บทที่ 3 ผู้อุปถัมภ์ทุน
“ครูดีใจนะไพลินที่เธอได้รับโอกาสที่ดีแบบนี้ เพราะมีไม่บ่อยมากนักที่นักเรียนจะได้ทุนฟรีเต็มจำนวนโดยไม่ต้องสอบแข่งขันกับใคร และก็ขอบใจไมร่าด้วยที่ช่วยเปิดโอกาสดี ๆ ให้เพื่อน” น้ำเสียงภูมิใจของครูเพ็ญชาติบอกลูกศิษย์วัยสาวด้วยความปลื้มปริ่ม
“ลินเป็นคนเก่งและเป็นเพื่อนที่ดีของไมร่าตลอดเวลาที่ไมร่าอยู่ที่ไทย อะไรที่ช่วยได้ไมร่าก็อยากช่วย ไมร่าพอจะรู้ว่าที่นี่ทุนแบบเต็มหายากและต้องแข่งขันสูง ไมร่าแค่ช่วยเป็นสื่อกลางเท่านั้นส่วนที่เหลือก็อยู่ที่ลินจะสัมภาษณ์กับพี่เมสันเอง” ภาษาไทยที่ฟังดูแปร่ง ๆ ของไมร่าพูดถ่อมตัวเพราะรู้ว่าไพลินเป็นคนขี้เกรงใจ การพูดให้คนอย่างไพลินรู้สึกว่าตัวเองได้อะไรมาด้วยความสามารถจะช่วยสร้างกำลังใจให้เพื่อนสาวมากกว่าการช่วยเหลือแบบไม่ให้แสดงความสามารถอะไรเลย
“แล้วอยากให้ครูช่วยพูดให้ความมั่นใจกับคุณเมสันหรือเปล่าว่าไพลินเป็นคนยังไง เรียนดี เรียนเด่น มารยาทงามเหมาะสมกับการได้ทุนอะไรแบบนี้ด้วยไหม” ครูเพ็ญชาติถามนักเรียนทั้งสองคนที่คืนนี้อยู่ในความดูแลของตนเองหลังจากที่ไมร่ามาขออนุญาตให้ไพลินมาค้างด้วยเพื่อจะสอบสัมภาษณ์ทุนผ่านทางวิดิโอคอลในคืนนี้กับทางผู้ให้ทุนที่อยู่อเมริกา ครูเพ็ญชาติยินดีเป็นอย่างมากเมื่อรู้ถึงโอกาสที่ลูกศิษย์จะได้รับและให้การสนับสนุนเต็มที่พร้อมเอาใจช่วยให้ไพลินผ่านการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ไปได้ด้วยดี
“ไม่เป็นไรค่ะครู หนูอยากคว้าโอกาสนี้ด้วยตัวเอง หนูจะทำให้เต็มที่ครูเป็นกำลังใจให้หนูก็พอค่ะ” ไพลินบอกครูอย่างซาบซึ้ง
“อีกหนึ่งชั่วโมงก็ได้เวลาที่นัดกับพี่เมสันไว้แล้ว ไมร่าเป็นกำลังใจให้นะไม่ต้องตื่นเต้น พี่เมสันอาจจะดูเคร่งขรึม หน้าดุ แต่ไม่มีอะไรหรอก ไมร่าจะนั่งอยู่ข้าง ๆ ลินคอยเป็นกำลังใจให้นะ” ไมร่าให้กำลังใจเพื่อนสาวด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
อันที่จริงไมร่าเองที่เป็นคนรบเร้าให้เมสันเจอไพลินผ่านทางวิดิโอคอล เพราะลำพังเรื่องทุนที่ไมร่าขอพี่ชายให้ไพลินนั้นเมสันตอบตกลงตั้งแต่ครั้งแรกที่น้องสาวโทรไปขอและเกริ่นเรื่องของไพลินให้ฟังแล้ว ค่าใช้จ่ายสำหรับการกินการอยู่และค่าเล่าเรียนที่จะต้องออกให้เพื่อนของน้องสาวสำหรับเมสันแล้วถือว่าเป็นแค่เศษเงินที่ชายหนุ่มไม่ได้คิดอะไร แต่ก็ไม่เข้าใจน้องสาวว่าทำไมถึงต้องอยากให้เจอหน้าเพื่อนของเธอนัก
“ลินขอบคุณอีกครั้งนะไมร่า ขอบคุณจริง ๆ สำหรับทุกอย่าง” เสียงเบาเอ่ยขอบคุณเพื่อนสาวต่างชาติด้วยน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า
“ไมร่าไม่ชอบน้ำตา ลินเก็บน้ำตาเข้าไปที่เดิมเลยนะ” ไมร่าแกล้งทำเสียงขู่
“มันไหลออกมาเองลินเก็บไม่ได้แล้ว” สองสาวสองเชื้อชาติหัวเราะและกอดกันด้วยมิตรภาพที่แน่นแฟ้นจนครูเพ็ญชาติที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลยังแอบน้ำตาคลอในความโชคดีของไพลินเพราะรู้ว่าลูกศิษย์สาวอย่างไพลินนั้นเป็นคนเก่งมีความสามารถและเป็นเด็กดีมีมารยาทสมควรที่จะได้รับโอกาสที่ดีเช่นนี้
------------------------------------------------
“อีกหนึ่งชั่วโมงนายมีนัดกับคุณไมร่าผ่านวิดิโอคอลนะครับ” เสียงของดีแลนเอ่ยเตือนผู้เป็นนายในขณะที่เดินเอาเอกสารเข้ามาให้ที่ห้องทำงาน
“อืม แล้วไมร่ามีกำหนดเดินทางกลับเมื่อไหร่” เสียงเรียบถามลูกน้องในขณะที่มือก็กำลังสาละวนอยู่กับการเซ็นเอกสารกองโต
“ตามกำหนดแล้วคุณไมร่าจะต้องเดินทางกลับต้นเดือนหน้าครับ”
“แล้วเอกสารการเดินทางและตั๋วเครื่องบินต่าง ๆ เตรียมให้เธอพร้อมหรือยัง”
“คุณไมร่ายังไม่แจ้งวันเดินทางกลับมาให้ครับ เลยยังไม่ได้จองตั๋ว”
“ก็ไหนบอกมีกำหนดเดินทางกลับเดือนหน้าแล้วทำไมถึงไม่ทราบวัน แล้วเชคกันหรือยังว่าวันสุดท้ายที่ต้องเรียนที่ประเทศไทยคือวันไหน” มือที่กำลังตวัดปากกาเซ็นเอกสารหยุดชะงักพร้อมเงยหน้าถามลูกน้องอย่างแปลกใจในสิ่งที่ได้รับรู้
“คุณไมร่าแจ้งว่าจะอยู่รอเพื่อนดำเนินการเรื่องเอกสารแล้วจะเดินทางมาพร้อมกันครับ” ดีแลนรายงานเจ้านายด้วยสีหน้านิ่ง
“อะไรนักหนา รู้สึกจะติดเพื่อนคนนี้เกินพอดีไปแล้วนะ” เมสันว่าอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก โทรมาขอทุนให้กันเขาก็ยังไม่ว่าอะไร แต่นี่ยังจะอยู่ดูแลกันเพื่อเดินเรื่องเอกสารอีก หวังว่าน้องสาวเขาคงไม่หันไปมีรสนิยมชอบเพศเดียวกันหรอกนะ เมสันคิดเงียบ ๆ ในใจ
“ส่งตั๋วให้เธอบังคับให้กลับทางอ้อมเลยมั้ยครับ” ดีแลนถามเจ้านาย
“ยังไม่ต้อง หลังจากที่ฉันวิดิโอคอลกับไมร่าและเพื่อนของเธอเสร็จ นายไปจัดการสืบประวัติเพื่อนไมร่าคนนี้มาให้ด้วย เอาแบบละเอียด” น้ำเสียงจริงจังสั่งการลูกน้อง ยังไงเพื่อนของน้องสาวคนนี้ก็ต้องเข้ามาเกี่ยวพันกับครอบครัวเขา เมสันจึงต้องการรู้ประวัติไว้
“ครับนาย”
หลังจากดีแลนออกจากห้องไปได้ไม่นานนักโทรศัพท์ของเมสันก็ดังขึ้น ตาคมเหลือบไปมองโทรศัพท์ราคาแพงของตนเองที่วางอยู่ตรงมุมโต๊ะ เมื่อเห็นว่าเป็นสายของใครชายหนุ่มจึงเหลือบมองนาฬิกาก่อนจะส่ายหัวแล้วพึมพำเบา ๆ
“ทีแบบนี้ล่ะตรงเวลาเสียจริง” มือหนาเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มาตรงหน้า นิ้วเรียวยาวดูสะอาดตากดเลื่อนรับสายของน้องสาวที่อยู่อีกซีกโลกก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสาย
“ทำไมรับสายไมร่าช้าจัง เกือบจะวางอยู่แล้วเชียว” น้ำเสียงกระเง้ากระงอดพูดทันทีที่คนเป็นพี่รับสาย
“ทำงานอยู่ว่าแต่เราจะกลับเมื่อไหร่ เห็นดีแลนบอกว่ายังไม่แจ้งวันเดินทางกลับ” เสียงดุพูดกับน้องสาว
“เดี๋ยวไมร่าขอช่วยลินจัดการเรื่องเอกสารก่อน แล้วจะแจ้งวันกลับอีกที”
“ทำไมไม่กลับมาก่อน แล้วถ้าเกิดเพื่อนเราทำเรื่องเอกสารไม่ผ่านจะอยู่ที่ไทยตลอดไปหรือไง” เสียงดุที่เข้มขึ้นพูดกับน้องสาวด้วยสีหน้าจริงจังโดยไม่รู้ว่าข้าง ๆ ไมร่าตอนนี้มีหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังรอรับการสัมภาษณ์เพื่อขอทุนไปเรียนต่อกำลังนั่งใจแป้วเมื่อได้ยินเสียงดุ ๆ ของพี่ชายเพื่อน
“วันนี้พี่เมสันนัดจะสัมภาษณ์เพื่อนไมร่านะคะ เรื่องอื่นค่อยคุยกันทีหลัง” ไมร่าบอกพี่ชายเพราะกลัวว่าหากคุยนานกว่านี้เพื่อนสาวคงต้องกลัวพี่ชายเธอจนหัวหดแน่
“อย่าดื้อให้มากนักนะไมร่า ไม่อย่างนั้นจะไม่อนุญาตให้เดินทางไปไหนอีก”
“เข้าใจแล้วน่าพี่เมสัน แล้วนี่จะสัมภาษณ์เพื่อนไมร่าได้หรือยัง ตั้งแต่รับสายยังไม่เห็นมองหน้าไมร่าเกินสองวิเลยเอาแต่ก้มทำงานแล้วเมื่อไหร่เพื่อนไม่ร่าจะได้สัมภาษณ์สักที” ไมร่าเริ่มแสดงท่าทางเอาแต่ใจกับพี่ชาย เมสันจึงต้องละจากงานตรงหน้าแล้วมองดูน้องสาวจากในจอด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ไหนล่ะเพื่อน” เสียงนิ่งถามกลับน้องสาว
“ลิน มาเจอพี่เมสันเร็ว” ไมร่ากวักมือเรียกไพลินที่ยืนใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ อยู่ไม่ไกล ตอนนี้ไพลินแทบไม่อยากได้ทุนอะไรแล้ว ฟังจากเสียงของพี่ชายไมร่าที่พูดกับน้องสาวทำให้กำลังใจที่เต็มเปี่ยมของเธอก่อนหน้านี้เหือดหายไปเกือบหมด ไพลินรู้สึกว่าเขาเป็นคนดุและก็เหมือนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่ไมร่าไม่ยอมกลับเพราะจะอยู่ช่วยเธอจัดการเรื่องเอกสาร
แต่เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจของไมร่าที่พยายามช่วยเหลือเธอ ไพลินจึงต้องทำใจดีสู้เสือแล้วรีบเดินไปเข้ากล้องกับไมร่าเพื่อรับการสัมภาษณ์จากผู้ที่จะให้ทุนกับเธอ
“นี่ไพลินค่ะที่ไมร่าเคยเล่าให้ฟังและอยากให้พี่เมสันช่วยให้ทุนลินได้ไปเรียนที่อเมริกา” ไมร่าแนะนำเพื่อนสาวให้พี่ชายทันทีที่ไพลินเดินมานั่งเอาหน้าเข้ากล้องร่วมกับเธอ จังหวะนั้นเมสันกำลังหันหน้าไปหยิบของแต่ก็ยังคงส่งเสียงพูดคุยกับน้องสาว
“อืม อายุเท่าไหร่แล้ว” เสียงเรียบเอ่ยถามโดยไม่ได้เจาะจงว่าถามใคร ไมร่าจึงสะกิดให้ไพลินเป็นคนตอบ
“ลิน..เอ่อ..หนูอายุสิบแปดปีค่ะกำลังจะเรียนจบม.6 ที่ไทย” น้ำเสียงตะกุกตะกักตอบคำถามด้วยใจเต้นรัว แต่คนที่กำลังฟังอยู่อีกประเทศกลับรู้สึกว่าเสียงนั้นช่างรื่นหูจนต้องหันมามองเพื่อนของน้องสาวเต็ม ๆ ตา
ทันทีที่เมสันได้เห็นหน้าของไพลินความรู้สึกบางอย่างก็แผ่ซ่านไปทั่วทั้งกายหนุ่ม คิ้วดกดำขมวดเข้าหากันเล็กน้อยในขณะที่ดวงตาคมหรี่ลงเหมือนจะปรับเลนส์ตาให้โฟกัสไปที่เด็กสาวชาวไทยที่นั่งข้างน้องสาวของตนเองให้ชัดขึ้นและจ้องมองหญิงสาวด้วยสายตาที่เรียบนิ่งไปพักใหญ่
“พี่เมสัน พี่เมสันมีอะไรหรือเปล่าอยากจะถามอะไรลินมั้ย” ไมร่าเรียกพี่ชายที่เอาแต่จ้องเพื่อนของเธอ
“เปล่าไม่มีอะไร แล้วทำไมถึงอยากมาเรียนที่อเมริกาล่ะ” ประโยคแรกตอบคนเป็นน้องถัดมาจึงถามคนที่ตัวเองกำลังจะให้ทุน
“หนูอยากให้ตัวเองได้มีงานทำที่ดีในอนาคตเพื่อจะได้ดูแลครอบครัวได้ค่ะ และหนูคิดว่าที่อเมริกาจะสามารถเปิดประสบการณ์ที่ดีให้หนูได้เรียนรู้เพื่อเป็นใบเบิกทางสำหรับให้หนูกลับมาหางานดี ๆ ที่ประเทศไทยได้” ไพลินตอบไปตามที่ใจเธอคิดและพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นเวลาพูด เธอต้องพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมใจที่กำลังเต้นรัวราวกับกลองสะบัดชัยให้สงบลง แต่ว่าสายตาคมดุจพญาอินทรีย์ที่จ้องมองมานั้นก็เป็นอุปสรรคเหลือเกินที่จะควบคุมหัวใจให้เป็นปกติได้
