บท
ตั้งค่า

ง้อเด็ก

“มาทำไม?” ฉันถามเสียงแข็ง ไม่มองแม้กระทั่งหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าตอนนี้หัวใจจะเต้นระรัวจนจะหลุดออกจากอกก็ตามเถอะ

“มาง้อเด็ก”

ปึ้ง! สิ้นประโยคนั้น ฉันจึงรีบปิดประตูใส่หน้าเขาอย่างแรง แต่ไม่ทันการเมื่อเขาแทรกตัวเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ

“เข้ามาไม่ได้นะ”

“อามีธุระอยากจะคุยกับหนู”

“คุณอามีธุระอะไรหรอคะ?”

“อาลงจากเครื่องมาเหนื่อยๆ ขอน้ำกินสักแก้วหน่อยสิ” เขาเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะวาดสายตามองสำรวจทุกซอกทุกมุมคล้ายกับมองหาอะไรบางอย่าง นี่เขาคงคิดว่าฉันต้องแอบผู้ชายไว้แน่ๆ

“ไม่ได้นะคะ นี่มันเป็นห้องของทิชากับแมรี่ ไม่ใช่ห้องของทิชาคนเดียวสักหน่อย” ฉันรีบร้องปรามเมื่อคนตัวโตหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างสบายใจ

”คุณอาออกไปได้แล้ว”

“อาไม่เคยมาที่นี่ ยังไม่รู้ว่าที่ไหนเป็นที่ไหน ถ้าหาโรงแรมได้แล้วจะรีบไป”

“…..” ฉันยืนมองคนตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ นี่ฉันกำลังฝันไปหรือเปล่า ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนฉันตั้งตัวไม่ทัน ทั้งๆ ที่เราเพิ่งคุยกันเมื่อวานแท้ๆ แต่พอมาตอนเช้า เขากลับมานั่งอยู่ต่อหน้าฉัน

“หนูอย่าใจร้ายกับอามากได้ไหม ขอแค่ได้นั่งอยู่ตรงนี้สักพัก เดี๋ยวอาก็ไปแล้ว” อากายพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า ท่าทางและสีหน้าของเขามันเหมือนคนยังไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ พอได้เห็นท่าทางของเขา ฉันก็เริ่มรู้สึกสงสารขึ้นมาแล้วสิ

“ถ้างั้นก็ได้ค่ะ เดี๋ยวทิชาไปเอาน้ำมาให้นะ”

“ขอบคุณครับ”

ผ่านไปไม่นาน ฉันก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับขวดน้ำและผ้าเย็นที่อยู่ในมือเพื่อให้เขาเอาไว้เช็ดหน้าจะได้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง

“อาทำถึงขนาดนี้จะหายโกรธได้หรือยัง?”

“ทิชามีสิทธิ์โกรธอาด้วยเหรอคะ?” ฉันถามกลับก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ

“สำหรับอา ทิชามีสิทธิ์ทุกอย่าง”

“ดูย้อนแย้งจังเลยนะคะ เป็นคนไล่ทิชาแต่พอมาวันนี้อากลับเป็นฝ่ายที่ตามทิชามาเอง”

“…..” เขาเงียบไปเมื่อได้ยินในสิ่งที่ฉันพูด

“อาต้องการอะไรกันแน่ ตอนนี้ทิชาสับสนไปหมดแล้ว”

“ที่อามาวันนี้เพราะมีเรื่องอยากจะคุยกับหนู”

“มีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ ทิชารอฟังอยู่”

“อาอยากให้หนูกลับมารักอาเหมือนเดิม”

“เรื่องแค่นี้ใช่ไหมที่อาอยากคุยกับหนู”

“ครับ”

“แค่ทิชาบอกว่าไม่รัก คุณอาถึงขั้นลงทุนบินมาหาที่เยอรมันเลยเหรอคะ?” ฉันขำออกมาเบาๆ ราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่คิดแบบนั้น เพราะสีหน้าของอากายมันดูจริงจังไม่ได้ตลกเลยสักนิด

“จะว่าแบบนั้นก็ได้” อากายตอบกลับ ก่อนจะหันมาจ้องหน้าฉันนิ่ง

“เพราะแค่คำนั้นคำเดียวที่ทำให้อาตัดสินใจบินมาหาหนูถึงที่นี่”

“…..”

