8/4
ความขาวอวบอัดละลานตาเรียกร้องให้ร่างหนาชะโงกง้ำอยู่เหนือร่างบาง สายตามุ่งมั่นอ่อนเชื่อมกำลังจับจ้องทรวงอกคล้ายคนตกตะลึงนิ่งขึงไปชั่วขณะ ขอบบราสีขาวสะอ้านเป็นสิ่งที่เกะกะขวางทางมากที่สุด โดยไม่รอช้าปลายนิ้วเรียวแต่ใหญ่ก็รั้งขอบบราลงต่ำเปิดเปลือยยอดทรวงสีสวย
ลมหายใจกลายเป็นหอบกระชั้นเมื่อยลความงามพิสุทธิ์อยู่นาน ก่อนจะฟุบหน้าดูดกลืนความหวานจากยอดถันระเรื่อ สะบัดปลายลิ้นเลียไล้ตวัดดูดดื่มจนแก้มตอบ
หญิงสาวครวญครางเสียงแหบพร่า ลูบไล้ไปทั่วต้นแขนกำยำ นวดคลึงท้ายทอยหนาแผ่วๆ เรียวปากอิ่มแยกเผยอในยามถูกดูดกลืนสัดส่วนที่ไวต่อสัมผัสแรงๆ และเม้มแน่นเมื่ออุ้งปากอุ่นห่างหายไปจากยอดถัน ปลายเล็บจิกครูดไปบนท่อนแขน ความซ่านกระสันโหมกระหน่ำจนแทบทนไม่ไหว ร่างกายร้อนผ่านประท้วงขอการเติมเต็ม
“อารัณ...อื้ม...”
ดรัณรับรู้จากความแสบร้อนตรงผิวหนังที่ถูกปลายเล็บคมครูดข่วนบอกความต้องการอันแรงกล้า เขาหยัดตัวขึ้นถอดเสื้อเชิ้ตออกจากกายอย่างว่องไว ตามด้วยกางเกงยีนที่ต้องลุกหนีออกจากร่างนุ่มเพื่อเหวี่ยงมันออก เป็นเหตุให้หญิงสาวชูมือขึ้นไขว่คว้าโดยอัตโนมัติ
“ชู่ว์ ไม่เป็นไร อาอยู่นี่”
เขารีบบอกเมื่อดวงหน้าพริ้มเพราเหยเก ก่อนจะขึ้นมาจัดการกับเสื้อผ้าของเธออย่างรีบเร่ง พลับพลึงร่วมมือด้วยดี เธอช่วยเขาเปลื้องผ้าตัวเองออกอย่างกล้าหาญ ดรัณเลิกคิ้วกระเซ้าสาวน้อย มุมปากหนาแต้มรอยยิ้มบางๆ แบบที่คนมองไม่มีทางได้เห็น ถ้าไม่สังเกตให้ดีแล้วล่ะก็
ไม่นานเรือนร่างงดงามขาวโพลนก็ทาบอยู่บนที่นอน ดรัณอดใจไม่ไหวขอชื่นชมความงามนั้นนิ่งๆ ก่อนความอดทนจะสิ้นสุด เขาตะโบมจูบไปทั่วเรือนร่างสวย ลิ้มรสความหวานที่ไม่รู้ว่ามันเกาะอยู่ตามเนื้อตัวเธอผู้เดียวหรือไร เขาไม่เคยได้ลิ้มรสหวานขนาดนี้จากผู้หญิงคนอื่นมาก่อน แม้กระทั่ง...อิงฟ้า
ดรัณไม่เสียเวลาคิดถึงอิงฟ้า อดีตภรรยาสุดที่รักของเขาถูกลืมเลือนไปชั่วขณะ ความหลงใหลมัวเมาอยู่ในรสสวาทตรงหน้าต่างหากที่มัดทั้งตัวและหัวใจของเขาในตอนนี้
ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง...
พลับพลึงส่ายไหวไปตามบทรักที่ถาโถมเข้าหาเหมือนเกลียวคลื่นขนาดใหญ่ เรือนกายของเธอคงชุ่มชื้นเพราะปลายลิ้นที่ทั้งสากและร้อนของเขา
“อ๊ะ...อารัณ!!!”
