บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 อิจฉา

“ผมขอตัวนะครับคุณพ่อ ไปคุณสิ ตาป้อมกลับบ้าน” รณรัตบอกพ่อแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องรับแขกอย่างไม่สนใจไหว้พี่ชายพี่สะใภ้และหลานชายนอกไส้เพราะอาย

บัณทูรมองตามลูกชายลูกสะใภ้หลานชายเดินออกไปจากห้องรับแขกแล้วถอนหายใจที่เลี้ยงลูกอย่างตามใจและไม่คิดจะถามก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่โวยวายก่อน

“เจ็บมั้ยลูก” ชยานิถามลูกชายประคองใบหน้าหล่อไว้มองสำรวจรอยช้ำตรงมุมปากและแก้มบวม

“ไม่เจ็บครับคุณแม่”

“ไปอาบน้ำก่อนเถอะลูก แล้วลงมากินข้าว” ยุทธเลิศบอกลูกชายเขารู้อยู่แล้วว่าชยางกูรไม่หาเรื่องใครก่อน

“ครับคุณพ่อ เดี๋ยวผมมานะครับคุณปู่”

“ไปเถอะ” บัณทูรยิ้มให้หลานชาย

ชยางกูรลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องรับแขกขึ้นบันไดไปห้องนอนของเขาที่อยู่ชั้นสองของคฤหาสน์หลังใหญ่กลางกรุงและห้องนอนของเขาก็มีทุกอย่างเพียบพร้อมไม่ขาดเหลืออะไรแม้แต่ความรักที่พ่อมแม่บุญธรรมมอบให้เขาและเขาก็ตั้งใจไว้จะเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ตลอดไป

“แม่สิกับเจ้ารัตนี่ไม่ไหวจริงๆ เลี้ยงลูกตามใจแบบนี้วันหน้าเจ้าป้อมจะแย่เอานะ ส่วนเจ้าเสือมันเป็นเด็กดีมีความคิดแม่นิเลี้ยงลูกได้ดีมากนะวันหน้าจะเป็นที่พึ่งของพ่อแม่ได้” บัณทูรพูดขึ้นเพราะเขาเลี้ยงลูกมาไม่ได้ตามใจถึงจะมีฐานร่ำรวยมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวดก็สอนให้ลูกเป็นคนดีมีเหตุผลเอาใจเขามาใส่ใจเราไม่ใช้อำนาจและใช้พระเดชพระคุณให้ถูกที่ถูกทาง

“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”

“ผมไม่ชอบเลยนะครับคุณพ่อที่นายรัตสอนลูกแบบนี้ แทนที่จะสอนให้พี่น้องรักกันแต่นี่เอาเรื่องไม่เป็นเรื่องไปใส่สมองลูกและตาเสือก็ไม่ใช่กาฝากของตระกูล ตาเสือเป็นทายาทของผมซึ่งวันหน้าจะต้องเป็นผู้สืบทอดธุรกิจของตระกูล” ยุทธเลิศพูดกับพ่อตามที่เขาคิดไว้ ตอนแรกที่เขากับภรรยาพยายามมีลูกแต่ไม่ประสบความสำเร็จจึงพากันไปตรวจร่างกายและผลออกมาเขาเป็นหมันมีลูกไม่ได้ ทำให้น้องชายคนรองคาดหวังว่าลูกของพวกเขาจะเป็นทายาทของตระกูลและเป็นทายาทของพี่ชายซึ่งตอนนั้นมีทรัพย์สินหลายพันล้านบาทแต่พอเขาอุ้มชยางกูรเข้ามาอยู่ที่บ้านในฐานะลูกชายก็ทำให้น้องชายทั้งสองก็ทักท้วงไม่ยอมแต่เขากับภรรยาก็ไม่ยอมจึงมีปัญหากันมาตั้งแต่นั้นมาและโชคดีที่พ่อของเขาเข้าใจและยอมรับชยางกูรเป็นหลานชาย

“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดเราไม่สามารถห้ามได้ ว่าแต่เย็นนี้มีอะไรกินบ้างล่ะแม่นิ”

“ก็มีน้ำพริกลงเรือที่คุณพ่ออยากกินแล้วต้มจืดฟักเขียว ผัดผักรวมมิตร ไก่ทอดสมุนไพรค่ะ” ชยานิตอบพ่อสามีเพราะท่านเปรยว่าอยากกินน้ำพริกลงเรือเธอจึงทำให้ท่าน

“ดีจังเลย ขอบใจนะแม่นิ”

“งั้นนิไปตั้งโต้ะเลยนะคะ” ชยานิพูดจบก็ลุกออกไปเพื่อจัดโต้ะอาหารเย็นซึ่งในบ้านมีแค่สี่คนคือพ่อสามีและสามี เธอและลูกชาย ที่เหลือก็เป็นบริวารในบ้านที่มีสิบกว่าคนทั้งรปภ.คนสวนแม่บ้านคนทำความสะอาดซักผ้ารีดผ้าเพราะบ้านหลังใหญ่มีห้องก็เยอะ

“ผมว่าจะส่งตาเสือไปเรียนต่อที่อังกฤษดีมั้ยครับคุณพ่อ” ยุทธเลิศปรึกษาพ่อเขาไม่อยากให้ลูกกับหลานมีปัญหากันหากอยู่ห่างกันก็น่าจะดีกว่า

“ก็ลองถามเจ้าเสือดูสิว่าอยากไปไหม ถ้าลูกไม่อยากไปแกก็ไม่ต้องบังคับหากไม่อยากให้เจ้าเสือกับเจ้าป้อมมีปัญหากันก็แยกโรงเรียนละกัน” บัณทูรตอบลูกชายเขาไม่อยากให้ลูกบังคับหลานเพราะชยางกูรไม่ผิด คนที่ผิดคือลูกชายคนรองคนเล็กและหลานสาวหลานชายของเขาที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กว่าชยางกูรไม่ใช่คนในตระกูลไม่มีเลือดของปัญญาวนิชยา เขาเป็นแค่กาฝากของตระกูลซึ่งเขาก็ห้ามลูกๆแล้วแต่ไม่ใครฟังและชยางกูรก็เป็นเด็กมีเหตุผลไม่คิดเล็กคิดน้อยละเป็นเด็กดีมาตลอดจึงทำให้เขารักหลานชายคนนี้เท่ากับหลานทุกคน

“ครับคุณพ่อ ผมจะลองคุยกับลูกก่อน” ยุทธเลิศก็จะใช้วิธีเหมือนที่พ่อของเขาส่งเขาไปเรียนตั้งแต่จบมอหกทำให้เห็นโลกกว้างเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเองและมีเพื่อนหลากหลายเชื้อชาติเป็นประสบการณ์ที่ดีในชีวิตพอกลับมาเขาก็ช่วยงานบริษัทเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงปัจจุบัน

วันรุ่งขึ้นชยางกูรก็ไปโรงเรียนตามปกติและเวลาสิบนาฬิกาพ่อแม่ของเขาและผู้ปกครองของนักเรียนทั้งหมดที่ก่อเหตุตะลุมบอลกันเมื่อวานก็มาประชุมตามที่อาจารย์ฝ่ายปกครองแจ้งนักเรียนไปมาครบกันทุกคนผู้ปกครองทุกคนก็ยอมรับกฎกติกาของโรงเรียนคือทำทัณฑ์บนไว้หากใครฝ่าฝืนก็จะเชิญออกและให้นักเรียนทุกคนจับมือกันแล้วให้ซ้อมฟุตบอลทีมละวันสลับกันจนกระทั่งถึงวันแข่งก็มีกระทบกระทั่งกันบ้างแต่ไม่ได้มีเรื่องกันเพราะทุกคนก็กลัวถูกไล่ออก ส่วนเรื่องการเรียนนั้นชยางกูรก็มาอันดับหกของรุ่นตามด้วยชเยศ ชาลีและอานนได้เลขตัวเดียวเกรดเฉลี่ยสามจุดแปดไล่กันไป ฝ่ายพิรัชกับเพื่อนก็อยู่อันดับเกือบรั้งท้ายด้วยเกรดเฉลี่ยสองจุดหนึ่ง

“สวัสดีครับคุณปู่ นี่ใบเกรดของผมครับ” ชยางกูรกลับมาถึงบ้านเจอปู่ก็เอาใบเกรดของเขาเทอมสุดท้ายของมอ.ห้าให้ท่านดูเหมือนทุกครั้งที่ปิดเทอมและครั้งนี้เขาจะต้องไปเรียนซัมเมอร์ที่อังกฤษคนเดียวส่วนชเยศไปออสเตรเลีย ชาลีกลับบ้านที่ฮาวาย ส่วนอานนไปสิงค์โปร

“เก่งนี่เจ้าเสือ แม่นิดูสิเจ้าเสือเกรดดีขึ้นกว่าเทอมที่ผ่านมามากเลย” นายบัณทูรดูเกรดเฉลี่ยของหลานชายแล้วส่งให้ลูกสะใภ้ดู

“เก่งมากลูกแม่ คุณพ่อของลูกต้องดีใจแน่ๆที่ลูกตั้งใจเรียน” ชยานิกอดลูกชายหอมแก้มเบาๆแล้วลูบศีรษะอย่างรักใคร่

“ขอบคุณครับคุณปู่คุณแม่” ชยางกูรยกมือไหว้ปู่กับแม่ผู้มีพระคุณของเขา

“ปู่ให้รางวัลอย่างหนึ่งเลือกมาเลยอยากได้อะไร” บัณทูรบอกหลานชายอย่างใจป้ำ

“ผมขออะไรก็ได้ใช่มั้ยครับคุณปู่”

“ได้สิว่ามาเลยถ้าปู่ให้ได้”

“ถ้าผมขอไปเรียนต่อที่อังกฤษล่ะครับ” ชยางกูรถามปู่แล้วนิ่งรอฟังคำตอบ

“ทำไมถึงอยากไปเรียนที่อังกฤษล่ะ”

“ผมอยากไปเรียนโรงเรียนเดียวกับคุณพ่อและเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับคุณพ่อครับ” เด็กหนุ่มตอบปู่เขาจะเจริญรอยตามพ่อเพื่อให้ปู่และพ่อภูมิใจ

“คิดดีแล้วเหรอที่จะไปเรียนต่างประเทศ มันไกลนะจะไม่ได้เจอพ่อแม่และปู่นานหลายเดือนเลยนะ” นายบัณทูรถามหลานชายเขาอยากรู้เหตุผลว่าทำไมชยางกูรอยากไปเรียนเมืองนอก

“ถ้าผมไปเรียนตอนนี้คุณปู่ยังแข็งแรงคุณพ่อก็ยังทำงานไหวพอผมเรียนจบก็จะได้มาช่วยแบ่งเบางานของคุณพ่อและดูแลคุณปู่คุณแม่ผมจะตั้งใจเรียนเพื่อให้จบเร็วๆครับ” เขาตังใจว่าจะเจริญรอยตามพ่อและเก่งให้ได้ครึ่งของท่านก็ยังดี

“งั้นไปคุยกับพ่อแม่ก่อนได้คำตอบยังไงก็มาบอกปู่”

“ขอบคุณครับคุณปู่ ผมรักคุณปู่ครับ” ชยางกูรกราบเท้าปู่และบีบนวดขาให้ท่านอย่างเอาใจทำให้คนสูงวัยยิ้ม

“ดูลูกชายเธอนะแม่นิ มันอ้อนก็เป็นด้วย” นายบัณทูรพูดกับลูกสะใภ้ยิ้มๆ

“งั้นนิดูในครัวก่อนนะคะ จะได้ทำอาหารเพิ่มฉลองให้ตาเสือได้เกรดสามจุดแปดแปดค่ะ” ชยานิพูดแล้วยิ้มก่อนจะเดินไปห้องครัวหลังบ้านเพื่อเตรียมอาหารเย็นเพิ่มฉลองให้ลูกชาย

เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์

รณรัตและเมทัสก็มาหาพ่อที่บ้านหลังจากรู้ว่าท่านจะส่งหลานชายนอกไส้ไปเรียนต่อเมืองนอกพวกเขาจึงมาเรียกร้องสิทธิ์ให้ลูกๆของตัวเองได้ไปเรียนเมืองนอกบ้าง

“แกถามลูกแล้วเหรอว่าอยากไปเรียนต่อเมืองนอก” บัณทูรถามลูกชายทั้งสองที่มาหาท่านช้ากว่าที่คิด

“ถามแล้วครับคุณพ่อ ตาป้อมจะไปเรียนที่แอลเอครับ”

“ยัยเมลี่ขอไปเรียนที่สวิตฯครับ” ตอนแรกลูกสาวของเขาจะไปเรียนที่อังกฤษแต่ไม่อยากเรียนที่เดียวกับชยางกูรจึงเปลี่ยนใจไปเรียนที่สวิตฯ

“งั้นไปทำเรื่องให้เรียบร้อยว่าใครจะไปเรียนที่ไหน พ่อสนับสนุนการศึกษาหลานทุกคน” นายบัณทูรบอกลูกชายทั้งสองหากเป็นเรื่องเรียนเขาสนับสนุนลูกหลานทุกคน

“ครับคุณพ่อ ส่วนเรื่องที่พักของยัยเมลี่คุณพ่อซื้อบ้านให้หลานด้วยนะครับผมไม่ไว้ใจให้พักอาพาร์ทเมนท์หรือบ้านเช่าจะได้ให้คนไปดูแลด้วย” เมทัสบอกพ่อเพราะลูกสาวของเขายังเล็กอยู่

“ยัยเมลี่ยังเด็กทำไมไม่ให้เรียนโรงเรียนประจำล่ะ จะไปอยู่บ้านคนเดียวทำไม”

“ช่วงแรกจะให้แม่เขาไปอยู่ด้วยและจ้างแม่บ้านก็คงจะให้น้องสาวของแม่เขาไปอยู่ช่วยดูแลครับ” เมทัสตอบพ่อเพราะบ้านหลังหนึ่งก็สิบกว่าล้านยังไงลูกของเขาต้องได้มากกว่าชยางกูร

“ตาป้อมก็อยากได้คอนโดหรือเพนท์เฮ้าส์ครับ ถ้าเช่าเขาอยู่ราคาก็แพงพอกับซื้อสู้เราซื้อเองดีกว่าครับ” รณรัตก็ไม่ยอมแพ้หากหลานสาวได้บ้านลูกชายของเขาก็ต้องได้คอนโดหรือแพนท์เฮ้าส์

“มีอะไรอีกมั้ย”

“ไม่มีครับคุณพ่อ”

“แกล่ะเจ้ารัต”

“ไม่มีครับ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel