4. กำหนัดค้างคา
4. กำหนัดค้างคา
ทว่าเมื่อนางวางอ่างน้ำลงที่โต๊ะข้างเตียง แล้วหันมาพยุงเขาให้ลุกนั่งเพื่อจะได้เช็ดตัว เหมือนอย่างทุกวันที่นางทำ
จังหวะนี้เองที่สองแขนซึ่งไร้เรี่ยวแรงได้พยายามยกขึ้นมาโอบเอวนางไว้ อี้เหอผงะด้วยความตื่นตระหนก ทว่านางก็ไม่ได้ปล่อยอ้อมแขนจากเขา เพราะเกรงจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บอีก
และการที่นางไม่ปล่อยมือ คนป่วยจึงพยายามกดร่างนางให้แนบมาซบกับไหล่ จึงทำให้อี้เหอตกอยู่ในอ้อมกอดเขาไปโดยปริยาย ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันแค่คืบ นำพาให้ลมหายใจเป่ารดกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เป็นเหตุให้หญิงสาวต้องเลื่อนสายตาหนี มันจึงมาหยุดที่ริมฝีปากหยักได้รูปสีแดงเข้มของอีกฝ่ายทันที
แก้มเนียนใสเริ่มเห่อร้อนตามธรรมชาติ ไม่นานมันก็แดงเหมือนลูกตำลึงสุก “ทะ..ท่านแม่ทัพทำเช่นนี้เป็นเพราะโกรธข้าหรือเจ้าคะ” ถามเสียงสั่นก่อนจะแหงนมองอีกฝ่ายอย่างกังวล
เส้าเหว่ยพยายามยกมือขึ้นมาตามลำตัวนางช้า ๆ จนถึงแก้มเนียนใส เขาเขี่ยเบา ๆ ได้เพียงสองครั้งมือนั้นก็ร่วงหล่นลงข้างตัว อี้เหอใจหายกับท่าทางของเขา จึงจับมือนั้นมาบีบนวดให้อย่างอ่อนโยน ถึงกระนั้นนางก็ไม่ได้ขยับถอยห่างออกมา แม่ทัพหนุ่มจึงยิ้มเอ็นดูการกระทำของนาง
‘เจ้าไม่ควรต้องมาอยู่กับบุรุษเจ้าชู้เช่นจางไห่เลย” เขาคิดในใจ สายตายังจับจ้องใบหน้างามของนาง ตลอดสิบวันมานี้นางดูแลเขาอย่างดี ทั้งที่จางไห่สั่งไว้แล้วว่าไม่จำเป็นต้องทำ แค่ป้อนข้าวและยาก็พอ ทว่าอี้เหอก็ยังเช็ดเนื้อตัวให้เขาทุกวัน เคยแม้กระทั่งเอาผ้าชุบน้ำล้วงเข้าไปถูมังกรให้เขาโดยไม่รังเกียจ
ทว่านางก็ใช้ผ้าคลุมปิดอีกที คงเพราะกระดากอายกระมัง
“ต่อไปข้าน้อยจะบอกพี่จางไห่ไม่ให้ทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ” ว่าจบนางก็ขยับลุกหันไปรินยาที่ต้มอยู่บนเตา ซึ่งมันตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนี่แหละ นางจะเอามาเป่าแล้วป้อนเขาทุกวัน
ซึ่งยานี้ไม่ได้ช่วยอันใดเลยสักนิด เส้าเหว่ยได้แต่ขยับหันมองตามใบหน้าหวานทุกการกระทำ ดื่มยาหมดนางก็เช็ดปากให้ด้วยนิ้วเรียวขาวอย่างเคย ทว่าครานี้เขากลับทำนางร้อนวูบวาบขึ้นมา เพราะอีกฝ่ายยื่นปลายลิ้นชื้นตวัดเลียราวกับกำลังเชิญชวน ทำให้คนที่มีกำหนัดค้างคาอยู่ ถึงกับโน้มเข้าไปหาอย่างลืมตัว
นางแนบริมฝีปากเข้าหาเขา พร้อมกับสอดลิ้นเข้าไปตวัดเกาะเกี่ยวกันด้านใน กลิ่นยาผสมกับความหวานละมุนเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เพราะแม่ทัพหนุ่มก็ตอบกลับอย่างแผ่วเบา สัมผัสเปียกด้านในช่างก่อกำหนัดได้ดีเหลือเกิน อี้เหอถึงกับลืมตัวขึ้นไปนั่งคร่อมเขา ใช้ร่องรักของตนกดถูลงที่มังกรซึ่งมันยังคงหลับสนิท