“เวลาที่ไม่มีหนูอยู่ด้วยมันรู้สึกแปลกๆ ชีวิตอาเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป”

“แล้วทำไมไม่ให้คุณน้ำฝนมาเติมเต็มล่ะคะ รักเขามากไม่ใช่เหรอ จะมาหาทิชาทำไม?” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน เพราะเขาก็มีแฟนอยู่แล้ว ยังอุตส่าห์ลงทุนบินมาหาฉันถึงที่นี่

“อาบอกเลิกเขาไปแล้ว”

“พูดจริงเหรอคะ?” ฉันถามอย่างไม่เชื่อ เพราะพวกเขาสองคนดูรักกันดี ไม่คิดว่าจะเลิกกัน

“อากายก็ดูรักคุณน้ำฝนดีนะคะ ทำไมถึงยอมเลิกกัน”

“แต่อารักหนูมากกว่าเขา”

“…..” ฉันชะงักไปชั่วขณะเมื่อได้ยินคำว่ารักจากปากเขา ทั้งๆ ที่อากายบอกรักฉันมาโดยตลอด แต่ในครั้งนี้ฉันกลับรู้สึกไม่เหมือนทุกครั้ง

“อาคิดถึงหนูมากนะ แล้วทิชาล่ะ คิดถึงอาบ้างหรือเปล่า?”

“แล้วคุณอาคิดว่าทิชาควรคิดถึงคนใจร้ายคนนั้นไหมล่ะคะ?” ฉันมองหน้าเขากลับคืน แน่นอนว่าคำพูดของฉันทำเอาเขาอึ้งไปพักนึง

“…..”

“นั่นแหละค่ะคือคำตอบของทิชา” แล้วฉันก็ไม่เชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดมันจะเป็นความจริง เพราะครั้งที่แล้วมีแต่เขาที่คอยพยายามจะผลักไสฉันทุกอย่าง แต่พอมาวันนี้กลับมาบอกว่าฉันเป็นคนสำคัญ

“โอเคครับ ไม่คิดถึงก็ไม่คิดถึง” ริมฝีปากหนาฝืนคลี่ยิ้มออกมา เพราะรู้ดีว่าฉันเป็นคนไม่ชอบอะไรเซ้าซี้

“…..”

“งั้นก็หันมาดูหน่อยสิ ว่าอามีของอะไรมาฝาก”

ทันทีที่ได้ยินคำว่าของฝาก ฉันก็เริ่มมีท่าทางลังเล หางตาแอบเหลือบไปมองของฝากที่อยู่ในมืออากาย ก่อนจะตาลุกวาวเมื่อเห็นว่ามันคือขนมหม้อแกง ขนมที่ฉันโปรดปรานมากที่สุด

“ได้ข่าวมาว่าที่เยอรมันหากินยากด้วยนะ อาเลยซื้อมาฝาก”

“แค่ขนมหม้อแกง ทิชาไม่อยากกินหรอกค่ะ”

“แน่ใจว่าไม่อยาก?”

“…..”

“ถ้าอยากกินก็มานั่งตรงนี้” อากายตบไปที่ตักของตัวเองเบาๆ อย่างรู้ทันพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองปฏิกิริยาของฉัน

“…..”

