บทที่ 1.กลับมาสักที
พอวางสายจากเลขา เขาก็ดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานที่นั่งอยู่ทันทีด้วยความตื่นเต้นดีใจ ในที่สุดหล่อนก็กลับมาแล้ว สามปีไม่ได้เจอหน้า ไม่ได้พูดคุยปะทะคารมกัน มันทำให้รู้สึกว่าชีวิตของเขามันมีบางอย่างขาดหายไป และสิ่งที่ขาดหายไปในวันนี้ก็กลับมาแล้ว
“คงจะโตกว่าเดิมมากแล้ว” แล้วเขาก็เดินตรงไปยังประตูเพื่อจะไปหาคนที่เพิ่งกลับมาถึงประเทศไทยได้ไม่ถึงสิบนาที ตอนนี้ใจของเขามันเต้นเร่าไปอยู่กับเจ้าหล่อนแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้จะมีรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปมากแค่ไหนกัน อยากรู้นักว่าหล่อนยังจะจำอดีตสามีคนนี้ได้ไหม
ใบหน้าสวยจิ้มลิ้มภายใต้แว่นกันแดดกำลังยืนรอรถจากที่บ้านมารับ แต่เธอรอนานแล้วก็ยังไม่เห็นรถจากที่บ้าน จึงเดินไปหาที่นั่งรอ เรียวขาเล็กยกขึ้นไขว่ห้างแล้วก็ก้มหน้าจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ในมือเล่นระหว่างรอที่บ้านมารับ และใส่หูฟังฟังเพลงผ่อนคลายอารมณ์ไปด้วย
สามปีที่จากไป สามปีที่ได้ไปใช้ชีวิตลำพังที่ฟิลิปปินส์ เธอมีความสุขมากกับการได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตนใฝ่ฝัน แต่วันนี้ที่ต้องกลับมา เพราะพ่อไม่สบายจึงกลับมาอยู่ดูแลท่านช่วยแม่ที่รัก หล่อนเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว เป็นแก้วตาดวงใจของที่บ้านก็ว่าได้ แต่ก็ไม่เข้าใจว่ารักหวงหล่อนขนาดนั้น ทำไมถึงยังบีบบังคับให้แต่งงานกับคนถ่อยอย่างเขาทำไมกัน แต่ก็ขอบคุณที่ท่านไม่คัดค้านตอนเธอขอ ‘หย่า’ กับอดีตสามี ไม่สนใจว่าชีวิตตนจะมีจุดด่างพร้อย ขอแค่ได้แยกทางกับคนเถื่อนอย่างเขา แล้ววันนี้ก็ดีใจที่ต่างคนต่างอยู่
“ในที่สุดก็กลับมาได้สักที เป็นไง สามปีที่ได้ไปใช้ชีวิตแบบที่ต้องการ สนุกไหม” เสียงเข้มห้าวดังขึ้นตรงหน้าทำให้หน้าที่ก้มมองจอโทรศัพท์ต้องเงยขึ้นมามองดูเจ้าของเสียง เธอมองตั้งแต่เท้าใหญ่ของเขาขึ้นมาถึงใบหน้าแล้วก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเจอกับคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ แม้จะผ่านมาสามปี หล่อนก็ยังจำเขาได้และจำน้ำเสียงของเขาได้
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”
“ก็มารับเมียกลับบ้านไง” เขาตอบกลับแล้วก็หันหน้าไปพยักหน้าสั่งเลขาให้มาถือกระเป๋าเดินทางของหล่อนไปไว้ที่รถ
“ดะ...เดี๋ยวนะ คุณคงลืมไปแล้วใช่ไหมว่าเราหย่ากันไปแล้วเมื่อสามปีก่อน” หล่อนค้านแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่สูงเพียงระดับอกของอดีตสามี และยิ่งเห็นเขายกยิ้มมุมปากก็ยิ่งทำให้ไฟในอกร้อนกรุ่น
“ไม่ต้องค่ะ ฉันจะกลับของฉันเอง” เธอยื้อแย่งกระเป๋าเดินทางตนเองออกจากมือของเลขาของเขาที่เดินเข้ามาถือ
“เอาไปขึ้นรถ ไม่ต้องไปสนใจเด็กดื้ออย่างเธอ” น้ำเสียงเข้มห้าวสั่งกร้าวและทำให้เลขาต้องรีบยื้อแย่งกระเป๋าเดินทางออกจากมือเจ้าของกระเป๋าเพื่อนำไปขึ้นรถ หากเจ้านายเอ่ยเป็นครั้งที่สองคงไม่ดีแน่ เขายังอยากทำงานดีๆ เงินเดือนดีๆ อยู่ ยังไม่พร้อมจะโดนไล่ออกตอนนี้
“มันจะมากไปแล้วนะคุณแสบ!”
