บทที่ 10
"นายท่านขอรับ" ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินตามนายหน้าไปทำสัญญา ก็ถูกหนึ่งในทาสที่ซื้อไว้ดึงรั้งชายเสื้อของต้าหลาง
"มีอันใด" ต้าหลางหันไปมองอย่างข้องใจ เมื่อเห็นทาสนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น
"ทะท่าน ช่วยพาภรรยากับบุตรสาวของข้าไปด้วยได้หรือไม่ขอรับ" ต้าหลางหันมาหาซูมี่อย่างหนักใจ
ก่อนที่ซูมี่จะเอ่ยพูด ทาสอีกห้าคนก็คุกเข่าลงเสียงดังและบอกความต้องการที่เหมือนกัน
"เช่นนั้นก็ซื้อไปทั้งหมดเถิดท่านพ่อ" ซูมี่ถอนหายใจ หากมิใช่เป่าเปารับรองนางก็ไม่กล้าพาทุกคนกลับไปที่เรือน เพราะกลัวจะล่วงรู้เรื่องของนาง
นายหน้าที่ได้ยินก็ยิ้มกริ่ม ก่อนจะให้คนไปพาครอบครัวของทั้งห้าออกมา แล้วเดินนำต้าหลางกับซูมี่ไปห้องรับรองเพื่อจ่ายเงินและมอบสัญญาของทาสทั้งหมดให้
จากที่ต้าหลางจะได้ทาสบุรุษไปทำงานเพียงยี่สิบคน กับต้องพากลับถึงสามสิบสองคน
"ท่านมีรถม้าไปส่งที่จวนข้าหรือไม่" ซูมี่หันไปถามนายหน้า เขาก็รีบสอบถามที่อยู่ก่อนจะรับปากว่าจะไปส่งคนที่หมู่บ้านให้
ซูมี่เดินไปที่กลุ่มคนที่นางซื้อไว้ ก่อนจะมอบเงินให้เขาสิบตำลึงทองเพื่อไปซื้อเสื้อผ้าให้กับทุกคน โดยนางยกให้เขาเป็นพ่อบ้านจัดการเรื่องทุกเรื่องไปเลย เมื่อสอบถามความได้ว่าเขาเคยเป็นพ่อบ้านให้จวนของขุนนาง
เมื่อครอบครัวของขุนนางย้ายกลับไปที่เมืองหลวง ทาสที่อยู่ในเมืองเจียงซวงทั้งหมดก็ถูกขายทิ้ง ตัวเขาภรรยาและบุตรก็เป็นหนึ่งในนั้น ซูมี่จึงบอกให้เขาซื้อเพียงเสื้อผ้า และซื้อให้มากเสียหน่อย ให้เพียงพอกับทุกคนร่วมถึงเสื้อกันหนาวด้วย
สองพ่อลูกจึงพากันกลับหมู่บ้านเพื่อรีบไปบอกนางจางกุ้ยก่อน หากคนไปถึงก่อนที่สองพ่อลูกจะถึงนางจางกุ้ยคงได้ตกใจกันพอดี และก็เป็นเช่นที่สองพ่อลูกคิด เมื่อบอกนางจางกุ้ยเรื่องที่ซื้อคนมาทั้งหมด สามสิบสองคน นางจางกุ้ยก็ตบอกเพื่อเรียกสติทันที
"ที่อยู่จะพอหรือไม่" นางจางกุ้ยเอ่ยอย่างกังวล
"เรือนด้านข้างทั้งสองเรือนก็ยังว่าง ท่านแม่ก็ให้พวกเขาอยู่ไปเสียก่อน อย่างไรก็ไม่มีคนอยู่" ต้าหลางจึงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
"ท่านแม่ ท่านตาท่านยายเป็นเช่นใดบ้างเจ้าคะ" นางจางกุ้ยถอนหายใจเมื่อนึกถึงบ้านเดิมของนาง
เพราะพี่สะใภ้ที่มีนิสัยร้ายกาจนางถึงต้องแต่งออกมาตั้งแต่อายุเพียงสิบสี่หนาว ในตอนแรกนางจะไม่ได้แต่งกับต้าหลางแล้ว นางถูกพี่สะใภ้บังคับให้แต่งกับพ่อหม้าย แต่บิดามารดาของต้าหลางที่มาเห็นเหตุการณ์ ทั้งคู่รู้จักกับบิดามารดาของจางกุ้ยจึงสู่ขอนางให้ต้าหลางแทน
ตั้งแต่วันนี้จางกุ้ยก็ได้กลับไปที่บ้านเพียงสามครั้งเท่านั้น และทุกครั้งที่กลับไปนางก็จะถูกค่อนแคะเรื่องที่ไม่อาจมีบุตรชายได้ ต่อให้คิดถึงบิดามารดามากเพียงใด จางกุ้ยก็เลือกที่ไม่กลับไปที่บ้านเดิมอีกเลย ต้าหลางก็ไม่อาจทนเห็นนางเสียใจทุกครั้งที่กลับบ้านเดิมได้ก็เลยเห็นด้วยหากนางไม่กลับไป
"ท่านตา ท่านยายเจ้าคงสบายดี หากล้มป่วยท่านลุงรองของเจ้าคงติดต่อแม่มาแล้ว" ซูมี่เมื่อเห็นมารดาไม่อยากพูดเรื่องบ้านท่านตาท่านยายนางก็เลิกพูดถึง
เพียงไม่นานคนที่ซื้อไว้ทั้งหมดก็ถูกส่งมาที่เรือนของตระกูลซู ชาวบ้านก็มาหยุดยืนมอง เมื่อเห็นว่าเป็นทาสที่ถูกซื้อมาเพื่อทำไร่ทำนา ต่างก็แยกย้ายกันไป
จางกุ้ยยกมือกุมหน้าผากเมื่อคนทั้งสามสิบสองเดินเข้ามาในเรือน ทุกคนคุกเข่าลงที่ลานเรือนเพื่อรอฟังคำสั่ง แต่ต้าหลางให้ทั้งหมดลุกขึ้น เพราะเขาต้องการคนมาช่วยงานไม่ได้ต้องการทาสที่มาคอยรับใช้เพียงอย่างเดียว
ทั้งหมดเมื่อได้ฟังก็ลอบเช็ดน้ำตา เพราะน้อยครั้งนักที่จะมีคนพูดกับพวกเขาเช่นนี้ เพียงแค่ซื้อตัวออกมาจากตลาดค้าทาสก็ซื้อเสื้อผ้าให้ใหม่ถึงคนละห้าชุดแล้ว
"เช่นนั้นวันนี้ก็ไปจัดการเรื่องที่นอนก่อนเถิด พรุ่งนี้ค่อยมาพูดคุยเรื่องงานกัน" ต้าหลางเห็นสีหน้าของทุกคนอ่อนเพลียจึงเอ่ยขึ้น
"นายหญิงท่านนำน้ำนี้ให้ทุกคนดื่ม รับรองเรื่องภายในเรือนของท่านพวกเขาจะไม่พูดออกไป"
ซูมี่เอ่ยขัดพ่อของนางไว้ก่อน แล้วนางก็วิ่งเข้าไปในเรือนเพื่อเข้านำกามาใส่น้ำแล้วนำไปแบ่งให้ทุกคนได้ดื่ม ซูที่มิได้ถามเป่าเปาว่าน้ำที่นางให้มาคือน้ำอะไร และนำมาจากที่ไหน เพราะนางเชื่อมั่นในตัวเป่าเปา
ทุกคนรับน้ำมาดื่มอย่างไม่มีคำถาม เมื่อซูมี่ยืนมองว่าจะมีสิ่งใดเปลี่ยนไปหรือไม่ แต่ก็ไม่พบว่าทุกคนจะล้มลงแล้วน้ำลายฟูมปากนางก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แววตาทุกคนที่มองมาที่ครอบครัวของนางเปลี่ยนเป็นเคารพนอบน้อมมากขึ้น
"ท่านลุง ท่านชื่ออันใดเจ้าคะ" ซูมี่ถามท่านลุงที่นางยกให้เป็นพ่อบ้าน
"เรียนคุณหนู ข้าเกิดในจากบ่าวในจวนไม่มีชื่อแซ่ เมื่อมาเป็นพ่อบ้านก็ใช้แซ่ของเจ้านายขอรับ" ซูมี่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
"เช่นนั้นข้าเรียกท่าน ท่านลุงกวง แล้วกันเจ้าค่ะ ทุกคนอยากใช้ชื่อใดก็ตั้งมาได้เลยส่วนแซ่ก็ใช้แซ่ของบิดาข้าแซ่ซูเจ้าค่ะ" ทุกคนคุกเข่าลงแล้วขอให้นางเป็นคนตั้งชื่อให้พวกเขา ซูมี่ยกมือกุมขมับ สามสิบกว่าคนนางจะตั้งเช่นใด
ครอบครัวของซูกวง ภรรยาป้าเหมย บุตรชายอาหมาน
ครอบครัวซูถัง ภรรยาป้าอวี้ บุตรสาวโม่ลี่(ติดตามซูมี่)
ครอบครัวซูโจว ภรรยานางจือ บุตรชายอาเต๋อ บุตรชายอาตง
ครอบครัวซูเจียง ภรรยานางเหอ บุตรสาวเสี่ยวจิ่ว
ครอบครัวซูต๋า ภรรยานางหยุน บุตรชายอาไห่ บุตรสาวเสี่ยวหลาน
ที่เหลือยังไม่มีครอบครัวนางเรียกตามลำดับเลขเพื่อให้จำได้ง่าย เช่นเสี่ยวอี เสี่ยวเอ้อ เสี่ยวซาน
กว่าจะตั้งชื่อเสร็จสมองของนางก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะคิดเรื่องอื่นได้แล้ว
