ตอนที่ 5 ไอ้คนงี่เง่า (2)
คำพูดเรียบง่ายแต่น้ำเสียงแดกดันดังเข้าโสตประสาทของณิรินทันทีหญิงสาวที่เพิ่งจะจัดการเก็บโต๊ะปิดคอมเสร็จถึงกับเบะปากกลอกตามองบนทันที
"ก็ฉันมีบอสที่เผด็จการนี่คะไม่ทำเดี๋ยวก็โดนลงโทษอะไรแปลกๆ อีก"
"ก็ดีที่รู้ตัว"
"แล้วนี่เกิดมีเมตตาจิตคิดจะอาสาไปส่งพนักงานที่โดนกลั่นแกล้งแบบฉันเหรอคะ"
มุมปากของชูอิจิยกยิ้มขึ้นพลางก้าวเข้ามาหาคนที่ยืนมองหน้าเขาด้วยใบหน้าถือดี
"คุณนี้มันแผนสูงใช่ได้นะ"
"อะไรของคุณอีกคะ แผนอะไรกันจะหาเรื่องฉันอีกเหรอไง"
"ก็ที่คุณทำทีเป็นตีสนิทกับยัยพราวและคิดจะใช้เรื่องราวน่าสงสารมาหวังประโยชน์จากเธอไงดูอย่างเมื่อวานสิปอกลอกเธอไปกี่หมื่นละ"
ใบหน้าสวยแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจในคำพูดนั้นคำพูดที่เหมือนว่าเธอไปล่อลวงครอบครัวของเขาราวกับมิจฉาชีพ
"ฉันกับน้องพราวสนิทกันเพราะด้วยความบริสุทธิ์ใจค่ะ และถ้าคุณไม่พอใจเพราะน้องพราวต้องมาเสียเงินซื้อของให้ฉันแบบนี้ก็จงรับรู้ไว้ด้วยนะคะ ว่าฉันไม่ได้บังคับหรือล่อลวงอะไรเธอเลยสักนิด ฉันก็เกรงใจเป็นนะที่ต้องมารับของมีราคาจากคนอื่นแต่เธอก็ดึงดันจะซื้อให้เอง บอกว่าจะผ่อนคืนให้เธอก็ไม่ยอมส่วนเรื่องราวที่คุณบอกว่าฉันแต่งเรื่องขึ้นก็แล้วแต่จะคิดเลยค่ะเพราะพูดไปก็เท่านั้นคนรวยมาตั้งแต่เกิดแบบคุณไม่มีวันเข้าใจหรอก"
ความกรุ่นโกรธแน่นอนย่อมเกิดขึ้นในใจของณิรินอยู่ แล้วทว่าตอนนี้ความน้อยใจมันกลับมีมากกว่าเท่าตัวทำไมกันแค่ฐานะไม่เท่าเทียมก็สามารถถูกมองว่าคบหาเพื่อหวังปอกลอกได้เชียวหรือ
ด้านชูอิจิเองเขาก็เป็นมนุษย์ที่มีหัวใจเหมือนกันแม้จะยอมรับว่าส่วนลึกเกิดความสงสารกับคำตัดพ้อนั้นก็ตามทว่าความอยากเอาชนะมันดันมีเลเวลที่มากกว่าเกือบเท่าตัว
"พูดได้ดี แต่ขอโทษนะผมไม่ใช่ยัยพราว"
"งั้นถ้าคุณไม่พอใจจะให้ทำอะไรก็บอกมาเลยมันดึกแล้วฉันจะกลับบ้าน"
คนถูกถามไม่ได้ตอบในทันทีแต่กลับเดินมาหาเธอจนประชิดตัวแล้วเท้าแขนทั้งสองบนโต๊ะทำงานของหญิงสาวจนเธอไม่สามารถไปไหนได้นอกจากต้องยืนจ้องหน้าเขาในระยะไม่ถึงเมตร
ชูอิจิก้มลงจนแทบชิดใบหน้าสวยความระแวง ทำให้เธอเริ่มมองหาอะไรสักอย่างมาเพื่อใช้จัดการกับเขาทันทีหากถูกจู่โจมทว่ากลับไม่เป็นดังคาดเมื่อเป้าหมายของประธานหนุ่มคือหยุดอยู่ที่ข้างใบหูเท่านั้น