“อาขอค่าหิ้วเป็นการได้หอมแก้มหนูก็พอ”

“ก็ได้ๆ ทิชาให้หอมแค่ทีเดียวพอนะ” ฉันหรี่ตามองคนตัวโตอย่างไม่ไว้ใจ ยอมรับว่ายังไม่หายงอนแต่ก็อยากกินขนมด้วย

“ครับ”

ฉันเอียงหน้าเข้าไปใกล้ๆ เพื่อให้อากายหอม แต่กลับต้องเบิกตากว้างเมื่อเขาดึงฉันไปจูบ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากตัวเขามันทำให้ฉันตกอยู่ในภวังค์แบบไม่รู้ตัว

มือเล็กเลื่อนไปกำชายเสื้อของอากายไว้แน่นเมื่อเขาสอดลิ้นร้อนเข้ามาในโพรงปาก ก่อนจะดูดดึงพร้อมขบกัดที่ริมฝีปากของฉันเบาๆ ฉันได้แต่นั่งนิ่งยอมให้เขาจูบอยู่แบบนั้น โดยไม่ขัดขืน

“อื้ออ” เสียงหวานเปล่งร้องครางในลำคอเมื่อจูบของเราสองคนเริ่มหนักหน่วงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“อะ…อากาย”

“อ่ะแฮ่ม!” เสียงของแมรี่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำเอาเราสองคนต่างรีบผละออกจากกัน

“มะ…แมรี่ แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” ฉันถามด้วยอาการเลิ่กลั่กเพราะกลัวว่าแมรี่จะเห็นตอนที่เราสองคนจูบกัน ไม่สิ! ฉันว่ายัยแมรี่ต้องเห็นแล้วแน่ๆ

“ก็มาตั้งแต่ที่คุณอาดึงแกไปจูบแล้วล่ะ” แมรี่ตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

“เอ่อ…คือว่าฉัน…”

“ไหนแกบอกว่าไม่คิดอะไรกับอากายแล้วไง ทำไมถึงได้จูบดูดดื่มกันขนาดนั้น”

“ทิชาบอกเหรอว่าไม่ได้คิดอะไรกับอา?” อากายหันขวับมามองหน้าฉันทันทีที่แมรี่พูดจบ

“ก็ใช่น่ะสิคะ ยัยทิชาเป็นคนบอกเอง ว่าไม่ได้คิดอะไรกับอา แถมยังบอกอีกนะคะว่าจะรีบหาผู้ชายคนใหม่มาแทนที่อา” ไม่พูดเปล่าแต่เพื่อนสาวตัวดียังตีหน้าซื่อเล่าความจริงออกมา ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยากให้มันพูดออกมาก็ตามเถอะ

“หนูพูดแบบนั้นจริงๆ เหรอ?”

“ยัยแมรี่ ยัยเพื่อนปากสว่าง” ฉันหันไปแยกเขี้ยวจ้องแมรี่ตาเขม็ง เพราะรู้ดีว่ามันจงใจที่จะแกล้งฉัน

“ฉันขอตัวก่อนนะ ไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอ” พูดจบแมรี่ก็เดินออกไป ทิ้งให้ฉันนั่งเผชิญชะตากรรมอยู่คนเดียว ยัยเพื่อนบ้า! อย่าให้ถึงตาฉันบ้างก็แล้วกัน ฉันจะฝังมันไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดเลยคอยดู

“…..”

“ตอบอามา! หนูได้พูดเหมือนที่แมรี่บอกไหม?” อากายพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิม

“ใช่ค่ะ ทิชาพูดเอง!”

“…..”

“ก็แล้วทำไมจะพูดไม่ได้ล่ะคะ ที่อายังทำกับทิชาได้เลย พอทิชาทำคืนบ้างจะมาเดือดร้อนทำไม!?”

“แล้วต้องให้อาทำยังไง หนูถึงจะเลิกประชดแบบนี้สักที”

“…..” ฉันเบือนหน้าหันหนีไปอีกทาง อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะอดทนง้อฉันได้สักกี่น้ำ

“ที่มาวันนี้ อาตั้งใจที่จะมาเคลียร์กับหนูให้รู้เรื่องนะ ตอนนี้อาไม่เป็นอันทำอะไรแล้วนะทิชา”

“หนูมันก็เป็นแค่หลาน อาจะมาสนใจทำไมคะ”

“งั้นหนูก็จำไว้เลยนะ ว่าไม่มีอาหลานที่ไหนเขาจูบแลกลิ้นกันขนาดนี้”

“…..”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel