9/3
‘คนที่ชื่อพอล เป็นใครหรือคะอาอิง’
‘ว้าย!!! อย่ายุ่งกับไดอารี่ของอานะพลับ นิสัยเสียชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น’
พลับพลึงตกใจเพราะไม่เคยถูกว่ากล่าวด้วยถ้อยคำรุนแรงแบบนี้ อาอิงทิ้งงานในมือแล้วลุกขึ้นมาแย่งไดอารี่ไปถือไว้ มองหลานสาวเหมือนไม่เคยเห็น เหมือนคนแปลกหน้าหรือขโมยคนหนึ่ง
‘พลับแค่ถาม ทำไมอาอิงต้องว่าพลับด้วยคะ’
‘ต่อไปอย่าถือวิสาสะวุ่นวายกับข้าวของคนอื่นแบบนี้อีกนะ อยากรู้อยากเห็นอะไรต้องขออนุญาตก่อนสิ แย่จังเลยนะพลับ’ อาอิงยังต่อว่าเธอไม่เลิก ดวงตาดุกร้าวแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
‘ขอโทษค่ะ ต่อไปพลับจะไม่ทำอีก’
‘หมดเรื่องของเธอแล้วก็ออกไปซะ อาจะทำงานต่อ’
พลับพลึงจำได้ว่าตอนนั้นเธอกลัวอาอิงมาก อาอิงผู้แสนดี น่ารักและอ่อนโยนหายไปเพราะไดอารี่เล่มนั้น คิดแล้วเธอก็เปิดลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือที่เห็นวางอยู่ในห้องนี้เหมือนจะหาไดอารี่ แต่ไม่เจอ มันไม่ได้อยู่ในห้องนี้
ตากลมมองเห็นกุหลาบแก้วคริสตัลตั้งอยู่บนชั้น เธอหยิบมันขึ้นมามองความสวยที่ถูกเจียระไนด้วยการเป่าลมนั้นอย่างทึ่งๆ มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ และยังจำที่มาที่ไปของมันได้ดี
‘เอ้า...อาให้’ อารัณส่งกุหลาบแก้วให้คนที่เปรียบเสมือนหลานสาวเนื่องในวันสอบเสร็จวันสุดท้าย
‘ให้พลับหรือคะ?’
‘ใช่ ให้พลับ เป็นของขวัญเนื่องในวันสอบเสร็จ และหวังว่าอาจะได้เห็นเกรดเฉลี่ยดีเยี่ยมในใบประเมินผลการเรียนของพลับนะ’
ตอนนั้นอาอิงเดินเข้ามาสมทบ แล้วมองกุหลาบแก้วในมือพลับพลึงด้วยประกายตาระยับ
‘กุหลาบแก้วนี่ สวยจังเลย’’
‘อารัณให้พลับค่ะอาอิง เนื่องในวันสอบเสร็จวันสุดท้าย’ เด็กสาวจีบปากจีบคอพูดคล้ายจะอวดๆ แต่ก็เพราะความเป็นเด็กที่ได้ของถูกใจ ไม่คิดอะไรเกินกว่านั้น
‘อิจฉาพลับจัง อาอิงไม่ได้’
‘วันหลังผมจะไปซื้อมาให้นะครับ ผมไม่ทราบว่าอิงก็ชอบดอกกุหลาบ ไม่งั้นจะซื้อมาให้นานแล้ว’ อารัณบอก
‘อิงชอบดอกไม้ทุกชนิดค่ะ โดยเฉพาะดอกกุหลาบ’
‘ถ้างั้นรอผมหน่อยนะครับ เย็นนี้ผมจะเอามาให้เลย’
แต่พอเย็นวันนั้น
‘พลับจ๋า อาขอกุหลาบแก้วของพลับได้มั้ย อาอยากได้ รัณเขาบอกว่ามันหมดน่ะจ้ะ ไปหาซื้อร้านอื่นก็ไม่มีแบบนี้’
พลับพลึงกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่อาอิงพูดแทรกขึ้นมาก่อน
‘รัณต้องขอบใจพลับแน่ที่ยกมันให้อา รัณเขาเสียใจมากที่หาซื้อมันให้อาไม่ได้ นี่ก็เห็นว่าจะปลูกกุหลาบยกแปลงให้อาเป็นของขวัญ’
‘เหรอคะ ถ้างั้นอาอิงเอาไปเถอะค่ะ เดี๋ยวถ้าพลับเจอ พลับจะซื้อใหม่ก็ได้’
‘ว้าว...ขอบใจพลับมากนะ พลับน่ารักมาก อาชอบกุหลาบแก้วมากเลย ขอบใจนะ’
กุหลาบแก้วแท้จริงแล้วเป็นของเธอ แต่มันมาอยู่ในห้องที่เธอไม่มีสิทธิ์เข้ามาได้ มันกลายเป็นของอาอิงเพราะความสงสารของเธอเอง ความสงสารที่อาอิงไม่ได้ทั้งๆ ที่อารัณควรจะให้อาอิงมากกว่าเธอ แต่ในความสงสารก็ซ่อนความรู้สึกโหยหา เสียดาย เสียใจที่ต้องสูญเสียมันไปให้คนอื่น
เธอไม่รู้หรอกว่าอารัณไปหาซื้อหรือยัง พออาอิงบอกเช่นนั้นเธอก็ยอมรับและมอบให้อาสาวด้วยความสงสาร หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดถึงกุหลาบแก้วอีกเลย ทั้งคนที่ออกปากขอเพราะบอกว่าชอบนักชอบหนาก็ไม่เคยปริปากเอ่ยถึงกุหลาบเป่าลมดอกนี้อีก กระทั่งแปลงกุหลาบเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าอาอิงก็ไม่เคยใส่ใจมันราวกับไม่ใช่มันยังไงยังงั้น
พลับพลึงบอกตัวเองว่าคงคิดมากเกินไป อาอิงอาจชอบกุหลาบจริงๆ แต่ไม่ชอบปลูก อารัณจึงกลายเป็นคนปลูกและเลี้ยงดูเอาใจใส่ตามลำพัง
หญิงสาววางกุหลาบแก้วลงที่เดิมแล้วหมุนตัวหมายจะกลับห้อง ทว่าที่ประตูเชื่อมมีร่างสูงของสามีกำลังยืนกอดอกมองตรงมาเงียบๆ
“อารัณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
พอถูกถาม ดรัณก็คลายอ้อมแขนแล้วเดินเข้ามาใกล้จนอยู่ในระยะประชิด เขาวาดมือแตะต้องดวงหน้าที่ยังซีดเซียวไม่หาย อากัปกิริยานั้นทำให้ภรรยาสาวถึงกับสะดุ้งเฮือก
“ฉันเป็นผัว ไม่ใช่ผี ทำไมต้องกลัว” เขาต่อว่าแล้วจับมือบางขึ้นมาสำรวจ มือของเธอยังเย็นเฉียบเหมือนตอนเป็นลม
“พลับขอโทษที่เข้ามาโดยพละการ” เธอรีบขอโทษขอโพยเพราะไม่อยากโดนต่อว่า
“ตัวยังเย็นอยู่เลย แทนที่จะนอนพักกลับมาเดินอยู่ในห้องคนอื่น” นั่นไง เขาต่อว่าจนได้
“พลับกำลังจะกลับค่ะ” สาวน้อยบอกแล้วดึงมือออกจากการเกาะกุม แต่มือใหญ่หาได้ยอมปล่อยง่ายๆ
ดรัณมองข้ามภรรยาตัวน้อยที่สูงแค่บ่าไปยังกุหลาบแก้วบนชั้น
“กุหลาบแก้วที่ฉันให้เธอ มันไร้ค่าเพราะเธอให้คนอื่นต่อ”
“เอ๊ะ!!!” พลับพลึงร้องเสียงสูง “ก็อาอิงอยากได้ อารัณไปหาซื้อไม่ได้ พลับสงสารก็เลยให้อาอิง อารัณไม่น่าจะว่าพลับ ก็อาอิงเป็นคน...รัก...ของอารัณ” เธอพยายามอธิบาย
“แต่กุหลาบดอกนี้ฉันเอามาให้เธอ ก่อนที่จะรู้ว่าอิงฟ้าก็ชอบ ฉันให้เธอเพราะถือเป็นของขวัญกำลังใจในวันสอบเสร็จ คนสอบใช้สมองมากก็ต้องเหนื่อย ต้องล้า ฉันก็ให้เป็นกำลังใจ ตั้งใจให้เธอไม่ใช่คน...อิงฟ้า”
“อาอิงบอกอารัณหาซื้อไม่ได้”
