ตอนที่ 1-4
เพียงแต่กึ่งกลางลำตัวกำลังรับรู้ถึงความแข็งร้อนที่แทรกผ่านเข้าไปในร่างกาย ดวงตาคู่งามขยายกว้าง ร่างกายส่วนล่างตั้งแต่สะโพกลงไปรู้สึกปวดร้าวราวกับจะปริหักเป็นสองท่อน
มือแข็งแรงเอื้อมมาลูบประคองใบหน้างาม ทำให้กุลนิดาตัวสั่นด้วยความประหม่า อยากจะกระถดหนีแต่เพราะร่างที่ประสานกันอยู่ทำให้เธอได้แต่ทุบตีใส่เขาด้วยความโกรธปนเสียดเสียว
ความรู้สึกเหมือนร่างถูกผลักขึ้นที่สูงแล้วเหวี่ยงลงต่ำ สลับขึ้นลงจนหัวหมุนทำให้กุลนิดาสมองขาวโพลน ความเสียดเสียวตีตื้นขึ้นมาแทนที่ความกลัว แม้ไม่อยากยอมรับแต่ก็ไม่สามารถต้านทานความช่ำชองจากคนที่คร่อมทับอยู่
“โอว์ เยี่ยมมาก ไปทำอะไรมา”
ไรอันครางยาวลึก เขาเงยหน้าคำรามต่ำอย่างมีความสุข เป็นความสุขสมที่สุดในรอบหลายเดือน เพราะมัวแต่โหมทำงานหนัก ไม่คาดคิดว่าคู่ขาที่ทิ้งร้างไว้ที่เมืองไทยจะมีทีเด็ดขนาดนี้ เขาควงสะโพกสอดส่ายไปมา ขยับเข้าออกโจนจ้วงไม่รู้เบื่อ ราวกับไม่อยากจะออกจากสังเวียนรักครั้งนี้ทั้งที่แต่ก่อนนี้ก็ไม่ได้ติดใจอะไรเธอมาก
ความคับแคบ รัดรึง ตึงแน่น ช่องทางกำมะหยี่โอบคลุมน้องชายเขาไว้ทุกทิศทางจนยากจะขยับ ไรอันไม่เคยรู้สึกถึงจุดสุดยอดที่รุนแรงเช่นนี้มาก่อน เขาไม่สามารถที่จะหยุดตัวเอง จนต้องร้องขอต่ออีกหลายยกในคืนนี้
เสียงกริ่งนาฬิกาดังกังวานไปทั่วห้อง ปลุกให้กุลนิดาตื่นขึ้นจากการนอนหลับ มือบางกดปิดเสียงแล้วสะบัดความง่วงงุนออกไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวให้ตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก แล้วเดินไปเปิดประตูห้องของลูกสาวที่อยู่ข้างๆ กัน
กุลนิดาฝึกให้ลูกหมูตัวน้อย เด็กหญิง ‘น้ำอิง’ นอนคนเดียวมาหลายเดือนแล้ว และน้ำอิงก็ไม่งอแง สามารถนอนคนเดียวได้
“น้ำอิงคะ ตื่นได้แล้วค่ะลูก”
“...”
ไม่มีเสียงตอบรับจากลูกสาวตัวน้อยวัยสี่ขวบเศษที่นอนกอดตุ๊กตาหมีตัวโปรด กุลนิดาเดินเข้าไปใกล้ร่างลูกหมูตัวน้อย เห็นน้ำลายไหลยืดเปรอะเปื้อนแก้มใสแล้วย้อยลงไปกับหมอนก็ยิ้มบางๆ
“โถ ลูกสาวแม่ นอนน้ำลายไหลยืดเชียว ตื่นอาบน้ำได้แล้ว”
เด็กหญิงร่างอวบในชุดนอนสีฟ้ายังนอนขี้เซา คนเป็นแม่มีแผนการปลุกในตอนเช้า จึงเขย่าลูกหมูเบาๆ พอให้รู้สึกตัวแล้วกระซิบข้างหู
“ตื่นได้แล้วจ้าน้ำอิง จำได้ไหม ถ้าตื่นอาบน้ำแต่งตัวทัน ไม่ไปโรงเรียนสายเลยแม้แต่ครั้งเดียวในหนึ่งเดือน แม่จะซื้อโพนี่น้อยให้หนึ่งตัว”
น้ำอิงชอบตุ๊กตาโพนี่และมีการ์ตูนเรื่องโปรดคือโดราเอมอน เธอขอสะสมตุ๊กตาม้าโพนี่ผู้เป็นแม่จึงให้หยอดกระปุกเอาไว้ หากเก็บเงินครบเมื่อไหร่ก็จะพาไปซื้อเป็นการฝึกนิสัยอดออม
เท่านั้นลูกหมูแก้มใสค่อยๆ ปรือตาขึ้นส่งยิ้มหวาน “มามี้ขา วันนี้วันเสาร์ไม่ใช่หรือคะ”
เด็กหญิงอ้าปากหาว แต่ดูน่ารัก แก้มใสแดงดั่งมะเขือเทศสุก กุลนิดาเอื้อมมือไปบีบจมูกเล็กๆ แล้วถอนหายใจพลางส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“อย่ามาเจ้าเล่ห์นะคะน้ำอิง เมื่อวานวันอาทิตย์ แล้วเช้านี้เป็นวันจันทร์ค่ะ”
“น้ำอิงไม่ชอบวันจันทร์ ไม่รักวันจันทร์เลย” เด็กหญิงบ่นไปขณะที่คนเป็นแม่พยายามพยุงร่างป้อมๆ ของลูกหมูน้อยให้ลุกขึ้นจากเตียง
โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
เช้าวันจันทร์ที่เร่งรีบ แสงแดดอ่อนๆ ทอลงมาแรงกล้ากว่าที่เคย หลายชีวิตกำลังเร่งรีบมาส่งบุตรหลานที่โรงเรียน
หลังจากส่งน้ำอิงเข้าห้องเรียนแล้ว กุลนิดาก็รีบเดินทางต่อไปยังที่ทำงาน แต่ขณะกำลังเดินอย่างคล่องแคล่วไปตามทางเดินเท้าที่มีหลังคาสีน้ำเงินคลุมกันแดดไว้ตลอดทางเดินระหว่างอาคาร เสียงฝีเท้าหนักๆ ทางด้านหลังดังขึ้นพร้อมทั้งเรียกชื่อ
“กุลครับ รอผมด้วย”
ดวงตากลมโตที่มีแพขนตางอนยาวขยายขึ้นอย่างสงสัย ร่างบางเฉียบในชุดกระโปรงสั้นเหนือเข่ามองดูน่ารักหันขวับเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ
เจ้าของผมยาวสลวยที่วันนี้ปล่อยสยายกระจายเต็มแผ่นหลังมองร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนสีน้ำเงินเข้ม เขาสวมกางเกงสเล็กเนื้อนิ่มสีเข้ม สูงโปร่ง ผิวขาว โดยรวมแล้วค่อนไปทางอาตี๋ เขาชื่อ ‘อาชวิน’
อาชวินคนนี้ตื๊อเก่งเป็นบ้าจนกุลนิดาเริ่มรำคาญ หญิงสาวถอนใจ ยืนรอ หวังว่าวันนี้เขาคงไม่ได้หิ้วขนมมาฝากหรือชวนให้เธอซึ่งกำลังรีบไปแสกนบัตรเข้าทำงานแวะไปจิบกาแฟในร้านกาแฟสดที่เขาเป็นเจ้าของอีกหรอกนะ
ชายหนุ่มเอ่ยเรียกเสียงสั่นเพราะเหนื่อยจากการวิ่งตามมา
“กุลครับ กุล ผมคิดว่าจะไม่ทันแล้ว เล่นเอาผมหอบไปหมด”
อาชวินวิ่งตามกุลนิดาลงมาจากอาคารเรียนชั้นสอง ชายหนุ่มหอบเหนื่อยแต่ส่งยิ้มอย่างกระตือรือร้น เขาเห็นเธอมาส่งน้ำอิงจึงรีบวิ่งลงบันไดอีกฟากของอาคารเรียน เขาเองก็มาส่งลูกชายจึงรีบดันให้เจ้าตัวยุ่งเข้าห้องเรียนไปก่อน จากนั้นก็วิ่งตามเธอมา
น้ำอิงเป็นลูกของกุลนิดา เรียนอยู่ชั้นอนุบาลสองห้องสี่เช่นเดียวกับ ‘น้องพีท’ หรือเด็กชาย ‘อาณัติ’ ลูกชายของเขา
กุลนิดาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่กลุ่มผู้ปกครองคุยกันว่าสามีเธอคงตายไปแล้วเพราะไม่มีใครเคยเห็นส่วนเขาเองก็เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ภรรยาเสียชีวิตไปแล้วจากอุบัติเหตุเรือล่มเมื่อสองปีก่อน
กุลนิดาส่งยิ้มเล็กน้อยให้อาชวิน “ที่แท้ก็พ่อของน้องพีท วิ่งตามกุลมามีอะไรหรือเปล่าคะ”
“คือว่าคุณกุลอ่านไลน์กลุ่มผู้ปกครองวันนี้หรือยังครับ”
กุลนิดายิ้มแห้งๆ แล้วส่ายหน้า “ยังไม่ได้อ่านค่ะ มีอะไรหรือคะ”
