บทที่ 2
เพราะเสียงร้องของหล่อน ทำให้เขาต้องรีบยกมือปิดปาก ด้วยกลัวว่าชายหญิงคู่นั้นจะได้ยินเข้า แม้ว่าการกระทำของทั้งคู่จะเป็นเรื่องผิด และหากย่าของเขารู้เรื่องเข้าก็คงไม่พ้นถูกไล่ออก แต่เขาก็มีมารยาทพอ ที่จะไม่ทำลายสวรรค์ของคนพวกนั้นให้ต้องทลายลง
“ไม่รู้รึไง ว่าแอบดูคนอื่นมันเสียมารยาท...“ ปากถาม ทว่าสายตาก็ลอบมองใบหน้าอวบอิ่มไปพลางๆ เหมือนจะจำได้ว่าเคยเห็นเด็กนี่วนเวียนอยู่ใกล้ๆ ย่าของเขา ส่วนจะชื่ออะไรนั้นเขาจำไม่ได้
โตจนป่านนี้แล้วเหรอ เขาจำได้ว่าตอนเห็นเธอครั้งสุดท้าย ยังตัวเล็กเท่าลูกแมวอยู่เลย แต่นี่เวลาแค่ไม่กี่ปีโตเป็นสาว อีกทั้งยังสวยจนเกือบจำไม่ได้ เวลาช่างผ่านไปไวจริงๆ
“คะ...คุณปล่อยฉันก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะดีไม่ดี” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเบาๆ รู้สึกวูบวาบไปกับมือไม้ของเขาที่กำลังเกี่ยวรัดโอบรอบเอวกันอยู่ไม่น้อย ไม่บ่อยนักที่จะได้ใกล้ชิดกับเพศตรงข้ามแบบนี้ อีกทั้งคนที่ว่าก็ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน แต่เป็นชายในฝัน ที่เธอเฝ้าแอบรักอยู่เพียงลำพังมานาน
“เธอ...คือเด็กที่ชอบทำตัวติดคุณย่าของฉันบ่อยๆ ใช่ไหม ชื่ออะไรนะ ฉันลืมแล้ว” คนถูกถามรู้สึกเจ็บช้ำไม่น้อย เพราะแม้แต่ชื่อเขาก็ยังจำไม่ได้ ในขณะที่เธอจำทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาได้จนหมด แต่ถึงจะเจ็บช้ำหัวใจแค่ไหนก็จำต้องเอ่ยบอกออกไปอย่างเสียไม่ได้...
“นิ่มค่ะ”
“สวัสดีนิ่ม...ไม่ได้เจอกันนาน โตขึ้นเยอะเลยนะ” คนพูดหยุดนิ่งไปครู่ เมื่อเสียงกิจกรรมเข้าจังหวะของชายหญิงคู่นั้น ดังแทรกเข้ามาในบทสนทนาระหว่างเขากับคนตรงหน้า
”แล้วนี่...เรียนจบแล้วรึยัง”
แม้เขาจะกลับมาเยี่ยมคุณย่าอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่ค่อยได้เจอคนตรงหน้าสักเท่าไหร่ ซึ่งหากจำไม่ผิด หล่อนถูกส่งไปเรียนโรงเรียนประจำตั้งแต่มอสาม จะได้กลับบ้านสวนก็แค่ในช่วงปิดเทอมเท่านั้น จึงไม่แปลกที่จะไม่ค่อยได้เจอหน้าเธอ
“เพิ่งเรียนจบค่ะ ตอนนี้กำลังหางานทำอยู่” เสียงที่ดังตอบกลับมานั้นดูน่าฟังชอบกล แม้จะเป็นการพูดสั้นๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอยากที่จะละสายตาไปไหน โดยเฉพาะกลิ่นหอมบางอย่างที่มันลอยฟุ่งอยู่รอบตัวของคนตรงหน้า ก็ชวนทำให้อยากเข้าไปสูดดมใกล้ๆ แต่ทั้งหมดที่ว่าไปนั้นก็ทำได้แค่คิด เพราะเอาเข้าจริงเขาก็ไม่กล้าไปยุ่งวุ่นวายกับเด็กในปกครองของย่ามากนัก ด้วยพอจะรู้มาอยู่บ้าง ว่าผู้เป็นย่าของเขานั้น ค่อนข้างที่จะ ‘หวง’ เด็กคนนี้มากเป็นพิเศษ
“อ๊ะๆ พี่จ๋าเร่งหน่อย ไม่ไหวแล้ว แรงอีก! อ่าส์ กรี๊ดดดด!!” ยังไม่ทันที่เธอและเขาจะได้พูดอะไรต่อ เสียงกรีดร้องโหยหวนของคนสองคนก็ดังแทรกมาตามอากาศ ส่งผลให้หญิงสาวที่ไม่เคยมีแม้แต่แฟนคนแรกหน้าขับสีด้วยความอับอาย ใครจะไปคิดว่าแค่อาสาออกมาเก็บมะนาวในสวน จะทำให้เธอต้องมาเจอเข้ากับภาพอะไรแบบนี้ วินาทีแรกที่ได้เห็นมันทำให้เธอตาค้างอยู่นับนาที เพราะจดจำคนทั้งสองได้ซึ่งหนึ่งในนั้นหากจำไม่ผิด เหมือนจะมีสามีอยู่แล้ว
“รีบไปจากตรงนี้กันเถอะ หรือถ้าเธออยากอยู่ดูต่อจนจบ...ก็ตามใจนะ” แน่นอนว่าใครเลยจะอยากอยู่ดู เธอคนหนึ่งละที่ไม่อยากเลยสักนิด
สุดท้ายนลิสา ก็ไม่มีทางเลือก จำต้องเดินตามเขากลับขึ้นเรือนไปอย่างเสียไม่ได้...
