8/5
เมื่อกายชายเติมเต็มสู่กายสาวจนแนบสนิท ดวงตาของพลับพลึงก็เบิกโพลงความเจ็บแปลบคืนกลับมาแวบเดียวก่อนมันจะมลายหายไป ตากลมหรี่ปรือสบนัยน์ตาคมกริบที่ดูจะอ่อนเชื่อมลงมาก เรียกปากอิ่มแย้มคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เรียวปากหนาไม่ปล่อยให้ทันพูดจบประโยคก็ดูดกลืนทุกคนลงคอ
ดรัณไม่เคยคิดเปรียบเทียบเซ็กซ์ระหว่างผู้หญิงคนหนึ่งกับคนหนึ่งมาก่อน ไม่คิดถึงความสำคัญของการเป็นคนแรกหรือไม่เลยด้วยซ้ำ เขาเปิดกว้างกับสิ่งนี้ ไม่ต้องการเป็นคนแรกแต่ขอเป็นคนสุดท้ายเท่านั้นพอ แต่ครั้งนี้เขาขอเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัว ไม่เป็นสุภาพบุรุษ น่ารังเกียจ เพราะในใจกำลังคิดเปรียบเทียบระหว่างพลับพลึงกับอิงฟ้าอีกหน ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ในเมื่อความจริงนั้นผู้หญิงสองคนนี้ต่างกันเหลือเกิน
ความสุขจากอิงฟ้ามีมากแค่ไหนก็เทียบไม่ได้กับความสุขที่พลับพลึงมอบให้!!!
ดรัณผุดลุกขึ้นทันทีที่ลมหายใจเป็นปกติ หากช้ากว่านี้อีกนิดเขาจะต้องต่อรอบสองกับเธอแน่ มันบ้าบัดซบที่เขาต้องการเธออย่างบ้าคลั่ง ต้องการตักตวงความสุขที่ไม่มีวันหมดอย่างเอาเป็นเอาตาย
เขาไม่เคยเป็นเช่นนี้เลย
ไม่!!!
พลับพลึงปรือตามองร่างแกร่งของสามีที่รีบรุดจากไปอย่างเสียใจที่สุด เขาทำราวกับรังเกียจเธอเมื่อทุกอย่างคืนสู่สภาวะปกติ ไม่อยากแตะต้อง ไม่อยากกอด ไม่อยากปลอบใจ หรือแม้แต่จะเก็บกักความสุขนี้เพิ่มขึ้นอีกสักนาทีเดียวก็ไม่อยากทำ
น้ำตาหลั่งรินจากหางตาลงสู่ปลอกหมอน ร่างเปลือยเปล่าดูจะสิ้นเรี่ยวแรงจนไม่อาจขยับตัวดึงผ้าห่มคลุมร่าง เธอหลับตาลงแล้วพลิกกายนอนตะแคง ปล่อยให้น้ำตาไหลโดยไม่คำนึงว่าพรุ่งนี้ตื่นมาจะมีสภาพเป็นอย่างไร ขอพักสายตา พักร่างกาย พักหัวใจก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
“อิงฟ้า ผมทำผิดต่อคุณอีกแล้วสินะ ผมขอโทษ”
ร่างเปลือยเปล่าที่ยังมีคราบพิศวาสติดบนร่างกายกำลังยืนนิ่งอยู่หน้ากรอบรูปของอดีตภรรยาที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ เมื่อกลับสู่สภาวะปกติเขาไม่เคยลืมเธอได้เลย ในหัวของเขามีแต่ภาพของเธอ รอยยิ้มและน้ำเสียงแว่วหวานเอาใจก็ยังติดตรึงอยู่ในใจไม่คลาย
ครั้งนี้ภาพของอิงฟ้าเลือนรางลงไปมาก แล้วภาพของพลับพลึงกลับเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งชัดเจนมากเท่าไหร่ ความรู้สึกผิดก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
“ถ้าผม...” เขาอยากจะเอ่ยปากบอกบางสิ่งบางอย่างที่เป็นเหมือนดวงไฟเล็กๆ อยู่ภายในใจให้อิงฟ้าได้ยิน แต่แค่จะเอ่ยปากเรี่ยวแรงก็คล้ายจะหมดลงดื้อๆ
ดรัณทิ้งตัวลงกับพื้นนั่งชันเข่าขึ้นทั้งที่มือมีรูปของอิงฟ้าอยู่ ดวงตาคมมองไปยังประตูเล็กๆ บานหนึ่ง ประตูเชื่อมห้องนี้กับห้องของพลับพลึงที่ไม่เคยใช้งานเลยสักครั้งเพราะมันถูกขวางไว้ด้วยชั้นหนังสือสูงเกือบเท่าบานประตูแต่กว้างกว่า
พลับพลึงก็ไม่มีทางรู้ว่าห้องสองห้องนี้เชื่อมต่อกัน ถ้ามองจากห้องนอนของเธอจะไม่เห็นประตูเชื่อมบานนี้เพราะถูกปิดบังไว้ด้วยตู้เสื้อผ้าอย่างที่เขาตั้งใจจะให้เป็น
ดรัณมองรูปอดีตภรรยากับขอบประตูที่อยู่หลังตู้สลับกัน ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นวางกรอบรูปไว้ที่เดิม แล้วออกแรงเลื่อนชั้นหนังสือออกไม่ให้ขวางทางต่อไป
ขอโทษนะอิงฟ้า!!!
ร่างขาวโพลนขยับไปมาอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาที่แสนอบอุ่น ความขาวตัดกับสีเข้มของผ้าปูที่นอนและผ้าห่มชัดเจน เปลือกตาบางใสกะพริบก่อนลืมตาขึ้นงัวเงีย เธออยากจะนอนต่อถ้าแสงแดดจะไม่สว่างจ้าจนทะลุผ้าม่านสีขาวสองชั้นเข้ามาต้องผิดกายให้อุ่นขึ้น
พลับพลึงเบิกตาโตขึ้นเมื่อสำนึกบอกเธอว่าสายแล้ว เดาได้จากแสงแดดค่อนข้างร้อนที่ส่องสว่างไปทั่วห้อง เธอเกือบทะลึ่งกายพรวดเมื่อจำได้ว่าหน้าที่เมียมีอะไรบ้าง ต้องทำงานบ้านทุกอย่างแบบไม่นิ่งดูดาย ต้องทำงานในไร่ให้เท่ากับคนงาน และ...หน้าที่บำรุงบำเรอที่ทำให้เธอสลบคาเตียงได้ทุกครั้ง
หน้าที่แรกและหลังสุดที่คิดได้ เธอไม่แปลกใจกับมันเพราะเป็นเรื่องปกติ แต่หน้าที่ที่สองนี่สิมันควรจะใช่หน้าที่ของเมียจริงๆ หรือ
การทำงานในไร่ให้เหมือนคนงานคนหนึ่ง มันเป็นหน้าที่คนงานรับจ้างเขาทำกัน ที่ไร่ของตัวเองเธอก็ได้แต่เดินดูความเรียบร้อย รับรู้และช่วยกันหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ไม่เคยต้องลงแรงขนาดเท่าคนงานทำกัน
เฮ้อ...คิดวุ่นวายไปก็ไม่ได้ทำให้อะไรมันง่ายขึ้น รังแต่จะสร้างความไม่พอใจให้กับสามีของเธอเสียอีก ยิ่งเขาผีเข้าผีออกอยู่ด้วย ขอพักยกสักนิดจะดีกว่า
ว่าแล้วร่างบางก็สะบัดผ้าห่มออกจากตัว คิ้วเรียวสวยขมวดย่นอย่างจำได้ว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้เป็นคนห่มผ้าห่ม ปกติถ้าหลับแล้วจะเป็นคนหลับลึกไม่ใส่ใจอะไร อีกอย่างเท่าที่จำได้เมื่อคืนนี้ตอนกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ผ้าห่มผืนนี้น่าจะร่วงหล่นไปอยู่บนพื้น แล้วเธอคงไม่ละเมอลุกขึ้นมาหามันแน่ๆ
ใครห่มผ้าให้เธอ?
พลับพลึงส่ายหัว เธอกำลังคิดมากจนเริ่มปวดหัวแล้วสิ ร่างกายที่เคยเจ็บแปลบหาได้เจ็บอีกแล้ว ‘หมอ’ คนเมื่อคืนนี้รักษาเธอด้วยยาขนานเอกได้ผลดีเยี่ยม
ร่างระหงลุกขึ้นเปิดตู้แล้วหยิบเสื้อผ้าออกมากองไว้บนเตียง ก่อนจะพันร่างด้วยผ้าขนหนูแล้วตรงดิ่งเข้าไปห้องน้ำ หลังจากนั้นไม่นานก็ออกมาแต่งกายด้วยชุดทะมัดทะแมงสมกับเป็นชาวไร่ ทว่า...เมื่อแต่ตัวเสร็จแล้วกำลังจะก้าวออกจากห้องก็รู้สึกได้ในความเปลี่ยนไป