หล่อนตวาดเขาเสียงดัง ไม่สนใจว่าตอนนี้ตนและเขาจะตกเป็นเป้าสายตาของคนรอบข้างที่เดินผ่านไปมา
“มันมากไปตรงไหน ผัวมารับเมียกลับบ้านมันเรื่องปกติ ไปคุยกันที่บ้านดีกว่าหญิง”
“คุณบ้าไปแล้วรึไงคุณแสบ เราหย่ากันแล้ว หย่ากันตั้งแต่เมื่อสามปีที่แล้วแล้ว”
“เธอหย่าคนเดียวต่างหาก”
“ไม่สิ คุณก็เซ็น ฉันก็เซ็น ทำไมจะไม่หย่ากันล่ะ”
“ฉันก็แค่หย่าให้เธอสบายใจเท่านั้นเอง ก็เธองอแงนี่ กลับบ้านกันเถอะ มีอะไรไปคุยกันที่บ้าน อย่ามาคุยกันที่นี่ ถึงคุยไปยังไงก็ไม่รู้เรื่องหรอก”
“ฉันรอรถที่บ้านมารับ”
“รถที่บ้านเธอไม่มาแล้ว เพราะฉันมารับแล้ว”
“ยังไงฉันก็ไม่ไปกับคุณ” หล่อนยืนยันคำเดิม
“งั้นฉันอุ้ม”
“อย่ามาแตะต้องฉัน” หล่อนถอยหลังไปหนึ่งก้าวเดินพร้อมยกมือห้ามไม่ให้อดีตสามีเข้ามาใกล้ชิดตน
“งั้นก็ไปขึ้นรถถ้าไม่อยากให้อุ้ม”
เธอมองไปรอบๆ ตัวเองแล้วมองดูรถยนต์คันหรูที่เปิดประตูรอตนเดินขึ้นไปนั่งบนรถแล้วก็ต้องเม้มปากแน่นแล้วเดินตรงไปยังรถที่จอดรอท่าอยู่
หึหึ
คนตัวโตแค่นขำในคอเดินตามร่างเล็กเพรียวระหงไปขึ้นรถเมื่อเจ้าหล่อนเดินนำหน้าไปก่อนแล้ว
ตลอดทางที่นั่งรถมาด้วยกัน หญิงสาวเอาแต่เล่นโทรศัพท์ ไม่สนใจคนที่นั่งข้างตน เธอเลื่อนอ่านสิ่งที่ตนสนใจในหน้าจอ ส่วนหูก็ใส่หูฟังฟังเพลงไปด้วย และการที่เธอไม่สนใจอีกฝ่ายนั้นทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิดจนต้องดึงหูฟังออกจากหูของเธอพร้อมกับกระชากดึงโทรศัพท์ออกจากมือเล็ก
ว้าย!
“คุณทำบ้าอะไรของคุณคุณแสบ” เธอหันมาถามอดีตสามีที่แย่งโทรศัพท์จากมือตนไปและดึงหูฟังออกจากหูของตนด้วย
“ก็ไม่ทำบ้าอะไรหรอก ไอ้มือถือกับหูฟังเนี่ยมันมีดีอะไร เธอถึงไม่สนใจฉันที่นั่งมาข้างกันหญิง”
“แล้วทำไมฉันต้องสนใจคุณด้วย ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน อีกอย่างไม่ใช่เรื่องของคุณ อย่ายุ่ง เอาคืนมา” แล้วเธอก็ดึงโทรศัพท์ในมือใหญ่กลับมาและใส่หูฟังเหมือนเดิม เสียงเพลงที่ดังทำให้ไม่ได้ยินเสียงขบฟันของคนที่นั่งข้างกาย
กรอด!
“ให้มันได้แบบนี้สิเมียกู! กลับมาวันแรกก็ทำให้ฉันโมโหได้ขนาดนี้” เขาพึมพำกับตัวเองแล้วก็มองดูว่าตอนนี้นั่งรถมาถึงไหนแล้ว แสบ การพาณิชย์ วัย 37 ปี เจ้าของธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์การกีฬาและจัดจำหน่ายรายใหญ่ของประเทศ เขากับหญิง วัย 23 ปี ได้แต่งงานจดทะเบียนสมรสกันเมื่อสามปีที่แล้ว และได้หย่ากันแล้ว แต่เป็นแค่การหย่ากันปลอมๆ เท่านั้นเพื่อให้หญิงสาวสบายใจ และตอนนี้แม่กวางน้อยก็น่าจะเพียงพอแล้วกับการได้ออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศมาสามปี ตอนนี้ควรกลับมาทำหน้าที่ ‘ภรรยา’ ของเขาได้แล้ว
เลขาสมคิดเห็นว่าท่านประธานของตนกับภรรยากำลังเกิดสงครามเย็นกันก็ได้แต่มองกระจกมองหลังแล้วตั้งใจขับรถแล้วกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอด้วยความอึดอัดกับบรรยากาศในรถตอนนี้
