บท
ตั้งค่า

เพื่อน...ที่ผมไม่รู้จัก(1)

ตอนที่ 4

เพื่อน..ที่ผมไม่รู้จัก

“ช่วงนี้อยู่บ้านไม่มีอะไรทำก็จะดูเหงาหน่อยแต่อีก 2 วัน ตัวเล็กก็จะคลอดแล้ว คุณคงจะลืมความเหงาไปเลย”

ปราบหันไปพูดกับคุณแม่รับจ้างด้วยความเป็นห่วงเพราะเข้าใจดีว่าการที่ต้องอยู่บ้านหลังใหญ่เพียงคนเดียวและยังไม่คุ้นชินอาจจะทำให้แพรวารู้สึกเหงาเพราะก่อนหน้านี้หญิงสาวใช้เวลาในเกือบทุกวันในการทำงานที่บริษัท

“ไม่เหงาหรอกค่ะบ้านยังไม่ได้จัดเลยเหลือเวลาไม่มากนักแพรคงต้องรีบทำทุกอย่างให้เรียบร้อยเพราะถ้าตัวเล็กมาคงไม่มีเวลาจริงๆ”

“ถ้าเหงาจะออกไปเดินเล่นข้างนอกก็ได้นะหรือจะไปที่ห้างสรรพสินค้าหาซื้ออะไร ขากลับค่อยโทรบอกผมจะได้กลับด้วยกัน”

ปราบถึงแม้ว่าจะไม่อยากให้สาวน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้าออกไปไหนคนเดียวโดยไม่มีเขาแต่ก็ยอมเปิดทางถามเผื่ออีกฝ่ายจะมีธุระอะไรที่ต้องออกไปทำ

“ไม่หรอกค่ะแพรไม่อยากไปไหน ช่วงนี้ข้างนอกยิ่งมี โรคระบาดอยู่กลัวว่าจะไปเอาเชื้อมาติดลูกของคุณ”

สาวน้อยที่ยังคงอยู่ในชุดทำครัวหันมาส่งยิ้มให้ท่านประธานก่อนที่เขาจะขับรถออกไปทำงานและเธอก็เริ่มลงมือสะสางงานบ้านต่างๆที่ยังคงไม่เข้าที่เข้าทาง

โทรศัพท์ที่วางอยู่ที่ห้องรับแขกส่งเสียงดังขึ้นทำให้แพรวาต้องวางมือจากการจัดข้าวของในครัวเพื่อรีบไปรับเพราะเป็นเบอร์แปลกที่เธอไม่รู้จัก

“มากรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วนี่เปลี่ยนเบอร์ใช่ไหม”

ปลายสายที่โทรมาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นโอมเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยประถมทั้งคู่ไม่ได้เจอกันนานหลายปี แพรวาจึงดีใจมากที่วันนี้เพื่อนสนิทของเธอติดต่อมา

“มาได้สักพักแล้วมัวแต่หางานทำอยู่พอได้งานก็เลยคิดถึงเธออยากจะพาไปเลี้ยงข้าวสักมื้อออกมาเจอกันได้ไหม”

สาวน้อยคุณแม่รับจ้างถึงแม้ว่าจะไม่อยากออกไปข้างนอกในช่วงนี้แต่เมื่อเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอที่ไม่ได้พบเจอกันมานานนัดออกไปกินข้าวเธอจึงเต็มใจและรีบแต่งตัวออกไปทันที

แพรวาส่งข้อความทางไลน์ไปบอกให้ปราบรู้ว่าเธอกำลังจะเดินทางไปที่ไหนเพียงแต่ไม่ได้บอกว่าออกไปพบเจอใครเพราะเธอโทรศัพท์ไปหาเขาหลายสายแต่ติดต่อไม่ได้

“หล่อขึ้นเยอะเลยนะโอม”

เพื่อนสนิทต่างยืนจับมือกันด้วยความดีใจเพราะเมื่อวัยเด็กทั้งคู่เป็นเพียงแค่เด็กบ้านนอกที่ครอบครัวมีฐานะไม่ได้ร่ำรวยอะไรจึงมีความถ้อยทีถ้อยอาศัยกันในทุกเรื่องหลายครั้งที่โอมมักจะช่วยเหลือแพรวาในเรื่องของอุปกรณ์การเรียนเพราะครอบครัวของเขามีพ่อเป็นข้าราชการจึงมีโอกาสได้เข้ามาในเมืองบ่อยกว่า

“เขินแย่....แต่ไม่กล้าเถียงเลยนะหลักฐานมันชัดอยู่แล้วว่าเราหล่อขึ้นจริงๆ”

โอมเป็นหนุ่มน้อยขี้เล่น เขาเป็นคนที่อารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาถึงแม้ข้างในแล้วเขาจะมีความทุกข์อยู่มากมายเพื่อนๆหลายคนเวลาที่มีเรื่องทุกข์ใจจึงมักหันหน้ามาคุยกับโอมเพราะเขาจะทำให้ทุกเรื่องกลายเป็นเรื่องเล็กและทำให้ทุกคนยิ้มได้

“ขอให้สนุกกับการทำงานเจอเพื่อนร่วมงานที่ดีนะโอม”

คำอวยพรของแพรวามันดูมีความเศร้าอยู่ในสายตาของเธอถึงโอมจะไม่ได้เจอเพื่อนหญิงคนนี้มานานแต่เขาก็สังเกตเห็นได้

“ขอบใจมากนะแพร แล้วเธอล่ะทำงานที่ไหน ”

โอมถามกลับถึงแม้ว่าความจริงเขาอยากจะถามมากกว่านี้เพราะสังเกตเห็นว่าแพรวาดูสีหน้าเปลี่ยนไปหลังจากที่เธอคุยกับเขาเรื่องงานแต่ด้วยความที่ไม่ได้เจอกันนานโอจึงเลือกที่จะยังไม่ถามตรงๆ

“ก็ทำงานทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ คุยเรื่องของโอมดีกว่าเราอยากรู้ว่าตั้งแต่เราไม่ได้เจอกันช่วงเรียนมหาวิทยาลัยเธอไปทำอะไรอยู่ที่ไหนบ้างเล่าให้ฟังบ้างสิ”

แพรวาไม่รู้จะตอบเพื่อนว่าเธอทำงานอะไรเพราะสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่สำหรับเธอมันคืองานแต่สำหรับคนอื่นคงเรียกว่าการมีครอบครัวคงมีแต่เธอกับปราบเท่านั้นที่รู้ว่าทุกอย่างเป็นแค่เพียงการจัดฉากเท่านั้น

บทสนทนาส่วนใหญ่ระหว่างเพื่อนทั้งสองคนเป็นเรื่องราวชีวิตของโอมในช่วงที่ทั้งคู่ไม่ได้เจอกันส่วนแพรวาก็ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีเธอยิ้มและหัวเราะไปกับความสุขในชีวิตของเพื่อนโดยที่เธอแทบจะไม่ปริปากพูดอะไรที่เป็นชีวิตของเธอเลย

“ชีวิตของเราก็มีแค่นี้แหละไม่มีอะไรผาดโผนเรียนก็เลือกเรียนไม่ไกลบ้านไม่เหมือนเธอที่มาเรียนไกลถึงกรุงเทพฯตอนที่บอกพ่อกับแม่ว่าจะมาสมัครงานที่นี่ท่านยังทำท่าจะไม่ยอม โอมต้องพยายามหาเหตุผลว่าล้อมอยู่ตั้งนานไม่อย่างนั้นคงไม่มีโอกาสได้บินมาไกลบ้านเหมือนคนอื่นเขา”

โอมเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัวพ่อและแม่จึงเป็นห่วงมากแทบจะไม่ยอมให้ไกลตาและนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แพรวากับโอมต้องแยกกันเรียนมหาวิทยาลัยทั้งที่ความจริงทั้งคู่ตั้งใจว่าจะเรียนด้วยกันแต่คณะที่แพรวาอยากเรียนเป็นคณะของมหาวิทยาลัยที่อยู่กรุงเทพฯจึงทำให้ครอบครัวของโอมไม่ยอม

“อย่าคิดมากบางทีในวันที่เธออยากออกมาใช้ชีวิตห่างไกลครอบครัวอาจจะมีบางคนที่เขาอยากกลับไปอยู่กับคนที่เขารักก็ได้ชีวิตของคนเราคงไม่มีอะไรสมหวังไปทั้งหมดแต่เราก็ต้องสู้ต่อไปเพราะบางทีหนทางข้างหน้าอาจจะมีความสุขรออยู่”

“มีอะไรหรือเปล่าแพรถึงเราไม่ได้เจอกันนานแต่โอมก็ยังเป็นเพื่อนที่รักและหวังดีกับแพรเสมอนะมีอะไรก็เล่าให้กันฟังได้ตลอด”

ชายหนุ่มตัดสินใจถามไปตรง ๆ เพราะคำพูดของเพื่อนสนิทในครั้งนี้มันแสดงถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นภายในหัวใจถึงแม้ว่าโอมจะยังคิดไม่ออกว่าปัญหาที่แพรวากำลังแบกไว้มันคือเรื่องอะไรเพราะเขากับเธอไม่ได้พูดคุยและเจอหน้ากันมานาน

“ไม่มีอะไรหรอกเราก็พูดไปอย่างนั้นแหละฟังดูเศร้าเนาะแต่ตอนนี้ชีวิตของเราก็ดีขึ้น แม่ก็กำลังจะหาย พ่อเริ่มกลับมามีความสุขมากขึ้น”

โอมรับรู้เรื่องอาการป่วยของแม่แพรวาจากครอบครัวของเขาแต่ไม่ได้รับรู้ว่าครอบครัวของแพรวากำลังเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจเพราะพ่อของโอมเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ลูกชายฟังกลัวว่าจะทำให้เขาเป็นห่วงเพื่อนและยิ่งพยายามที่จะมากรุงเทพให้ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel