เด็กวุ่นวาย
“แล้วตอนนี้คุณอาอยากกินทิชาหรือเปล่าคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามพร้อมกับหัวใจดวงน้อยที่เต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง เพราะในใจก็หวังให้เขาคิดเหมือนกันกับเธอ
“ไม่ครับ อาไม่ชอบกินเด็ก”
“ทำไมถึงไม่ชอบทิชาล่ะคะ?” ทิชาค่อยๆ หุบยิ้มลง เมื่อได้ยินในสิ่งที่เขาตอบกลับ มันรู้สึกจุกอยู่ในอกจนเริ่มหายใจลำบาก
“…..”
“แล้วทิชาไม่ดีหรือไม่สวยตรงไหน ทำไมคุณอาถึงไม่ชอบทิชาบ้าง”
ชายหนุ่มจ้องหญิงสาวกลับคืน ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนตัวเธอล้วนเพอร์เฟคและสมบูรณ์แบบ แล้วมันก็คงไม่เหมาะสมถ้าเกิดว่าเขาจะคิดอะไรเกินเลยกับหลานสาวคนนี้
“ตอนนี้มันดึกมากแล้ว อาขอตัวไปนอนก่อนดีกว่า” วรกันต์เลี่ยงที่จะไม่ตอบ ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นยืนแล้วหมุนตัวเดินออกมาจากห้องนั้น โดยไม่สนเสียงร้องเรียกของร่างบางที่ตะโกนตามหลังมา
“คุณอาคะ คุณอา!”
“…..”
“คิดเหรอว่าทิชาจะยอมง่ายๆ” ร่างบางพูดอย่างใจเจ็บเมื่อเห็นท่าทางหมางเมินของผู้เป็นอา ยิ่งเขาหลีกหนีเธอยิ่งอยากตาม
“คนอย่างทิชา ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้!”
เช้าวันต่อมา…
ทิชาขยับพลิกตัวไปมาเมื่อได้ยินเสียงรบกวนอะไรบางอย่างที่ดังอยู่ภายนอก ในขณะที่เธอกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง
สองขาเรียวก้าวลงจากเตียงด้วยความสะลึมสะลือ พร้อมกับเปิดประตูห้องออกไป
“อื้มมม อื้ออ”
“นะ…นายคะ อืมมม”
หญิงสาวหยุดชะงักยืนนิ่งไปชั่วขณะ ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อภาพที่เธอเห็นคือ วรกันต์กำลังยืนจูบกับผู้หญิงอีกคนอย่างดูดดื่มอยู่กลางห้องรับแขก
“ทำอะไรกันอยู่หรอคะ?”
“…..” คนทั้งสองต่างผละออกจากกันเมื่อได้ยินเสียงหวานของทิชาที่ดังขึ้น หญิงสาวที่มาใหม่รีบจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมหลุดลุ่ยของตัวเองให้เข้าที่
“ดูน่าสนุกจังเลยนะคะ ขอทิชาทำด้วยคนได้ไหม?” คนตัวเล็กคลี่ยิ้มกว้างตีหน้าตายมองคนทั้งสองด้วยสายตาประชดประชัน
ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเขาเพิ่งจูบกับเธอมา แต่เช้าวันถัดมากลับไปยืนจูบกับผู้หญิงอีกคน มันเลยทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอบีบรัดขึ้นมาเสียดื้อๆ
ถึงแม้ว่าเธอกับวรกันต์จะไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ความรู้สึกมันก็ห้ามกันไม่ได้อยู่ดี ไม่รู้ว่าตัวเองไปเผลอใจให้เขาตอนไหน พอมารู้สึกตัวอีกทีก็ตกหลุมรักเขามากจนยากที่จะถอนตัว
“ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” วรกันต์ถามเด็กสาวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ใบหน้าคมคายของเขาไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา
“สักพักแล้วค่ะ” ทิชาตอบกลับพลางปรายหางตาไปมองยังผู้หญิงคนใหม่ ถ้าจำไม่ผิดเธอคือพนักงานในบริษัทของวรกันต์
“เลขาแค่เอาเอกสารมาให้เซ็นน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” ชายหนุ่มตอบกลับก่อนจะเดินมาหาคนตัวเล็กแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“…..”
“เธอกลับไปได้แล้วไป ถ้ามีงานด่วนอะไรเดี๋ยวฉันจะโทรบอก”
“ค่ะนาย งั้นตองกลับก่อนนะคะ” เลขาสาวพูดด้วยน้ำเสียงรีบร้อนแล้วรีบเก็บของเดินออกจากห้องไป
“…..”
“เป็นไงบ้าง เมื่อคืนหลับสบายดีไหม?”
“หลับสบายดีค่ะ แต่พอได้ยินเสียงรบกวนก็เลยตื่น”
“แล้วทำไมไม่เปลี่ยนชุดให้เรียบร้อย” ดวงตาคู่คมมองสำรวจคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าเมื่อเห็นว่าเธอสวมใส่เพียงชุดนอนบางๆ จนเผยให้เห็นถึงผิวขาวนวลน่าสัมผัส
“ทิชาหิวน้ำเลยออกมากินน่ะค่ะ ไม่คิดว่าจะมาเจอ…”
“…..”
“คนที่ชื่อตองกับคุณอาเป็นอะไรกันหรอคะ?”
“แล้วหนูจะอยากรู้ไปทำไม?” วรกันต์เอ่ยคำถามพร้อมหย่อนสะโพกนั่งลงบนโซฟาจิบกาแฟยามเช้า โดยไม่ได้สนใจท่าทางร้อนรนของคนตัวเล็กเลยสักนิด
“ก็เห็นเอาเอกสารมาให้เซ็นถึงบนโต๊ะ ทิชาก็เลยอยากรู้ว่าทำอะไรกันแน่” ร่างบางถามกลับแต่ก็มิวายกระแทกเสียงใส่ชายหนุ่ม นี่มันคือพื้นที่ส่วนตัวแต่เขากลับให้ผู้หญิงคนอื่นเข้ามา ถ้าเธอตื่นช้ากว่านี้พวกเขาทั้งสองคงได้ไปทำงานต่อบนเตียงแล้วก็เป็นได้
ปึง! หญิงสาวสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อชายหนุ่มวางกระแทกแก้วกาแฟลงบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความไม่พอใจ
“มันไม่ใช่เรื่องของเด็ก กลับเข้าห้องไปได้แล้ว!”
“คำก็เด็กสองคำก็เด็ก แล้วเด็กอย่างทิชามันรักใครไม่เป็นเหรอคะ!?”
“…..”
“หนูก็แค่อยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำไมคุณอาถึงจูบกับเขาเหมือนที่จูบกับหนู” ขอบตาทั้งสองข้างค่อยๆ เห่อร้อนขึ้นมาเมื่อได้พูดความอัดอั้นที่เก็บมานาน
“ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เป็นอะไรกับอาทั้งนั้นแหละ”
“แล้วทิชาล่ะคะ ทิชาเป็นอะไรสำหรับคุณอาได้บ้าง?”
“…..”
“ตอบมาสิคะ ตอบทิชามา” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิม หลังจากที่เห็นว่าผู้เป็นอาเอาแต่นั่งเงียบไม่ได้สนใจความรู้สึกของเธอเลยสักนิด
“ไม่ได้เป็นอะไรกับอาทั้งนั้น แล้วอาก็ไม่เคยคิดอะไรกับหนู เลิกทำตัวแบบนี้สักที”
“แล้วเรื่องเมื่อคืนล่ะคะ คุณอาลืมมันไปหมดแล้วเหรอ?”
“ก็แค่จูบ อาไม่ได้คิดจริงจังอะไร หนูลืมมันไปซะเถอะ!”
“อากาย!” น้ำตาที่อดกลั้นเอาไว้ก่อนหน้านั้น พังทลายลงมาแบบไม่มีชิ้นดีหลังจากที่เขาพูดจบ
เขาเป็นรักแรก จูบแรกของเธอ แต่สิ่งที่เขาทำมันเหมือนกับย่ำยีหัวใจดวงน้อยจนแทบไม่มีชิ้นดี ถ้าความรักมันห้ามกันได้ เธอก็คงเลือกที่จะไม่รักเขา
“สถานะของเราสองคนคืออากับหลานเข้าใจไหม ยังไงก็ไม่มีวันเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้!” วรกันต์มองคนตรงหน้าที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ เขาจำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เธอตัดใจ รวมถึงสถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือของเขาเอง
“แต่ทิชารักอานะคะ”
“แต่เรารักกันไม่ได้! อาไม่มีวันคิดกับหนูแบบนั้น หนูเลิกเพ้อฝันสักที!”
“…..” ทิชาร้องไห้ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย เธอไม่คิดเผื่อใจไว้เลยสักนิด ไม่คิดว่าเรื่องของเธอกับเขามันจะจบตั้งแต่ที่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ
“ทำไมล่ะคะ ทำไมถึงรักทิชาไม่ได้”
“อาบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไม่เข้าใจหรือไง!”
“คะ…คุณอา!” คนตัวเล็กขยับถอยหลังหนีเมื่อได้ยินเสียงตวาดของผู้เป็นอา เพราะตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยดุด่าหรือทำกับเธอแบบนี้
“ไปเก็บของ เดี๋ยวอาจะไปส่งที่บ้าน”
“ไม่ต้องค่ะ! ทิชามาเองได้ ก็กลับเองได้” มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแสนหวานแบบลวกๆ
ริมฝีปากบางฝืนยิ้มออกมาทั้งๆ ที่ตอนนี้ไม่อยากมองแม้กระทั่งหน้าผู้เป็นอาเลยด้วยซ้ำ ถ้าเธอรู้ว่าเรื่องราวมันจะเป็นแบบนี้ เธอคงไม่คิดที่จะสารภาพรักกับเขาตั้งแต่แรก
“…..”
“แล้วถ้าอาเบื่อทิชามากนัก ต่อจากนี้หนูก็จะไม่มาให้อาเห็นหน้าอีก”
“…..”