ซึ่งภาพของคนสองคนที่เดินเคียงคู่กันขึ้นมาบนเรือน ก็ยิ่งทำให้คนที่นั่งรออยู่รู้สึกว่าตัวเองคิดถูก...
“มานั่งนี่สิแม่นิ่ม” เสียงจากผู้มีพระคุณที่นอกจากจะใช้หนี้แทนครอบครัวของเธอแล้ว ท่านยังรับเธอมาอุปการะหลังจากที่แม่ของเธอเสียชีวิต ส่วนพ่อก็ไปมีครอบครัวใหม่ของท่าน นานทีปีหนเท่านั้นถึงจะแวะกลับมาให้ได้เจอหน้า แต่การมาของท่านแต่ละครั้งนั้น ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีเลยแม้แต่นิดเดียว เธอเพิ่งรู้ว่าพ่อเรียกร้องเงินจากคุณหญิงไปสองล้านเพื่อแลกกับการที่เธอจะได้มาอยู่กับท่าน
“นี่แม่นิ่ม เป็นยังไง...น่ารักไหม” คำถามที่ส่งตรงมาจากผู้เป็นย่า ทำให้พิชญ์ต้องเงยหน้าขึ้นมองคนข้างกายอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ เขามองหล่อนอย่างตั้งใจ ไม่ใช่ผิวเผินเหมือนอย่างที่ผ่านๆ มา
ซึ่งจะเรียกแบบนั้นก็ได้ คนของย่าน่ารักอย่างที่ท่านว่า ติดแต่เด็กไปหน่อย แม้อีกฝ่ายจะบอกว่าเรียนจบแล้วก็เถอะ!
“แม่นิ่มคนนี้แหละที่ย่าจะให้มาอุ้มท้องลูกของพิชญ์”
“ได้ครับ...ครับ! คุณย่าว่าอะไรนะครับ!”
“ตกใจอะไรขนาดนั้น ย่าแค่บอกว่าแม่นิ่มนี่แหละ ที่ย่าจะให้มาช่วยตั้งท้องลูกของเราให้ ทำความรู้จักกันไว้เสียสิ อีกหน่อยก็ไม่ใช่คนอื่นอื่นไกลกันแล้ว” เมื่อผู้เป็นย่ายืนยันกลับมาเช่นนั้นก็คงต้องเป็นหน้าที่ของเขาแล้วที่ต้องเอ่ยถามออกไป
“จะไม่เด็กไปหน่อยเหรอครับย่า ผมว่า...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อนจะจ้องมองคนข้างกายย่าอย่างสำรวจ ซึ่งสายตาของเขาที่จ้องมองกันราวกับกำลังจะประเมินค่านั้นทำเอาคนถูกมองเริ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่มันเรื่องอะไรกัน อุ้มท้องอะไร ใครอุ้ม แล้วทำไมต้องอุ้ม
“เด็กเดิกอะไรกัน! ยี่สิบห้าแล้ว เจ้านี่เขาหน้าเด็กเฉยๆ”
“เธอโอเคเหรอ กับเรื่องนี้ อุ้มท้องเด็กคนหนึ่งเชียวนะ!” เมื่อขัดผู้เป็นย่าไม่ได้ พิชญ์จึงหันไปถามอีกคนแทน ซึ่งเท่าที่เห็น ก็ดูเหมือนว่า ‘เด็กของย่า’ นั้นแทบไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด เพราะสีหน้าของเธอในตอนนี้นั้นดูตกใจยิ่งกว่าเขาเสียอีก!
“เอ่อ...ค่ะ” เพราะไม่อาจขัดผู้มีพระคุณได้ นลิสาจึงต้องตอบรับกลับไปเบาๆ
“ถ้าตกลงกันได้ ก็เอาตามนี้ก็แล้วกันนะ เราไปเก็บกระเป๋าเสียไปแม่นิ่ม วันรุ่งพรุ่งนี้...จะได้เข้ากรุงเทพไปพร้อมกับพี่เขา” เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวจำต้องรับคำสั่ง ก่อนจะรีบพาตัวเองเดินหนีออกไป
