เพื่อน...ที่ผมไม่รู้จัก
ชายหนุ่มตัดสินใจถามไปตรง ๆ เพราะคำพูดของเพื่อนสนิทในครั้งนี้มันแสดงถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นภายในหัวใจถึงแม้ว่าโอมจะยังคิดไม่ออกว่าปัญหาที่แพรวากำลังแบกไว้มันคือเรื่องอะไรเพราะเขากับเธอไม่ได้พูดคุยและเจอหน้ากันมานาน
“ไม่มีอะไรหรอกเราก็พูดไปอย่างนั้นแหละฟังดูเศร้าเนาะแต่ตอนนี้ชีวิตของเราก็ดีขึ้น แม่ก็กำลังจะหาย พ่อเริ่มกลับมามีความสุขมากขึ้น”
โอมรับรู้เรื่องอาการป่วยของแม่แพรวาจากครอบครัวของเขาแต่ไม่ได้รับรู้ว่าครอบครัวของแพรวากำลังเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจเพราะพ่อของโอมเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ลูกชายฟังกลัวว่าจะทำให้เขาเป็นห่วงเพื่อนและยิ่งพยายามที่จะมากรุงเทพให้ได้
“แพรเป็นลูกที่เยี่ยมมากเลยรู้ไหมถึงแม้จะเพิ่งเรียนจบแต่ก็สามารถหาเงินมารักษาแม่ได้ พ่อของเราชื่นชมเธอให้ฟังอยู่บ่อยๆ”
มือใหญ่จับมือเล็กของเพื่อนขึ้นมาสองมือประสานกันเพื่อให้กำลังใจเพราะคิดว่าบางทีความเศร้าในแววตาของแพรวาอาจจะเกิดจากอาการป่วยของมารดาที่เคยทรุดหนักลง
“คุณภรรยาจะออกมาข้างนอกทำไมไม่สามีบอกตั้งแต่เช้าล่ะครับ ผมจะได้มาส่ง”
เพื่อนสนิททั้งสองคนหันมองไปตามเสียงที่ดังมาจากทางด้านหลังของแพรวาด้วยความตกใจเพราะเสียงนั้นฟังดูไม่ค่อยเป็นมิตรเสียเท่าไหร่
“เอ่อ...แพรส่งข้อความไปบอกคุณแล้วไม่รู้ว่าคุณเห็นไหม”
สาวน้อยในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นตามแบบเด็กสาวบ้านนอกทั่วไปลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงคือปราบที่ตอนนี้เป็นทั้งเจ้านายและสามีในนามของเธอ
“ผมเห็นแล้วถึงได้รีบมาแล้วนี่จะไม่แนะนำให้ผมรู้จักหน่อยหรือครับว่าผู้ชายที่กำลังคุยกับภรรยาของผมอยู่เป็นใคร”
ปราบมองหน้าโอมด้วยแววตาที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ถึงแม้จะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าก็ตามแต่มันดูเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ
“โอมนี่คุณปราบสามีของเราเองส่วนนี่โอมเพื่อนสนิทของแพรตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่ต่างจังหวัดค่ะ”
หญิงสาวพยายามตั้งสติเธอทั้งกลัวและตื่นเต้นใจหนึ่งก็กลัวว่าปราบจะรู้สึกไม่พอใจที่เธอออกมาข้างนอกโดยที่ไม่ได้บอกเขาก่อนอีกใจก็กลัวว่าโอมจะจับได้ว่าเธอกับปราบไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
หนุ่มใหญ่ในชุดสูทดูดีส่งมือให้อีกฝ่ายจับเพื่อแสดง ความยินดีที่ได้รู้จักกัน โอมยื่นมือออกไปด้วยความลังเลเพราะเขาเดาใจชายหนุ่มตรงหน้าไม่ออกว่าเขากำลังรู้สึกไม่พอใจหรือเปล่าที่ภรรยาออกมาเจอผู้ชายอื่นข้างนอกแบบนี้
“ผมเพิ่งเข้ามาอยู่กรุงเทพฯได้ไม่นานและเพิ่งจะหาเบอร์โทรศัพท์ของแพรวาได้จึงนัดเธอออกมาเจอต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เธอไม่ได้บอกคุณก่อน”
โอมถึงแม้จะยังสับสนรู้สึกไม่เข้าใจกับเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นเพราะแพรวาไม่ได้เล่าให้ฟังว่าตอนนี้เธอได้แต่งงานมีครอบครัวแล้วโอมจึงไม่รู้มาก่อนและอยู่ดีๆเมื่อสามีของแพรวามาแสดงตัวแบบนี้โอมจึงอดรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้กลัวจะทำให้แพรวาต้องมีปัญหากับสามี
“ไม่เป็นไรหรอกครับผมไม่ได้ว่าอะไรแค่รู้สึกเป็นห่วงเท่านั้นเพราะปกติผมจะไม่ค่อยอนุญาตให้ภรรยาไปไหนมาไหนคนเดียวก็อย่างว่าผมอายุมากแล้วและมีภรรยาเด็กด้วยก็ย่อมจะหวงและเป็นห่วงมากหน่อย”
บรรยากาศในการพูดคุยจากที่เป็นความสนุกสนานคุ้นเคยระหว่างเพื่อนแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียดทันทีทุกคนล้วนใช้คำพูดอย่างระมัดระวังจนในที่สุดโอมก็ต้องเป็นฝ่ายขอตัวโดยอ้างว่าเขามีธุระต้องไปทำต่อ
“ไว้โอกาสหน้าเราสองคนจะพาลูกมาแนะนำให้รู้จักนะครับ”
ประโยคทิ้งท้ายของปราบทำให้โอมต้องรู้สึกตกใจขึ้นอีกครั้งเพราะเขาไม่เคยรับรู้เลยว่าตอนนี้แพรวามีลูกแล้วอย่างน้อยถ้าเธอมีลุกจริงๆพ่อของเขาก็น่าจะพูดให้ฟังบ้างแต่นี่คนที่ต่างจังหวัดไม่มีใครรับรู้ว่าแพรวาแต่งงานและนี่ถึงขั้นมีลูกอีกด้วย
“เราคงมีเรื่องต้องคุยกันอีกยาว”
ปราบจับมือภรรยาของเขาแน่นก่อนที่จะดึงตัวเธอเข้ามากอดและกระซิบด้วยประโยคที่ฟังดูก็รู้ว่าคนพูดกำลังรู้สึกไม่พอใจแพรวาจึงไม่กล้าทำอะไรนอกจากเดินตามเขากลับไปที่รถด้วยหัวใจที่รู้สึกกลัว
