อุบายร้ายพ่ายใจรัก

109.0K · จบแล้ว
ถานเซียง
43
บท
6.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คำโปรย เพราะต้องการเงินอย่างเร่งด่วนกิ่งกมลจึงยอมนอนกับทินกรเพื่อค่ารักษาพยาบาลของพ่อ ความใกล้ชิดและความใจดีของเขาทำให้เธอหวั่นไหว แต่สถานะคู่นอนที่มีกำหนดเวลาเพียงครึ่งปีอย่างเธอมีสิทธิ์คิดเกินเลยกับเขาด้วยเหรอ แม้จะพยายามหักห้ามใจเท่าไหร่แต่หัวใจก็ไม่รักดีดันไปตกหลุมรักอีกฝ่ายเข้าจนได้ **** “คุณเข้าห้องผิดหรือเปล่าคะ” “ห้องนี้ถูกแล้ว” นัยน์ตาคมดุสีนิลจ้องร่างอรชรเขม็ง ถามเสียงขรึมว่า “เธอผิดหวังเหรอที่เป็นฉัน” “ปะ เปล่าค่ะ” “มานี่สิ” ทินกรกวักมือให้หญิงสาวเข้ามาใกล้ กิ่งกมลลังเลเล็กน้อย เธอต้องทำตามคำสั่งของเขาไหมนะ เขาไม่ใช่คนที่เธอต้องให้บริการเสียหน่อย ทว่าเมื่อได้รับสายตาดุดันปนข่มขู่จากคนตัวโต ก็จำต้องขยับเข้าไปใกล้อย่างเลี่ยงไม่ได้ “เข้ามาใกล้อีกนิด ฉันไม่จับเธอกินหรอกน่า” ร่างบอบบางสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ฟังสิ่งที่เขาพูด ถึงจะเตรียมใจมาแล้วว่าต้องนอนกับคนแปลกหน้า แต่ว่าพอมาอยู่ในสถานการณ์จริงเธอกลับประหม่าจนทำตัวไม่ถูก แม้เขาจะไม่ได้มองเธอด้วยสายตาหื่นกระหายก็ตาม ครั้นเห็นท่าทางอิดออดของคนตัวเล็ก มือหนาก็เอื้อมไปคว้าเอวบางไว้แล้วดึงมาใกล้ เขายกเธอขึ้นมานั่งบนตัก โน้มใบหน้าลงไปกระซิบชิดใบหูเล็กน่ารักของคนในอ้อมแขน “ร้องครางสิ เร็วเข้า” “คะ?” กิ่งกมลงุนงง อยู่ๆ เขาก็มาสั่งให้เธอทำเรื่องน่าอาย ใครมันจะไปร้องออกเล่า

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันประธานรักหวานๆโรแมนติกพาลูกกหนีนักศึกษาฟินๆ18+

Chapter 1 ข่าวร้าย

ณ แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หญิงสาวในชุดนักศึกษาผุดลุกผุดนั่งอย่างกระสับกระส่าย สองมือจับกันไว้จนเหงื่อชุ่มแม้ว่าแอร์ในห้องฉุกเฉินจะเย็นมากก็ตาม เธอชะเง้อคอมองห้องที่บุรุษพยาบาลเพิ่งเข็นพ่อของตนเข้าไป ความกลัวพลันเกาะกินในใจ ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา กิ่งกมลหยิบโทรศัพท์ออกมากดหาเบอร์ของผู้เป็นแม่ ลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจโทรออก เสียงรอสายดังอยู่นานก็ไม่มีคนรับสาย เธอจึงลองโทรอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีคนรับสายเหมือนเดิม

“นี่ฉันหวังอะไรอยู่เนี่ย”

หญิงสาวนั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินหลายชั่วโมง พยาบาลจึงมาเรียกเธอเข้าไปฟังอาการของพ่อจากคุณหมอที่ทำหน้าที่รักษา ร่างบอบบางมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงผลซีทีสแกนของพ่อตาไม่กะพริบ หูอื้ออึงไปชั่วขณะยามได้รู้ว่าพ่อเธอป่วยเป็นโรคอะไร มือเรียวเย็นเยียบ ใบหน้าสวยซีดเผือด ถามคุณหมอวัยกลางคนเสียงสั่นเครือ

“ต้องผ่าตัดเลยเหรอคะ”

“ใช่ครับ คนไข้เป็นมะเร็งตับระยะที่สามแล้วต้องรีบผ่าตัดทันที นักศึกษาพอจะมีญาติคนอื่นที่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ไหมครับ” คุณหมอเลียบเคียงถาม

กิ่งกมลส่ายหน้าเบาๆ “ไม่มีค่ะ หนูเป็นญาติคนเดียวของพ่อ คุณหมอคะ ถ้าผ่าตัดต้องใช้เงินเท่าไหร่คะ ถ้าผ่าตัดแล้วพ่อหนูจะหายเป็นปกติไหมคะ”