พลับพลึงสะดุ้งโหยงเมื่อดรัณกดนิ้วบนกลีบกุหลาบ ชายหนุ่มนิ่วหน้าเหลือบตามองดวงหน้าเหยเกกับร่างสาวเกร็งแข็ง ดวงตากลมมีแววหวาดผวาอยู่เนืองนิจ ชายหนุ่มกลั้นหายใจแล้วเลื่อนตัวขึ้นไปกระซิบเสียงพร่าข้างๆ หูนุ่ม
“ให้หมอรักษานะ”
แค่ได้ยินคำว่า ‘หมอ’ สาวน้อยก็เบิกตาโพลง
“ไม่ค่ะ ไม่นะ” รีบร้องขอความเป็นใจพัลวัน
“ไม่รักษาก็ไม่หาย หมอคนนี้จะเลิกใจร้าย...ชั่วคราว หมอจะทำนุ่มๆ เบาๆ ไม่ให้เจ็บ”
“หมอ? คนนี้?”
มัวแต่นิ่งคิดอยู่นาน พอเห็นรอยยิ้มบนมุมปาก คนเจ็บก็เข้าใจพลันว่าหมอที่บอกคือหมอคนไหน
แต่ตอนนี้...รอยยิ้มบางๆ ของเขามันชักชวนให้เธอเลิกคิดถึงหมอเสียแล้วสิ!
“อารัณ...”
รอยยิ้มอย่างเผลอๆ ของเขาเรียกให้มือน้อยยื้อต้นแขนกำยำให้สูงขึ้น ทว่าดรัณไม่ทำตามนั้น เขาปัดมือน้อยแล้วช้อนต้นขาเรียวจนกลายเป็นชันเข่า ละสายตาจากดวงหน้าพริ้มเพราเพื่อมองดอกกุหลาบสีชมพูอวบตูมกลางหน้าขา คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อเห็นร่องรอยความชอกช้ำบริเวณนั้น ก่นด่าตัวเองพัลวัน เพราะเขาเธอจึงเจ็บขนาดนี้
พลับพลึงเห็นศีรษะหมอหนุ่มสุดหล่อนั่งงันอยู่เหนือกลีบกาย ริมฝีปากของเธอแห้งผาก หากคุณหมอจะตรวจดูบาดแผลนานกว่านี้แล้วยังไม่ลงมือรักษา ลำคอของเธอคงแห้งเป็นผุยผงแล้วอักเสบจนกลายเป็นสิ่งที่ควรจะรักษาแทนบริเวณนั้น
แต่เธอรอไม่นาน คนที่แอบอ้างอยากเป็นคุณหมอก็ทำการรักษาด้วยวิธีที่เรียกเสียงคร่ำครวญออกมาจากปากอิ่มดังลั่น
“อื้อ...อารัณ!!!”
เรียวลิ้นสากโบกสะบัดปาดยาเสน่หารักษาความชอกช้ำทั่วกลีบกุหลาบดอกสวย ยาของเขาช่างเย็นจนร่างบางสั่นเทิ้ม ขนบนกายแข่งกันลุกเกรียว บางอย่างในหน้าท้องเริ่มก่อมวลเหมือนก้อนเมฆที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน ก่อนความมืดครึ้มจะจับไปทั่วท้องฟ้า แล้วสายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงบอกให้รู้ว่าพายุกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
ความเจ็บแปลบแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่มทุรนทุรายจนต้องบิดร่างส่ายไหว ผ้าปูที่นอนยับย่นเพราะมือน้อยขยุ้มแล้วดึงรั้งอย่างรวดร้าว ยิ่งเขาปัดป่ายยาขนานเอกมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทุรนทุรายวาบไหวมากขึ้นเท่านั้น พายุที่ก่อมวลในช่องท้องเริ่มหมุนวนบิดเป็นเกลียวให้ความรู้สึกเดือนพล่านแล้วแตกกระจายออกเป็นมวลอากาศ
“กรี๊ด!!!” สิ่งสุดท้ายที่ระเบิดโพลงในหัว เรียกเสียงหวีดร้องมาพร้อมกับน้ำค้างกลางหาวที่พุ่งออกมาในทันที
ดรัณแน่ใจว่าตัวยาที่เขาใช้รักษาบาดแผลมีผลต่อการรักษาแผลในใจสลัดความกลัวออกไปให้สิ้นซาก น้ำค้างรสหวานเป็นเครื่องยืนยันผลการรักษาได้เป็นอย่างดี ร่างแกร่งหยัดตัวขึ้นจดจ่อกายกำยำรวดร้าวและร้อนผะผ่าวครูดไถกลีบกุหลาบเต่งตึง เป็นผลให้เจ้าของกุหลาบแสนสวยดิ้นพล่านเพราะความสุขที่เพิ่งพบเจอยังไม่ห่างไปไหน ความทุรนทุรายก็แทรกกายเข้ามาซ้ำ
