บทที่ 11
"ข้ามีเรื่องที่จะขอพวกท่านเพียงเรื่องเดียวเจ้าค่ะ" ซูมี่พูดขึ้นอย่างจริงจัง หลังจากที่นางตั้งชื่อให้ทุกคนเสร็จ
"เชิญคุณหนูพูดได้เลยขอรับ"ท่านลุงกวงเอ่ยแทนทุกคน
"เรื่องที่พวกท่านเห็นภายในเรือน ห้ามนำออกไปพูดที่ใดเด็ดขาด หากมีคนใดที่พูดออกไปข้ารับรองว่าคนนั้นต้องเสียใจแน่นอนเจ้าค่ะ"
ทุกคนคุกเข่าลงยกมือสาบานว่าเรื่องที่พวกเขาพบเห็นจะไม่มีวันนำออกไปพูดเด็ดขาด ซูมี่ที่เห็นเช่นนั้นนางก็หายเข้าไปในเรือน และบอกให้ทุกคนรอนางด้านนอกสักประเดี๋ยว
"เชิญเจ้าค่ะ" เพียงไม่นานซูมี่ก็ออกมาเรียกทุกคนเข้าไป
ทุกคนเดินตามนางไปอย่างเชื่อฟัง เมื่อเห็นของที่กองอยู่ที่ห้องโถงต่างก็ยกมือขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา เพราะที่นอนและหมอน ผ้าห่มที่กองอยู่พวกเขาล้วนไม่เคยเห็นมาก่อน แม้แต่จวนท่านเจ้าเมืองหรือขุนนางใหญ่ก็ไม่มีให้เห็น
"ให้พวกข้าหรือขอรับ" ท่านลุงถังเอ่ยออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ
"เจ้าค่ะ พวกท่านลองดูว่าพอกับจำนวนคนหรือไม่" เมื่อนับแล้วก็พบว่ามากกว่าจำนวนคนเสียอีก ซูมี่นางจึงให้พวกเขาช่วยยกที่เหลือไปเก็บที่ห้องว่างในเรือนหลักที่นางพักอยู่กับบิดามารดา
"ส่วนเรือนข้างสองเรือนและเรือนด้านหลังพวกท่านก็แบ่งกันเองได้เลยเจ้าค่ะ" เมื่อได้รับของต่างก็ช่วยกันยกไปเก็บที่เรือนแต่ละหลังก่อนที่จะแบ่งเรือนกัน ทุกคนที่ได้เรือนหลังเลิกก็ไม่ได้รู้สึกอิจฉาหรือต่อว่าคนที่ได้เรือนข้าง
เรือนข้างเป็นของท่านลุงโจวอยู้กับบุตรชายบุตรสาว อีกเรือนท่าลุงกวงอยู่กับท่านลุงถังและบุตรสาว ส่วนอาหมานบุตรชายท่านลุงกวงไปอยู่ที่เรือนด้านหลังกับคนอื่น เรื่องแบ่งเรือนครอบครัวของซูมี่ไม่ได้เข้าไปยุ่ง
เมื่อถึงเวลาอาหาร ป้าเหมยก็พาป้าอวี้และนางจือเข้าไปจัดการโดยไม่ให้จางกุ้ยทำสิ่งใด ให้นางเพียงสั่งอยู่ด้านข้างเท่านั้น จางกุ้ยที่ยังไม่ชินก็ค่อยบอกว่าเครื่องปรุงใช้เช่นใด รสมือของป้าเหมยนับว่าดียิ่ง นางจางกุ้ยจึงปล่อยให้เรื่องงานครัวและทำความสะอาดเรือนให้ป้าเหมยเป็นคนสั่งการ
"เป่าเปา เจ้านำสิ่งใดให้พวกเขากิน"ซูมี่เข้ามาในมิติก็ถามเป่าเปาเรื่องน้ำทันที
"ป่าชั้นนอกเปิดแล้วเจ้าค่ะ ข้านำน้ำในลำธารให้พวกเขาดื่ม" เป่าเปาแจ้งข่าวดีกับซูมี่นางซื้อทาสมาเพิ่มสามสิบกว่าคนก็เท่ากับได้ช่วยคนแล้ว
เป่าเปานางเล่าถึงสรรพคุณน้ำในลำธารที่นอกจากจะเปลี่ยนกับน้ำในบึงน้ำยังสามารถทำให้คนงานที่อยู่ภายใต้ของซูมี่เก็บความลับของนางไว้ไม่มีวันทรยศต่อครอบครัวของนางด้วย
วันนี้ซูมี่นางเหนื่อยเกินกว่าจะสำรวจป่าชั้นนอก จึงอยู่พูดคุยกับเป่าเปาและให้นางเตรียมเมล็ดผัก สมุนไพร แช่น้ำไว้พรุ่งนี้นางจะให้คนงานเริ่มทำการเพาะปลูกแล้ว
"เป่าเปาเจ้าออกไปด้านนอกได้หรือไม่" ก่อนที่ซูมี่จะออกจากมิตินางเอ่ยถามเป่าเปา
"นายหญิงต้องเปิดป่าชั้นในให้ได้ก่อนเจ้าค่ะ ข้าถึงจะออกไปดูโลกภายนอกได้" ซูมี่พยักหน้าก่อนจะรับปากกับเป่าเปาว่านางจะช่วยอย่างสุดความสามารถ
รุ่งเช้าคนงานทุกคนก็มารอที่ลานหน้าเรือนหลักอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขายังตื่นเต้นกับข้าวของเครื่องใช้ภายในเรือนไม่หาย เมื่อคืนตอนที่ซูมี่อยู่ในมิติ ต้าหลางและจางกุ้ยต้องสอนพวกเขาให้ใช้ห้องน้ำและเปิดปิดน้ำ
เพราะซูมี่นางเดินท่อน้ำจากแม่น้ำดึงเข้ามาใช้ในเรือนไม่ต้องหาบน้ำมาใช้ให้เหนื่อย เพียงแค่เปิดปิดที่ท่อก็จะมีน้ำไหลออกมาแล้ว ห้องน้ำภายในเรือนทุกห้องนางก็ใช้ชักโครกที่นางซื้อเก็บไว้ในมิติ
เพียงให้ฉินโกวขุดท่อน้ำเสียไว้ให้ นางนำหนังสือที่นางจดวิธีติดตั้งจากโลกก่อนออกมาดูแล้วให้บิดาเป็นคนทำทั้งหมด เพราะความรอบคอบของนางแม้แต่ปูนที่ใช้ก่อนางยังนำมาด้วย เพียงแต่ใช้ภายในห้องน้ำเท่านั้นไม่ได้เทพื้นเรือน
ต่อให้มีคนมาที่จวนแล้วขอใช้ห้องน้ำ ห้องน้ำด้านนอกตัวเรือนนางก็ทำเช่นปกติแบบที่ชาวบ้านใช้กัน เช่นนั้นก็ไม่มีใครรู้เรื่องห้องน้ำของนางหากไม่ได้เข้าไปในห้องนอน แต่จะมีคนดีดีที่ไหนขอเข้าห้องนอนคนอื่น
ซูมี่เดินออกมาจากเรือนพร้อมเมล็ดพันธุ์ที่นางแช่น้ำไว้แล้ว โดยให้สตรีและเด็กเพาะลงในกระบะเพราะที่นางสั่งทำขึ้นมา บุรุษที่เหลือก็ไปจัดการเรื่องปรับหน้าดินเตรียมเพาะปลูก
ต้าหลางเป็นคนจัดการว่าส่วนไหนปลูกสิ่งใด เรื่องนี้บิดาของนางเก่งกว่านางย่อมไม่ต้องให้นางช่วยเหลือ ซูมี่จึงอยู่ช่วยท่านแม่และคนอื่นที่ลานเรือนแทน
เสียงตะโกนหน้าประตูจวนทำให้โม่ลี่รีบเดินไปดูว่าเป็นผู้ใดมาร้องเรียก
"อามี่อยู่หรือไม่" เสี่ยวเจียร้องเรียกเสียงดังอย่างร้อนใจ
"รอสักครู่เจ้าค่ะ" โม่ลี่รีบเดินเข้ามาตามซูมี่แล้วบอกมีคนมาขอพบนาง
"เจ้ามาทำอันใด" ซูมี่มองเสี่ยวเจียอย่างแปลกใจ เพราะตั้งแต่เรื่องหนนั้นเสี่ยวเจียก็ไม่ได้วุ่นวายกับนางอีกเลย มีเพียงเสี่ยวเผ่ยที่มาเที่ยวหานางบ้างเป็นบางครั้ง
"เจ้ามิรู้หรือว่าท่านพี่ชางมีรถม้าจากจวนคหบดีเฉียวมารับตัวไป ข้ายังเห็นสตรีนั่งรออยู่ภายในรถม้า"
"แล้วเกี่ยวอันใดกับข้า" ซูมี่กอดอกถามอย่างรำคาญ
"เจ้า เจ้า" เสี่ยวเจียพูดไม่ออกเพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับซูมี่ที่ถอนหมั้นไปแล้วจริงๆ
"ชิงฉางเคยรับปากเจ้าหรือไม่ว่าจะมาขอหมั้นเจ้า" ซูมี่ถามอย่างใจเย็น
เสี่ยวเจียยืนอึ้งไปเมื่อได้ยินคำพูดของซูมี่ เป็นเช่นที่นางพูด หลังจากที่เขาถอนหมั้นกับซูมี่ได้ก็ไม่เคยติดต่อหานางเลย