เธอถามอย่างไม่อาย เรื่องเงินถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับครอบครัวเธอเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่โรงงานอาหารแปรรูปของพ่อถูกเพื่อนสนิทโกงไปเมื่อห้าปีก่อน ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเธอก็ขัดสนลงเรื่อยๆ เงินเก็บที่มีถูกนำไปใช้หนี้ที่พ่อไปเซ็นค้ำประกันเงินกู้ให้ลุงจนไม่เหลือสักบาท หากไม่ยอมใช้หนี้ก็กลัวว่าเจ้าหนี้นอกระบบจอมโหดพวกนั้นจะทำร้ายเธอและแม่ พ่อเป็นคนใจดี และเพราะใจดีมากจนเกินไปนี่แหละ จึงถูกลูกพี่ลูกน้องและเพื่อนสนิทรวมหัวกันหักหลัง บ้านก็ถูกธนาคารยึด แม่ทนความลำบากต่อไปไม่ไหวจึงขอหย่ากับพ่อ

กิ่งกมลไม่อาจทิ้งพ่อไว้เพียงลำพังได้เธอจึงอยู่กับเขาไม่ยอมตามแม่ไปต่างประเทศ หนึ่งปีหลังจากนั้นแม่ของเธอก็แต่งงานใหม่กับเศรษฐีวัยกลางคนแล้วใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ส่วนเธอกับพ่อก็จับมือกันฟันฝ่าความยากลำบากมาด้วยกัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพ่อต้องทำงานหลายๆ อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน จากผู้ประกอบการคนหนึ่งต้องกลายมาเป็นพนักงานในร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง บ้านที่พวกเธออยู่อาศัยในตอนนี้ก็เป็นเพียงบ้านเช่าโทรมๆ เท่านั้น

หลังจากที่แม่ทิ้งพวกเธอไป พ่อก็ถูกเจ้าหนี้อีกรายทำร้ายจนขาหัก ขาของพ่อไม่สามารถกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม แต่ก็ไม่ถึงกับพิการ เขากลายเป็นคนขาเป๋ข้างหนึ่งเวลาเดินก็เดินกะเผลก พ่อจึงไม่สามารถเข้าทำงานบริษัทหรือโรงงานได้ ยังดีที่พ่อเธอมีฝีมือในการทำอาหาร เจ้าของร้านซึ่งเคยเป็นลูกจ้างของพ่อมาก่อน เห็นแล้วเกิดความสงสารพวกเธอเขาจึงรับพ่อเข้าทำงานในครัว

หญิงสาวเองก็ไม่ปล่อยให้พ่อลำบากหาเงินเพียงคนเดียว ช่วงเย็นหลังจากเลิกเรียนเธอมักจะหางานพิเศษทำเสมอ โชคดีก่อนที่จะตกอับเธอเคยเรียนที่โรงเรียนนานาชาติมาก่อน ก็เลยมีพื้นฐานภาษาดีเยี่ยมจึงรับงานสอนพิเศษตามบ้านเพิ่มในวันหยุด กิ่งกมลสามารถสอบชิงทุนเรียนฟรีได้จากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เลยไม่มีปัญหาเรื่องค่าเทอมและค่าหน่วยกิต ทว่าค่าครองชีพยังต้องจ่ายเอง เธอเลือกเรียนสาขาวิชาที่เมื่อจบมาแล้วสามารถหางานได้ง่าย เพราะสถานะทางการเงินที่ไม่เหมือนเดิม จึงไม่อาจเลือกเรียนในสาขาที่ใฝ่ฝันได้

“ทำใจให้สบายนะครับ หมอจะช่วยคนไข้อย่างสุดความสามารถแน่นอน” คุณหมอพูดปลอบยามเห็นสีหน้าเป็นกังวลของญาติคนไข้ “ส่วนค่าใช้จ่าย หมออยากให้ญาติเตรียมไว้มากหน่อยก็ดีครับ”

กิ่งกมลหน้าซีดเผือด ค่ารักษาคงไม่ใช่ถูกๆ เผลอๆ อาจจะหลายแสนบาท แล้วเธอจะไปหาเงินแสนจากที่ไหนกัน เงินเก็บจากการทำงานพิเศษตลอดหลายปีมานี้ยังไม่ถึงสามหมื่นบาทด้วยซ้ำ ลำพังค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนยังแทบจะไม่พออยู่แล้ว “พ่อของหนูจะได้ผ่าตัดวันไหนคะ แล้วต้องจ่ายเงินก่อนไหมคะ คือว่าหนูไม่มีเงินมากขนาดนั้นค่ะ”

คุณหมอมีสีหน้าลำบากใจ “หมอว่าเรื่องค่ารักษา ญาติคนไข้ลองไปติดต่อฝ่ายการเงินของโรงพยาบาลดูนะครับ เผื่อว่าจะแบ่งชำระได้ ส่วนวันผ่าตัดนั้นหมอคงต้องดูความพร้อมทางร่างกายของคนไข้อีกที ตอนนี้หมอจะให้ยายับยั้งการกระจายของมะเร็งไปก่อนก็แล้วกันครับ”

“ค่ะ” กิ่งกมลรับคำเสียงแผ่ว พนมมือไหว้ลาคุณหมอ

ร่างอรชรเดินอย่างคนไร้เรี่ยวแรงไปตามทางเดินโรงพยาบาล สมองขาวโพลนไปหมดคิดอะไรไม่ออกสักอย่าง รู้เพียงอย่างเดียวว่าอยากร้องไห้เหลือเกิน ฉับพลันที่มาถึงหน้าห้องคนไข้ มือเรียวก็ยกขึ้นมาตบแก้มตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติ กิ่งกมลสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ เรียกรอยยิ้มให้กลับมาอยู่บนใบหน้าอีกครั้ง

“เป็นยังไงบ้างคะพ่อ”

กรวิทย์ยิ้มอ่อนโยน เอื้อมมือไปจับมือเล็กที่ยื่นมาหา “พ่อไม่เป็นไร กิ่งอย่าห่วงเลย หมอที่นี่เขาเก่งเดี๋ยวพ่อก็หายแล้ว ลูกก็รู้ว่าพ่อเก่งแค่ไหน” แม้จะรู้สึกปวดเพียงใด แต่ก็ฝืนยิ้มไว้เพื่อไม่ให้ลูกสาวเป็นห่วง

“ใช่ค่ะ พ่อของกิ่งเก่งที่สุด เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้วค่ะ” กิ่งกมลแนบแก้มลงบนหลังมือสากของพ่อ พยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา

“กิ่งกลับไปพักที่บ้านเถอะลูก คืนนี้ไม่ต้องมานอนเฝ้าพ่อหรอก”

“แต่ว่า... ” เธอพยายามจะแย้ง ทว่าพ่อกลับพูดตัดคำเสียก่อน

“กลับไปพักผ่อนเถอะลูก วันนี้กิ่งออกมาจากที่ฝึกงานกลางคันเพราะพ่อไม่ใช่เหรอ ลูกเหนื่อยมาทั้งวันแล้วแถมพรุ่งนี้ยังต้องไปฝึกงานต่ออีก ไว้มาหาพ่อตอนเย็นก็ได้” พยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอกลับไป ลูกสาวของเขาคนนี้มักจะทำอะไรเกินตัวเสมอ เธอทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แม้จะเหนื่อยเพียงใดก็ไม่เคยปริปากบ่นให้ได้ยินเลยสักครั้ง ผู้เป็นพ่อแบบเขาได้แต่ละอายแก่ใจที่ไม่สามารถเลี้ยงดูลูกสาวคนเดียวให้อยู่อย่างสุขสบายได้

“ไม่ต้องห่วงพ่อ พ่อมีพยาบาลคอยดูแลตลอด อยู่ใกล้หมอไม่มีอะไรต้องกังวล”

กิ่งกมลไม่อยากขัดใจพ่อ มือเรียวบีบมือหนาที่เหี่ยวย่นตามวัยเบาๆ “พ่อก็พักผ่อนเยอะๆ นะคะ พรุ่งนี้กิ่งจะมาใหม่”

“จ้ะ ลูกก็รีบกลับบ้านเถอะ ซอยบ้านเรามันเปลี่ยว หากกลับดึกจะอันตราย” เพราะเป็นบ้านเช่าราคาถูกสภาพแวดล้อมจึงไม่ค่อยดีนัก ทุกวันเขาจะรอรับเธอที่หน้าปากซอยแล้วเดินกลับบ้านพร้อมกัน แต่วันนี้เด็กน้อยของเขาต้องเดินเพียงลำพังจึงไม่อาจรั้งเธอไว้นานกว่านี้ได้

กิ่งกมลยิ้มให้พ่ออีกครั้งแล้วออกจากห้องพักคนไข้ไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เธอตรงไปยังฝ่ายการเงินเพื่อชำระค่าตรวจรักษาและค่ายาของวันนี้ หญิงสาวรู้สึกเหมือนรอบด้านช่างมืดมิด มองไม่เห็นหนทางให้ก้าวเดินไปต่อได้เลย ไหนจะอาการป่วยของพ่อ ไหนจะค่ารักษาพยาบาลหลักแสน แล้วไหนจะการฝึกงานของเธออีก เหลือเวลาเพียงสามสัปดาห์เท่านั้นเธอก็จะฝึกงานเสร็จ จากนั้นก็ยื่นเรื่องเรียนจบได้เลย ทว่าทุกอย่างกลับถาโถมเข้ามาพร้อมกัน เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี