บทย่อ
อุ้มรักจอมบงการ ประธานจอมบงการ หรือ "แสบ" เขาเฝ้ารอคอยมา 3 ปี ในที่สุดภรรยาแต่งก็กลับมาสักที และเขาจะไม่ปล่อยเธอจากไปไหนอีกแล้ว เขาจึงผูกรั้ง "หญิง" ด้วย "ลูก" ของเขา ยังไงซะเธอก็หนีไปไหนไม่รอดหากว่า "อุ้มท้องลูก" ของเขา ++++++ "ออกไปให้พ้น!" "จะไล่พี่ไปไหนหญิง" "ไปไหนก็ไป ไม่ต้องมาให้เห็นหน้า ไป!" หญิงตกใจกับเลือดที่ไหลอาบตาของแสบ แต่ก็ไม่สนใจว่าเขาจะเจ็บปวด ตอนนี้เธอโกรธและเกลียดจอมบงการตรงหน้านัก "อ่า...พี่เจ็บอยู่นะหญิง ดูสิ คิ้วพี่แตก" "มันไม่ตายหรอกค่ะ ออกไป! คนเลว!" "ไม่ไป!" "งั้นฉันจะไปเอง ฉันจะกลับบ้าน" "ชูว์! หยุดๆ ไม่ต้องๆ พี่ไปเองทูนหัว พี่ออกไปเอง แต่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนได้ไหม และทำแผลให้หน่อยสิ วันนี้พี่มีประชุมนะ" "มือไม่ได้ขาดนี่คะ ทำเองสิ สิบนาทีค่ะ ให้เวลาสิบนาที ถ้ายังไม่เสร็จ ฉันจะเป็นคนไปเอง" "ได้ๆ ผัวจะรีบอาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวนี้" ++++++ บ่วงรักเมียเก่า หลังจาก "หย่า" กัน "ข้าวฟ่าง" ก็ไม่สนใจ "เตชน์" แต่เขาก็พยายามติดต่อหาเธอตลอดหลังจากแยกทางกัน จนกระทั่งเธอกลับมาจากต่างประเทศ เขาเห็นเธอ "อุ้มท้อง" และก็มั่นใจโดยไม่สงสัยว่า "เด็ก" คือลูกใคร ++++++ "พี่เตชน์อย่าทำเหมือนเด็กพูดไม่รู้เรื่องได้ไหมคะ เราเลิกกันแล้ว เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว ถ้าจะเกี่ยวข้องก็มีแต่เรื่องลูกเท่านั้น" "ถ้าพี่จะบอกว่าเรื่องระหว่างเรายังเหมือนเดิม ข้าวยังเป็นเมียพี่ ตอนนี้พี่ก็ไม่มีใคร และตอนนี้พี่ก็พร้อมจะดูแลข้าวกับลูกมาก" "เพราะพี่ยังไม่เจอคนที่ใช่ยังไงคะ พอเลิกกับเธอคนนั้นแล้วเลยเหงาเลยคิดจะกลับมากินน้ำพริกถ้วยเก่าอย่างข้าว ฝันไปเถอะค่ะ ข้าวไม่ใช่ของเล่นแก้เหงาและชั่วคราวของพี่เตชน์" "ถ้าน้ำพริกถ้วยเก่ามันเด็ดมันแซ่บ พี่ก็อยากกินมันทั้งชีวิต" เขาพูดแล้วดึงมือของเธอขึ้นมาวางทาบทับอกตนเอง "ปล่อยนะพี่เตชน์" เธอดึงมือออกจากมือใหญ่ แต่เขากลับจับกำแน่นดึงรั้งไว้ไม่ยอมให้เธอดึงออก "ทำไมต้องหวงเนื้อหวงตัวกับพี่ด้วย พี่ไม่ใช่คนอื่น พี่เป็นผัวของข้าวนะ" "ผัวเก่าค่ะ อย่าลืมนะคะว่าเราหย่ากันห้าเดือนแล้ว" ------------- บ่วงรักเมียขัดดอก "แสนดี" ไม่มีอะไรน่าสมเพชเท่านี้อีกแล้ว เกิดมาครั้งเดียวตายครั้งเดียว เธอก็อยากมีชีวิตดีๆ เหมือนคนอื่นเขามั้ง แต่ทำไมชีวิตเธอถึงตกต่ำเพียงนี้ ทีคนอื่นกับดีเอาดีเอา แต่พอมองกลับมาที่ชีวิตตัวเองตอนนี้แล้วยกมือปาดน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม พ่อจากไปตั้งแต่เธอยังเด็ก ปล่อยให้อยู่กับแม่เลี้ยงใจยักษ์ใจมารกับน้องสาว อยู่ในบ้านสถานะของเธอไม่ต่างจากคนรับใช้ของแม่เลี้ยงกับน้องสาว ตอนนี้เธอถูกแม่เลี้ยงส่งมาทำงานใช้หนี้เสี่ยเงินกู้ใจโฉดอย่าง "จ้าง" +++++++ "ขอบคุณนะคะคุณจ้างที่เมตตาหนู" เธอลุกขึ้นยกมือไหว้ขอบคุณ "อย่าเพิ่งขอบคุณ เดี๋ยวจะเสียใจทีหลัง" จ้างเอ่ยทิ้งคำไว้ให้สาวน้อยสงสัยก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเดินนำหน้าคนตัวเล็กออกไปจากห้องทำงานของตน แสนดีเดินหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางตามเจ้าบ้านไปยังห้องพักของตัวเอง ตอนแรกคิดว่าเขาจะพาไปห้องพักชั้นล่าง แต่เปล่า เขาพาเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสอง "เนี่ยห้องพักของเธอแสนดี ส่วนห้องฉันอยู่ตรงนี้ ขาดเหลืออะไรเคาะห้องเรียกได้" จ้างบอกเด็กสาวเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพักที่ให้น้านวลเตรียมไว้ให้ตอนอ่ำออกไป ซึ่งเป็นห้องที่ติดกับห้องนอนของตน "ให้หนูพักห้องนี้เหรอคะ แต่หนูมาทำงานขัดดอกนะคะ" "ใช่ งานขัดดอกนั่นแหละ" ---------------- เมียเก็บคนทราม "ตื่นได้แล้ว" เขาเขย่าหัวไหล่เนียนคนข้างๆ ให้ตื่น อือ! ด้วยความอ่อนเพลียและเป็นครั้งแรกด้วยจึงทำให้เธอเพลียหลับทันทีหลังจากเสร็จบทเพลงสวาท "เธอควรตื่นแต่งตัวออกไปจากห้องฉันได้แล้ว เดี๋ยวไม่นานไอ้แสงจะกลับมา" อาชาเขย่าหัวไหล่เล็กแรงขึ้นพร้อมกับบอก พลอยปภัสลืมตาทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น หล่อนตื่นเต็มตาแล้วรีบลุกลงจากเตียงหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ให้เรียบร้อย "ห้าโมงเย็นแล้วเหรอคะ น้าชื่นคงตามหาพลอยแล้ว" เธอเอ่ยร้อนรน "เรื่องวันนี้" "พลอยจะไม่บอกใครค่ะ" "อือ...ถ้าใครรู้เรื่องนี้ เธอเจอดีแน่" เขาไม่ได้ขู่ แต่เขาจะจัดการจริงๆ แต่จัดการในแบบของเขา +++++++ "คนข้างนอกมองฉันด้วยสายตาแบบนี้ แล้วเธอยังจะมองฉันด้วยสายตาสมเพชอีกเหรอ" คำพูดของเขาทำให้เธอก้มมองเท้าตัวเองทันที "ฉันเกลียดทุกคนที่มองฉันด้วยความสมเพช ทำไมเธอต้องมองฉันแบบคนพวกนั้นด้วยพลอย" อาชาถามเสียงเข้มห้วนพร้อมมือกดบังคับรถเข็นที่ตนนั่งเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ยืนก้มหน้ามองเท้าตนอยู่ "พะพลอยขอโทษค่ะคุณอาชา" "อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้อีก บอกกี่ครั้งแล้วว่าฉันไม่ชอบ เข้าใจไหม ไม่ต้องมาสงสารฉัน ฉันพิการแต่ใช่ว่าจะตลอดไป ไม่ได้ยินที่หมอบอกรึไงว่าฉันจะหาย" ใช่ แต่หมอบอกแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่การผ่าตัดรอบนี้จะสำเร็จ **********
บทที่ 1.กลับมาสักที
พอวางสายจากเลขา เขาก็ดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานที่นั่งอยู่ทันทีด้วยความตื่นเต้นดีใจ ในที่สุดหล่อนก็กลับมาแล้ว สามปีไม่ได้เจอหน้า ไม่ได้พูดคุยปะทะคารมกัน มันทำให้รู้สึกว่าชีวิตของเขามันมีบางอย่างขาดหายไป และสิ่งที่ขาดหายไปในวันนี้ก็กลับมาแล้ว
“คงจะโตกว่าเดิมมากแล้ว” แล้วเขาก็เดินตรงไปยังประตูเพื่อจะไปหาคนที่เพิ่งกลับมาถึงประเทศไทยได้ไม่ถึงสิบนาที ตอนนี้ใจของเขามันเต้นเร่าไปอยู่กับเจ้าหล่อนแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้จะมีรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปมากแค่ไหนกัน อยากรู้นักว่าหล่อนยังจะจำอดีตสามีคนนี้ได้ไหม
ใบหน้าสวยจิ้มลิ้มภายใต้แว่นกันแดดกำลังยืนรอรถจากที่บ้านมารับ แต่เธอรอนานแล้วก็ยังไม่เห็นรถจากที่บ้าน จึงเดินไปหาที่นั่งรอ เรียวขาเล็กยกขึ้นไขว่ห้างแล้วก็ก้มหน้าจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ในมือเล่นระหว่างรอที่บ้านมารับ และใส่หูฟังฟังเพลงผ่อนคลายอารมณ์ไปด้วย
สามปีที่จากไป สามปีที่ได้ไปใช้ชีวิตลำพังที่ฟิลิปปินส์ เธอมีความสุขมากกับการได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตนใฝ่ฝัน แต่วันนี้ที่ต้องกลับมา เพราะพ่อไม่สบายจึงกลับมาอยู่ดูแลท่านช่วยแม่ที่รัก หล่อนเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว เป็นแก้วตาดวงใจของที่บ้านก็ว่าได้ แต่ก็ไม่เข้าใจว่ารักหวงหล่อนขนาดนั้น ทำไมถึงยังบีบบังคับให้แต่งงานกับคนถ่อยอย่างเขาทำไมกัน แต่ก็ขอบคุณที่ท่านไม่คัดค้านตอนเธอขอ ‘หย่า’ กับอดีตสามี ไม่สนใจว่าชีวิตตนจะมีจุดด่างพร้อย ขอแค่ได้แยกทางกับคนเถื่อนอย่างเขา แล้ววันนี้ก็ดีใจที่ต่างคนต่างอยู่
“ในที่สุดก็กลับมาได้สักที เป็นไง สามปีที่ได้ไปใช้ชีวิตแบบที่ต้องการ สนุกไหม” เสียงเข้มห้าวดังขึ้นตรงหน้าทำให้หน้าที่ก้มมองจอโทรศัพท์ต้องเงยขึ้นมามองดูเจ้าของเสียง เธอมองตั้งแต่เท้าใหญ่ของเขาขึ้นมาถึงใบหน้าแล้วก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเจอกับคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ แม้จะผ่านมาสามปี หล่อนก็ยังจำเขาได้และจำน้ำเสียงของเขาได้
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”
“ก็มารับเมียกลับบ้านไง” เขาตอบกลับแล้วก็หันหน้าไปพยักหน้าสั่งเลขาให้มาถือกระเป๋าเดินทางของหล่อนไปไว้ที่รถ
“ดะ...เดี๋ยวนะ คุณคงลืมไปแล้วใช่ไหมว่าเราหย่ากันไปแล้วเมื่อสามปีก่อน” หล่อนค้านแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่สูงเพียงระดับอกของอดีตสามี และยิ่งเห็นเขายกยิ้มมุมปากก็ยิ่งทำให้ไฟในอกร้อนกรุ่น
“ไม่ต้องค่ะ ฉันจะกลับของฉันเอง” เธอยื้อแย่งกระเป๋าเดินทางตนเองออกจากมือของเลขาของเขาที่เดินเข้ามาถือ
“เอาไปขึ้นรถ ไม่ต้องไปสนใจเด็กดื้ออย่างเธอ” น้ำเสียงเข้มห้าวสั่งกร้าวและทำให้เลขาต้องรีบยื้อแย่งกระเป๋าเดินทางออกจากมือเจ้าของกระเป๋าเพื่อนำไปขึ้นรถ หากเจ้านายเอ่ยเป็นครั้งที่สองคงไม่ดีแน่ เขายังอยากทำงานดีๆ เงินเดือนดีๆ อยู่ ยังไม่พร้อมจะโดนไล่ออกตอนนี้
“มันจะมากไปแล้วนะคุณแสบ!”
หล่อนตวาดเขาเสียงดัง ไม่สนใจว่าตอนนี้ตนและเขาจะตกเป็นเป้าสายตาของคนรอบข้างที่เดินผ่านไปมา
“มันมากไปตรงไหน ผัวมารับเมียกลับบ้านมันเรื่องปกติ ไปคุยกันที่บ้านดีกว่าหญิง”
“คุณบ้าไปแล้วรึไงคุณแสบ เราหย่ากันแล้ว หย่ากันตั้งแต่เมื่อสามปีที่แล้วแล้ว”
“เธอหย่าคนเดียวต่างหาก”
“ไม่สิ คุณก็เซ็น ฉันก็เซ็น ทำไมจะไม่หย่ากันล่ะ”
“ฉันก็แค่หย่าให้เธอสบายใจเท่านั้นเอง ก็เธองอแงนี่ กลับบ้านกันเถอะ มีอะไรไปคุยกันที่บ้าน อย่ามาคุยกันที่นี่ ถึงคุยไปยังไงก็ไม่รู้เรื่องหรอก”
“ฉันรอรถที่บ้านมารับ”
“รถที่บ้านเธอไม่มาแล้ว เพราะฉันมารับแล้ว”
“ยังไงฉันก็ไม่ไปกับคุณ” หล่อนยืนยันคำเดิม
“งั้นฉันอุ้ม”
“อย่ามาแตะต้องฉัน” หล่อนถอยหลังไปหนึ่งก้าวเดินพร้อมยกมือห้ามไม่ให้อดีตสามีเข้ามาใกล้ชิดตน
“งั้นก็ไปขึ้นรถถ้าไม่อยากให้อุ้ม”
เธอมองไปรอบๆ ตัวเองแล้วมองดูรถยนต์คันหรูที่เปิดประตูรอตนเดินขึ้นไปนั่งบนรถแล้วก็ต้องเม้มปากแน่นแล้วเดินตรงไปยังรถที่จอดรอท่าอยู่
หึหึ
คนตัวโตแค่นขำในคอเดินตามร่างเล็กเพรียวระหงไปขึ้นรถเมื่อเจ้าหล่อนเดินนำหน้าไปก่อนแล้ว
ตลอดทางที่นั่งรถมาด้วยกัน หญิงสาวเอาแต่เล่นโทรศัพท์ ไม่สนใจคนที่นั่งข้างตน เธอเลื่อนอ่านสิ่งที่ตนสนใจในหน้าจอ ส่วนหูก็ใส่หูฟังฟังเพลงไปด้วย และการที่เธอไม่สนใจอีกฝ่ายนั้นทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิดจนต้องดึงหูฟังออกจากหูของเธอพร้อมกับกระชากดึงโทรศัพท์ออกจากมือเล็ก
ว้าย!
“คุณทำบ้าอะไรของคุณคุณแสบ” เธอหันมาถามอดีตสามีที่แย่งโทรศัพท์จากมือตนไปและดึงหูฟังออกจากหูของตนด้วย
“ก็ไม่ทำบ้าอะไรหรอก ไอ้มือถือกับหูฟังเนี่ยมันมีดีอะไร เธอถึงไม่สนใจฉันที่นั่งมาข้างกันหญิง”
“แล้วทำไมฉันต้องสนใจคุณด้วย ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน อีกอย่างไม่ใช่เรื่องของคุณ อย่ายุ่ง เอาคืนมา” แล้วเธอก็ดึงโทรศัพท์ในมือใหญ่กลับมาและใส่หูฟังเหมือนเดิม เสียงเพลงที่ดังทำให้ไม่ได้ยินเสียงขบฟันของคนที่นั่งข้างกาย
กรอด!
“ให้มันได้แบบนี้สิเมียกู! กลับมาวันแรกก็ทำให้ฉันโมโหได้ขนาดนี้” เขาพึมพำกับตัวเองแล้วก็มองดูว่าตอนนี้นั่งรถมาถึงไหนแล้ว แสบ การพาณิชย์ วัย 37 ปี เจ้าของธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์การกีฬาและจัดจำหน่ายรายใหญ่ของประเทศ เขากับหญิง วัย 23 ปี ได้แต่งงานจดทะเบียนสมรสกันเมื่อสามปีที่แล้ว และได้หย่ากันแล้ว แต่เป็นแค่การหย่ากันปลอมๆ เท่านั้นเพื่อให้หญิงสาวสบายใจ และตอนนี้แม่กวางน้อยก็น่าจะเพียงพอแล้วกับการได้ออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศมาสามปี ตอนนี้ควรกลับมาทำหน้าที่ ‘ภรรยา’ ของเขาได้แล้ว
เลขาสมคิดเห็นว่าท่านประธานของตนกับภรรยากำลังเกิดสงครามเย็นกันก็ได้แต่มองกระจกมองหลังแล้วตั้งใจขับรถแล้วกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอด้วยความอึดอัดกับบรรยากาศในรถตอนนี้