนเต็มอิ่ม ส่วนตัวเขาก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยและอ่อนเพลียจากการขับรถมาตลอดหลายชั่วโมง
“คุณปอนด์คะ”
กลิ่นหอมอ่อนๆที่คุ้นเคยกับเสียงหวานๆที่กระซิบอยู่ข้างหู ทำให้รอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้า ชายหนุ่ม เขาค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น เห็นใบหน้าอิษยาอยู่ห่างแค่คืบเขาก็รั้งเธอเข้ามาใกล้ก่อนบดจูบหญิงสาวโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว
“หวานมากครับ”
อิษยาเขินจนหน้าแดง พูดอะไรไม่ออกได้แต่ ก้มหน้างุด คบกันมาหลายปีแต่เธอก็ยังไม่ชินเสียที ทุกครั้งที่ใกล้ชิดคนรักหัวใจก็ยังคงเต้นแรงเสมอ
“ได้ยินเสียงหัวใจคุณด้วย”
ปรมะร้องโอ๊ยเบาๆเมื่อถูกตีเข้าที่แขนเขาเต็มแรง
ชายหนุ่มหลับยาวจนถึงเย็น อิษยาตื่นตั้งแต่ตอนเที่ยงแต่ไม่กล้าปลุกเขา อยากให้ชายหนุ่มได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่
แต่เพราะว่าตอนนี้ใกล้มืดแล้ว เธอจึงต้องรีบปลุกเขาให้มากินข้าวเย็น แต่จูบเมื่อกี้ทำให้หญิงสาวลืมว่าเธอขึ้นมาที่นี่เพราะอะไร
“มันไม่ได้ดังขนาดนั้นหรอกค่ะ”
อิษยากล่าว เอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่หัวนอน ทำให้เห็นใบหน้าชายหนุ่มชัดเจน ปกติเขาจะเป็นผู้ชายที่ดูเนี๊ยบอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนตื่นนอนผมที่ชี้ฟูอย่างเป็นธรรมชาติของเขา ทำให้หญิงสาวรู้สึกเขินเกินกว่าที่จะสบสายตาคู่นั้น
เธอชอบความเป็นธรรมชาติของเขามากกว่า แต่ก็เข้าใจเวลาที่เขาต้องอยู่ในมาดผู้บริหาร
ปรมะรั้งหญิงสาวเข้ามากอด ครั้งนี้เขาคิดถึงเธอมากเป็นพิเศษ เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนไม่ได้เดินทางมาที่นี่เนื่องจากติดประชุมใหญ่ ทั้งยังเป็นวันครบรอบบริษัทเขาจึงต้องอยู่ร่วมงานเลี้ยงประจำปี
แม้ว่าเขาจะติดธุระอะไรก็ตามแต่อิษยาก็ไม่เคยจับผิด ไม่เคยหวาดระแวงคิดว่าเขาจะทำอะไรนอกลู่นอกทาง
ปรมะเคยถามหญิงสาวว่าหากวันหนึ่งเขาทำผิดต่อเธอ อิษยาจะตัดสินใจยังไง ซึ่งคำตอบที่ได้รับทำให้เขาไม่กล้าที่จะออกนอกลู่นอกทางเพราะกลัวว่าจะต้องเสียเธอไป
หลายปีที่คบกันมาเขารู้จักนิสัยของเธอดี ถึงแม้ว่าภายนอกอิษยาจะดูเหมือนคนนิ่งๆ แต่ ความจริงแล้วเธอเป็นคนเด็ดขาด กล้าได้กล้าเสียกว่าที่คิด
นี่เป็นนิสัยเดียวของเธอที่ทำให้เขารู้สึกกลัว และไม่เคยคิดที่จะทำผิดต่อหญิงสาว
“แม่ให้มาตามไปกินข้าวค่ะ ไปกินข้าวกันก่อนดีกว่านะคะ วันนี้มีของโปรดคุณด้วย”
“ของโปรดที่ว่าคืออะไรหรือครับ”
“ปลาราดพริกไงคะ”
ชายหนุ่มยิ้มกว้าง ท้องร้องขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงภาพปลาทอดกรอบๆราดพริกหอมๆรสชาติจัดจ้าน วันไหนที่มีเมนูนี้ เขากินข้าวหมดหม้อทุกที
“เราลงไปกินข้าวข้างล่างกันก่อนดีกว่า”
ความจริงเขาอยากใช้เวลากับอิษยามากกว่านี้ แต่ตลอดทั้งวันยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง เมื่อตื่นขึ้นมาทำให้เขารู้สึกหิวมาก
สองเดินจูงมือลงมาจากด้านบน อรดีเห็นก็แอบอมยิ้ม สำหรับคนเป็นแม่อย่างเธอหากลูกสาวมีความสุข แม่ก็มีความสุขตามไปด้วย
“นั่งก่อนลูก เดี๋ยวแม่ตักข้าวให้”
“ไม่เป็นไรแม่ เดี๋ยวอิมตักเองดีกว่า”
เพราะเธอรู้ว่าต้องตักปริมาณไหนถึงจะเพียงพอต่อความต้องการของปรมะ
ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวเอาใจใส่ก็รู้สึกอบอุ่นใจ นี่คือเหตุผลที่เขายอมขับรถหลายร้อยกิโลเพื่อมาหาเธอแทบทุกสัปดาห์
กลิ่นไอความสุขทำให้ปรมะแทบไม่อยากไปจากที่นี่ แต่เพราะเขามีหน้าที่ที่ต้องทำ จึงได้แต่อดทนยามที่คิดถึงอิษยา เขานึกไม่ออกเลยว่าหากตัวเขาเกิดเร็วกว่านี้สัก 50 ปี เขาจะทรมานใจมากแค่ไหนกับการที่ไม่ได้เห็นหน้าเธอ ไม่ได้โทรศัพท์คุยกัน หรือแม้แต่จะมาพบกันก็ช่างยากเย็นเพราะสมัยนั้นการเดินทางไม่ได้รวดเร็วทันใจเหมือนสมัยนี้
แต่เขาก็ยังถือว่าโชคดี แม้ว่าจะคิดถึงคนรักมากแค่ไหนแต่อย่างน้อยๆก็ได้เห็นหน้าเธอผ่านหน้าจอโทรศัพท์ แม้ว่าจะกอดไม่ได้ จะจูบไม่ได้ แต่การที่เขาได้ยินเสียงได้พูดคุยกับเธอ เพียงเท่านี้ก็ช่วยต่อ ลมหายใจของเขาไปได้อีกวัน
อาจจะฟังดูตลก แต่หากวันไหนที่ไม่ได้คุยกับคนรัก วันนั้นเขาจะหงุดหงิดตลอดทั้งวัน