เส้าเหว่ยนึกตำหนิตนเองทันที เขาควรรู้ว่าร่างกายนี้ไม่อาจตอบสนองให้นางพอใจได้ มัวแต่เห็นแก่ตัวอยากกระตุ้นความรู้สึกตนเอง จนลืมนึกถึงความทรมานของหญิงสาวไป
เมื่อเขาตั้งใจจะหยุด ทว่าคนบนตัวกลับไม่ยอมปล่อยเขาเสียแล้ว ในขณะที่นางจูบกับเขา สองมือก็ถอดอาภรณ์ออกด้วย เผยให้เห็นเต้าอวบที่เขาพึ่งได้ฉกชิมไปก่อนหน้า
มือที่ไร้แรงจึงพยายามยกขึ้นมารั้งเอวคอดเอาไว้ อีกข้างยกขึ้นบีบเม็ดไตเพิ่มความซ่านให้นางแม้จะน้อยนิดก็ตาม
“อื้อ!.” เสียงครางหวานที่เคยได้ยินทุกวันเขาก็ว่ามันเพราะแล้ว ทว่าบัดนี้มันดังเพราะเขามีส่วนช่วยมันยิ่งทำให้แม่ทัพหนุ่มมีแรงที่จะต่อสู้กับอาการที่เป็นอยู่ จนบางคราก็เผลอบีบขยำเต้างามเต็มแรงที่มี ซึ่งมันสร้างเสียงครางให้คนตัวเล็กได้ดีนัก
“อื้อ…” นางครางหวาน ปากก็ยังไม่ยอมผละออกจากลิ้นอุ่นที่นางเกี่ยวตวัดดูดดึงเล่นอย่างหยอกเย้า
ผ่านไปพักใหญ่นางก็คลายลิ้นของตนออกจากปากเขา ซึ่งอีกฝ่ายยังคงติดใจถึงขั้นเผยอปากรอและยื่นลิ้นออกมาหา
อี้เหอมองเขาด้วยท่าทางเขินอาย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงแหบพร่ากระเส่า “ท่านแม่ทัพชอบให้ข้าทำเช่นนี้หรือไม่เจ้าคะ” นางกล่าวโดยที่ปากนั้นก็อยู่ใกล้กันเหลือเกิน หากอีกฝ่ายปกติ นางคงได้ถูกเขาจับกดจนจมเตียงไปแล้วแน่ๆ
ทว่าสายตาของอี้เหอนั้นบ่งบอกถึงความต้องการอย่างชัดเจน ใช่… ยามนี้นางต้องการมาก แต่จะทำเช่นใดได้ในเมื่อด้านล่างเขามันนอนตายอยู่ จะจับมาสอดใส่ก็คงทำไม่ได้ นอกเสียจากว่าเขาจะใช้นิ้วหรือลิ้นช่วยนาง
‘อ่า… ข้าไม่น่าปลุกเร้าอารมณ์ตนเองเลย ทรมานยิ่งนัก’ ดวงตาคู่สวยหลุบต่ำลง เป็นเหตุให้เส้าเหว่ยนึกสงสารนางจับใจ เขาอยากบอกนาง ว่าตนเองมีวิธีช่วย ทว่าเขาก็พูดไม่ได้
“ข้าอยากช่วยเจ้าเหลือเกินอี้เหอ” แม่ทัพหนุ่มได้แต่นึกในใจ สายตายังคงจับจ้องที่ริมฝีปากอิ่มที่มีรสหวานละมุนลิ้นนัก
เวลาต่อมา อี้เหอก็ขยับกายออกจากตัวเขา นางหันมาจัดแจงอาภรณ์ของตนให้เรียบร้อย โดยมีแม่ทัพหนุ่มมองตามตาละห้อย เขาไม่รู้ว่าที่นางลุกออกเป็นเพราะหมดอารมณ์ที่เขาไม่อาจช่วยได้ หรือเป็นเพราะเกรงว่าเขาจะตำหนิกันแน่
ทว่าเท่าที่ดูจากการกระทำต่อมาคงเป็นอย่างหลังมากกว่า
เพราะยามนี้อี้เหอหันมาถอดอาภรณ์เขาออกเพื่อเช็ดตัวเหมือนอย่างเคย หากนางหมดอารมณ์อย่างที่เขาคิด หญิงสาวคงเดินหนีออกไปไม่ดูแลเขาแล้ว “ข้าขอโทษที่ไม่อาจช่วยเจ้าได้เจ้าคงทรมานมากสินะ ไยข้าต้องมาอยู่ในร่างคนพิการเช่นนี้ ทั้งที่อุตส่าห์ได้พบกับเจ้าอีกครั้งแล้วแท้ ๆ ไป่เหอของข้า ” คนป่วยคร่ำครวญในใจ เพราะไม่อาจทำอันใดได้นอกจากนอนมองเท่านั้น
ทว่าเหตุใดช่วงท้าย เขาจึงเอ่ยนามที่มันมิใช่ของนาง
ทั้งที่คนตรงหน้านี่ถูกเรียกว่าอี้เหอ มิใช่ไป่เหอ