"ยัยพราวคงไม่ได้บอกใช่ไหมว่าบัตรที่ใช้รูดซื้อเสื้อผ้าของคุณนั่นมันเป็นบัตรผมและตอนนี้ผมก็อยากได้ของของ ผมคืน"
ณิรินมองหน้าเขาทันทีเพราะเข้าใจว่าเขาต้องการอะไร ความรู้สึกน้อยใจก่อนหน้าทบทวีขึ้นอีกเป็นเท่าตัวส่งผลให้ขอบตาเธอร้อนผ่าวจวนหยดน้ำตาจะหล่นกับความงี่เง่าและไร้เหตุผลของเขา ทว่าสาวน้อยก็กลั้นฝืนมันเต็มที่มิให้มันไหลออกมาให้ซาตานคนนี้เห็นเป็นอันขาด
"จะให้ฉันคืนเดี๋ยวนี้เลยไหม"
"ก็ดีนะฉันก็ใจร้อนเหมือนกัน"
เมื่อได้ยินคำนั้นณิรินก็ผลักเขาออกทันที และเริ่มปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกอย่างช้าๆ ทีละเม็ดโดยมีสายตาของชูอิจิที่มองอยู่อย่างอยากรู้ว่าเธอจะเก่งและแน่จริงเหมือนปากว่าหรือไหม
ทว่าคนอย่างณิรินถือคติที่ว่าฆ่าได้หยามไม่ได้ในเมื่อเขาต้องการเธอก็จะคืนให้ ไม่นานกระดุมทั้งหมดก็ถูกปลดออกจนหมดและหญิงสาวก็ดึงมันออกมาปาใส่หน้าประธานหนุ่มทันทีและก็เริ่มจัดการกับกระโปรงทรงเอต่อทันทีท่ามกลางความตกใจและไม่คาดคิดของชูอิจิว่าเธอจะกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้
"นี่! พอแล้ว ใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้!"
แต่เธอไม่ตอบกลับถอดกระโปรงออกจนสำเร็จและปาใส่ตัวเขาอีกครั้งพร้อมหยดน้ำตาที่หล่นลงอย่างสุดกลั้น หญิงสาวนึกขอบคุณตัวเองเหลือเกินที่วันนี้ใส่เสื้อซับแบบเดรสมาด้วย ไม่อย่างนั้นคงได้เป็นชีเปลือยเป็นแน่แม้ว่ามันจะบางจนแทบเห็นอะไรต่อมิอะไรก็ตาม
"อยากได้นักไม่ใช่เหรอไง! ก็เอาไปสิไอ้คนงี่เง่า!!"
เธอว่าพลางหันหลังจะเดินออกไปทั้งอย่างนั้นจนร้อนถึงชูอิจิต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้เสียเอง
"ณิริน! มาใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้นี่เป็นคำสั่ง!! "
หากแต่หญิงสาวไม่ฟังเสียงเดินดุ่มๆ ออกไปจนชูอิจิต้องออกแรงเขาใช้กำลังกอดเธอจากด้านหลังและลากเธอกลับมาที่กองเสื้อผ้าที่ทิ้งไว้ พลางพยายามจับเสื้อขึ้นมาใส่ให้เธอราวกับแม่แต่งตัวให้ลูก โดยที่หญิงสาวก็ออกแรงดิ้นสุดกำลังเพราะโมโหความใจร้ายของเขา
"อยู่เฉยๆ สิ!!"
เขาว่าพลางจับเธอที่กำลังจะวิ่งหนีให้นั่งลงแล้วนั่งทับตัวเธอเอาไว้ไม่ให้ออกแรงไปไหนได้อีกโดยลืมไปว่าเสื้อผ้าเนื้อบางของหญิงสาวมิอาจกั้นการเสียดสีของกันและกันได้
***
