8/3
“อย่ากล่าวหาฉันทางสายตาเลยน่ะ ถ้าเธอเจ็บเพราะฉัน เดี๋ยวซ้ำก็คงหาย ของแบบนี้มันต้องซ้ำไม่งั้นไม่ชิน”
“อารัณยัง...” หญิงสาวอ้าปากค้าง ปลายนิ้วเรียวแกร่งจ่อติดที่เรียวปากอิ่มเป็นเชิงห้าม
“หน้าที่” เขาย้ำ แววตาเอื้ออาทรเปลี่ยนประกายแวววับอย่างเจ้าเล่ห์ “ถ้ายังไม่หาย ฉันจะพาไปหาหมอ”
“ไม่นะ!!! แค่อารัณปล่อยพลับไว้สักคืนก็น่าจะหาย นะคะ” ลงท้ายด้วยน้ำเสียงออดอ้อนให้สามีเห็นใจ แต่มีหรือคนใจร้ายอย่างเขาจะเห็นใจและเข้าใจความเจ็บปวดของเธอ
เสียดายแววตาที่เปลี่ยนไปจัง เธอน่าจะเห็นมันนานกว่านี้สักหน่อย เฮ้อ...
“เธอต้องการการรักษาไม่ใช่เหรอ หมอเท่านั้นจะช่วยเธอได้”
สีหน้าเหยเกมึนงงของภรรยาตัวน้อย ทำให้สามีหนุ่มจอมโหดกลั้นยิ้มจนจุก พลับพลึงยังกลัวหมอไม่หายนี่นา แบบนี้เขาก็เป็นต่อน่ะสิ
“อย่านะคะ อย่านะอารัณ จะให้พลับทนก็ยอม แต่ไม่หาหมอ” เสียงหวานเริ่มเอื่อยอ่อย อะไรก็ไม่น่ากลัวเท่า ‘เข็มหมอ’ คิดแล้วขนก็ลุก
มือน้อยกำสาปเสื้อของเขาไว้แน่นเมื่อร่างหนาทำทีจะผละห่างเพื่อพาเธอไปหา ‘หมอ’ พยายามเหนี่ยวรั้งให้ร่างแกร่งต่ำลงจนกระทั่งลมหายใจอุ่นรินรดบนใบหน้าดังเดิม ดวงตากลมเว้าวอนระคนหวาดหวั่นเรียกให้ชายหนุ่มต้องจับจ้องอยู่นาน ดวงตาคู่นี้เมื่ออดีตเคยสะกดเขาไว้ด้วยความน่ารักสดใส จนเกิดความรู้สึกหนึ่งที่สร้างความประหลาดใจขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันไร้น้ำหนักเมื่อเขาได้เจอกับอิงฟ้า แล้วอิงฟ้าก็กลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา
ตาคมอ่อนแสงหลุบลงมองริมฝีปากอิ่มนิ่งๆ จนกระทั่งเจ้าของเรียวปากสวยต้องเผยอหอบหายใจเห็นไรฟันขาวเรียงซี่สวย เขาก็เลยอดใจไม่ไหวกดใบหน้าลงไปชิม ปากหนาแตะแผ่วเหนือปากอิ่มอย่างให้รู้ถึงปฏิกิริยาอ่อนไหว ร่างน้อยสะท้ายขึ้นเมื่อเขาผละห่างเพียงนิดเพื่อดันต้นขาอวบสวยให้แยกกว้าง
พลับพลึงไม่มีคำพูดไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่ามือหนากำลังดันต้นขาด้านในของเธอออกห่างกันแค่ไหน ความรู้สึกของเธอกำลังถูกดูดกลืนหายไปในลำคอแกร่ง สามีของเธอกำลังจูบเธออย่างอ่อนหวานพาเธอเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนุ่มนวลที่ยากนักจะได้เจอ
ดรัณกำลังปลอบคนตัวเล็กด้วยจูบ หลอกล่อให้เธอลืมทุกสิ่งด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยคิดจะทำ เขาเคยคิดว่าสาวน้อยคนนี้โตขึ้นมาจะสวยได้ขนาดไหน ตอนเด็กๆ เธอก็สวยและน่ารักจนหนุ่มๆ ขยันมาแจกขนมจีบ ตอนนั้นเขายังห่วงว่าหลานสาวตัวน้อยจะเสียคนเพราะผู้ชาย เสียคนเพราะความสวยและน่ารัก ทว่าเธอก็ทำให้เขาภูมิใจเมื่อไม่เคยทำตัวเหลวไหล ไม่เข้าใกล้ผู้ชายคนไหนเกินเส้นเขตของการแบ่งคำว่าเพื่อน
แต่ไย เขาไม่คิดรู้สึกโหยหาเธอแบบนี้มาก่อน อาจเพราะพลับพลึงยังเด็ก เป็นเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ช่างพูดช่างจำนรรจา และยังดื้อรั้นพอประมาณตามประสาเด็ก เขาแก่เกินกว่าจะมองเด็กสาววัยขนาดนี้ แล้วพอได้เจออิงฟ้า เขาก็ผละห่างจากเธออย่างไม่แยแส เหลือเพียงความรักในฐานะของอากับหลานและตำแหน่งแม่สื่อที่เขามอบให้เธอ
ลมหายใจอุ่นของคนทอดถอนใจเป่ารดลำคอระหงให้สะท้านเยือกจนเปล่งเสียงครางออกมาแผ่วๆ พลับพลึงโอบรัดร่างหนาอย่างหวนแหน ใช้สิทธิ์ความเป็นภรรยากอดรัดสามีให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ สิทธิ์ที่เธอได้แต่แอบฝันว่าอยากได้ตั้งแต่วัยแรกรุ่น แล้วสิทธิ์นั้นก็หลุดลอยไปเมื่ออาอิงกลับมา
นานแค่ไหนแล้วที่เธอได้แต่ลอบมองแผ่นหลังกว้างของอารัณ บางเวลาที่เขาหันหน้ามาหาแต่ผินหน้าไปสั่งงานคนงาน เธอก็แอบมองอกกว้างและขนหน้าอกรำไรที่เล็ดลอดสาปเสื้อเชิ้ตออกมายั่วให้อยากลูบไล้ ตอนนั้นเธอไม่คิดมากขนาดนี้หรอก แค่คิดว่าอกกว้างคงจะอุ่นน่าดูหากได้ซบหน้าเข้าไปสักครั้ง
หลายครั้งที่เธอเข้าไปหาเขาถึงกลางไร่ เพียงเพื่อจะได้เห็นหน้า เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา ไม่เหมือนตอนนี้ซึ่งต่างกันลิบลับ ตอนนี้เขากลายมาเป็นสามีจอมเถื่อนของเธอ ไว้หนวดไว้เคราครึ้ม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเท่ห์ระเบิดยิ่งกว่าที่เคยเห็น สมกับความเถื่อนที่มักจะแสดงออกกับเธอตลอดเวลา
มือเล็กลูบไล้ใบหน้าสากระคายอย่างเป็นเจ้าของ พยุงดวงหน้าคมคายอย่างหาตัวจับได้ยากด้วยอุ้งมือเล็ก ก่อนจะตวัดปลายลิ้นเกี่ยวพันลิ้นสากอย่างต้องการจะมอบรางวัลให้กับความอ่อนโยนที่เขากระทำ
ดรัณครางฮือแล้วความอ่อนโยนที่หมายจะทำให้เป็นยารักษาบาดแผลทั้งทางกายและใจ ก็เปลี่ยนเป็นเร่าร้อนทวีความรุนแรงขึ้นหนักหน่วง เรียวลิ้นหนาตวัดรัดลิ้นเล็กๆ รีดความหวานให้ได้มากตามที่ต้องการ มือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วอกสล้าง บีบขยำสลับคลึงเคล้าจนสัมผัสได้ถึงยอดอกที่พุ่งชัน
“สู้มือแล้ว” เขาแซวเสียงแหบพร่า บี้ส่วนที่พุ่งชันด้วยปลายนิ้ว
“อื้อ!!!” พลับพลึงครางฮือ ดวงตาหลับพริ้มเกร็งร่างเสียจนคิ้วขมวดมุ่น ดวงหน้าพริ้มเพราแดงระเรื่อกระจายถึงใบหู ร้อนวาบลงลำคอ ใต้เรียวปากที่กดนาบเหมือนเอาเตารีดมาทาบผิวเนื้อจนแดงเถือก
ชายเสื้ออยู่บ้านถลกขึ้นอย่างช้าๆ ด้วยฝ่ามือหนากำลังคืบคลานขึ้นไปตามลำตัวอุ่นนุ่ม อกสล้างเป็นจุดที่ปรารถนาจะแตะต้องอย่างชิดเชื้อ ชายเสื้อเลิกขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งขึ้นไปกองอยู่เหนือเนินอกอิ่ม
