9/2
หญิงสาวปรือตาขึ้นมองเพดานและโคมไฟคุ้นตา จำได้ว่าเธอคงมานอนอยู่ในห้องนอนของตัวเองแล้ว แต่ใครกันที่พาเธอกลับมา เมื่อผินหน้าไปทางซ้ายก็เห็นคุณย่าสะอิ้งนั่งอยู่ข้างๆ
“ฟื้นแล้วเรอะ”
“คุณย่า พลับมาที่นี่ได้ยังไงคะ”
คุณย่ายิ้มอ่อนโยน ยกมือลูบหัวหลานสาวด้วยความเอื้ออาทรและความรักใคร่ยิ่ง
“ย่าไม่รู้ แต่พ่อเลี้ยงดรัณเป็นคนไปบอกไร่โน้น พ่อกับแม่ของหนูไม่อยู่ ย่าก็เลยมาดูแทน เป็นไงมั่งล่ะลูก ทำไมถึงปล่อยให้เป็นลมเป็นแล้งไปได้”
“ไม่ทราบค่ะ แดดคงร้อนจัดเกินไป” เธอตอบเพลียๆ แล้วหยัดตัวขึ้นนั่งพิงพนักหัวเตียงบุนวมนิ่ม
“พ่อเลี้ยงบอกจะตามหมอ แต่ย่าดูแล้วพลับไม่มีไข้ หน้าตาซีดเซียวก็เพราะอ่อนเพลีย ย่าก็เลยบอกไม่ต้อง”
“ค่ะ พลับไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะคุณย่า”
“เดี๋ยวทานข้าวต้มย่อยง่ายๆ แล้วก็นอนพักซะนะ วันนี้ไม่ต้องออกไปไร่แล้ว”
พลับพลึงพยักหน้า เธอเองก็ไม่อยากออกไปตากแดดตากลมอีกแล้ว เขาจะบ่นว่าเธอขี้เกียจหรือเปล่านะ หน้าที่ของเธอมันเยอะเสียจนทำไม่ถูกนี่นา เมื่อเช้าตื่นสายโด่งก็รีบๆ ลุกมาอาบน้ำแต่งตัวออกไปไร่ โดยไม่แตะต้องอาหารเช้า กลัวเขาจะว่าเป็นเมียขี้เกียจสันหลังยาว
ฉับพลันตากลมก็เห็นประตูเชื่อมแล้วค่อยนึกได้ว่าคุณย่าคงรู้แล้วเรื่องที่เธอไม่ได้นอนห้องเดียวกับสามี แต่พอเห็นคุณย่าเงียบไม่มีคำถามให้ปวดหัวเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไง เธอก็ค่อยโล่งใจหน่อย
“พลับฟื้นแล้ว ย่าก็หมดห่วง ถ้างั้นย่ากลับก่อนนะ ตอนพ่อเลี้ยงไปตามย่ากำลังห่อขนมเทียนอยู่เลย นี่ก็ฝากนังใจเอาไว้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง”
“คุณย่าไปเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงพลับนะคะ”
“เดี๋ยวตอนเย็นๆ ย่าจะให้คนเอาขนมเทียนมาให้”
“ขอบคุณค่ะคุณย่า” พลับพลึงไหว้ขอบคุณคุณย่า นึกอยากจะไปส่งท่านให้ถึงไร่แต่สังขารในตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยให้ทำอย่างนั้น จึงได้แต่นั่งมองคุณย่าเดินจากไป ดีที่คุณย่าแข็งแรงพอจะเดินเหินได้คล่องแคล่ว ไม่งั้นเธอคงเป็นห่วงจนต้องลุกขึ้นไปส่งให้ถึงไร่โน้น
คุณย่าสะอิ้งสวนทางกับพ่อเลี้ยงดรัณตรงแปลงกุหลาบ ดรัณหยุดยืนถามอาการของภรรยา
“พลับพลึงเป็นยังไงบ้างครับคุณย่า”
“เดี๋ยวนี้เรียกย่าได้สนิทปากแล้วหรือพ่อ” คุณย่าก็อดกระแนะกระแหนชายหนุ่มคราวลูกไม่ได้จริงๆ ได้ยินเสียงถอนใจของเขา คุณย่าจึงตัดบท “ยัยพลับฟื้นแล้ว ย่าบอกให้เด็กยกข้าวต้มขึ้นไปให้แล้ว”
“อ้อ...ครับ”
“เพิ่งจะรู้ว่าสมัยนี้คนแต่งงานกันใหม่ๆ เขานิยมแยกห้องนอน” คุณย่าท้วงเรื่องห้องหอจนได้ ต่อหน้าพลับพลึงคุณย่าไม่อยากพูดถึงเพราะกลัวหลานจะไม่สบายใจ ยิ่งไม่สบายอยู่ด้วย แต่ต่อหน้าคนต้นเรื่อง คุณย่าพร้อมจะตะลุยเดี่ยวสั่งสอนผู้ใหญ่ที่ทำตัวไม่เหมาสม
“ผม...ขอเวลาผมอีกสักนิดเถอะนะครับ” ดรัณตอบพลางหลบตาผู้สูงวัยวูบ
“เรื่องที่เธอทำใจลืมอิงฟ้าไม่ได้น่ะรึ ถ้าเป็นเรื่องนั้นคงไม่มีใครทำใจได้ แต่พลับพลึงเป็นปัจจุบันของเธอ อย่าปล่อยให้อดีตทำลายปัจจุบันและอนาคตเลยพ่อ”
“ครับคุณย่า”
“เป็นไปได้หรือพ่อ ที่เราจะรักใครสักคนโดยไม่กลัวความสูญเสีย และเป็นไปได้หรอกหรือถ้าเราจะไม่ยอมรักใครเลย เพราะกลัวจะสูญเสียเขาไปในที่สุด ทำไมพ่อเลี้ยงไม่คิดบวกบ้างล่ะ”
“ผมทำใจไม่ได้ ความรู้สึกนั้นมันยังสาหัสอยู่ในอก” ร่างสูงที่คุณย่าเห็นกำลังสั่นคลอนไปมาเงียบๆ แต่คุณย่าก็สังเกตเห็น ทิฐิที่เคยมีกับผู้ชายคนนี้เป็นอันมลายหายไปเพราะความเห็นใจ
“พ่อเลี้ยงฟังคำย่าแล้วเก็บเอาไปคิดบ้างนะ เคยเห็นมั้ยบางคนเขาใช้เวลาทุกนาทีเพื่อลืมรักครั้งแรก แต่มันไม่มีความหมายเท่ากับคนที่ใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อจดจำรักครั้งสุดท้าย ถึงเวลาที่พ่อเลี้ยงจะต้องเลือกทำและเลือกเป็นได้แล้วนะ”
ดรัณสบตาหญิงสูงวัยด้วยความซาบซึ้ง ก่อนพนมมือไหว้คุณย่าแล้วเข้าไปประคองร่างของท่านเพื่อพาไปที่รถ
“ไปครับคุณย่า ผมจะไปส่ง”
หลังจากทานข้าวต้มหมดถ้วยก็ต่อด้วยน้ำหวานที่ไม่หวานมากนัก หวานแค่พอให้สดชื่นมีพลัง พลับพลึงรู้สึกดีขึ้นมาทันควันเธอลุกขึ้นจากเตียงเดินไปยังประตูเชื่อมมือแตะลูกบิดอย่างลังเลว่าควรจะเปิดมันดีหรือไม่ แล้วความอยากรู้ก็ฉุดให้เธอเปิดประตูบานนั้นเข้าไปในอีกห้อง
ห้องนี้กว้างขวางกว่าห้องเธอนัก เครื่องเรือนทุกชิ้นยังคงตั้งวางอยู่ในที่เดิม เธอเดินไปรอบๆ มองเห็นอดีตจากสิ่งของที่วางเรียงกันอยู่
‘อาอิงทำอะไรอยู่คะ’
ดวงตาใสแจ๋วมองจ้องไปที่กลุ่มไหมพรมสีเข้มในตะกร้าหวาย
‘อากำลังถักเสื้อไหมพรมให้อารัณจ้ะ ตอนนี้เข้าสู่หน้าหนาวแล้ว อากาศที่นี่เย็นมากอาเป็นเห็นอารัณไม่ชอบใส่เสื้อผ้าหนาๆ กลัวจะเป็นปอดบวมซะก่อน ว่าจะบังคับให้ใส่ให้ได้’
‘สวยจังเลยค่ะ อาอิงถักเก๊งเก่ง ถักให้พลับบ้างสิคะ’
‘ได้สิ เดี๋ยวอาถักของอารัณเสร็จแล้วจะถักให้พลับนะ’
หลานสาวมองการกระทำอันใส่ใจของอาสาวที่มีต่อว่าที่อาเขยของตนเงียบๆ อาอิงโชคดีมากที่อารัณรักและทะนุถนอมราวไข่ในหิน ส่วนอารัณก็โชคดีที่อาอิงรักและเอาใจใส่แบบนี้
คนตัวเล็กปล่อยให้อาสาวถักเสื้อไหมพรมต่อ ส่วนตนก็เดินดูโน่นนี่ภายในห้องของอาอิง ความซนหรือไรไม่รู้ทำให้เธอเปิดลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือแล้วหยิบไดอารี่เล่มหนึ่งขึ้นมา พอเปิดหน้าแรกเธอก็เห็นชื่อใครบางคนในนั้น
