8/2
ร่างเล็กที่วิ่งตรงมาหาอย่างดีใจทันทีที่เห็นชายหนุ่มวัยเกือบ 30 ก้าวลงจากรถ ดรัณอมยิ้มตั้งแต่เห็นพลับพลึงวิ่งโร่มาหน้าหน้าระรื่น สาเหตุที่หน้าระรื่นอยู่ในมือของเขา
หนังสือนิยายแปลของนักแปลมือฉกาจเป็นหนังสือหายากที่เธออยากได้ จนเขาต้องเดือดร้อนออกไปหามาให้ได้ เพียงเพราะสัญญากับเธอไว้ว่าถ้าลงกรุงเทพฯ เมื่อไหร่ เขาจะหาซื้อให้ได้ แล้วเขาก็ทำสำเร็จ
แต่พอปิดประตูรถแล้วหันมามองเต็มตัว ด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าหล่อเหลา คิ้วเข้มก็ขมวดเป็นเกลียว ขายาวๆ ก้าวพรวดก่อนจะวิ่งเร็วรี่ ทิ้งหนังสือนิยายในมืออย่างไม่ใส่ใจอะไรมากไปกว่า...
“พลับ!!!” เด็กสาวสะดุดก้อนหินหน้าคะมำกลิ้งลงจากเนินไม่เป็นท่า สร้างความตื่นตระหนกและตกใจจนหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ดรัณไปหยุดทันตอนที่เธอกลิ้งลงมาถึงข้างล่างแล้ว
“อูย...เจ็บ อารัณ พลับเจ็บ”
สาวน้อยของอารัณน้ำตานองหน้า ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่เว้นแม้แต่ศีรษะมีแต่เศษหญ้าและใบไม้ร่วงเกาะทั่ว อารัณของเธอทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจ มองหาบาดแผลทั่วร่างเล็กอย่างละเอียด
“อาบอกแล้วว่าอย่าวิ่ง บอกทุกครั้งก็ไม่เคยฟังเลยสักครั้ง” เขาดุเสียงอ่อนใจ
“ฟังค่ะ”
“ฟังแต่ไม่เชื่อ แบบนี้มันน่าตีรู้รึเปล่า” เขาย่อตัวลงช้อนร่างเล็กเข้าสู่อ้อมแขน พาเดินลิ่วๆ อย่างมั่นคงไปยังซุ้มไม้ไผ่ที่อยู่ไม่ไกล “เจ็บตรงไหนบ้าง ไปหาหมอดีกว่านะ”
“ไม่ค่ะ ไม่ไปหาหมอ พลับไม่ชอบหมอ”
เสียงสะอื้นทั้งที่เจ้าตัวกำลังพูดเรียกรอยยิ้มจากปากหนาทันที ดวงหน้าเล็กเหยเกพยายามหลบสายตาที่มองมาอย่างรู้ทัน แต่ซ่อนความกลัวไว้ในหน้ามากแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นความจริงอยู่ดี
“กลัวหมอมากกว่ามั้ง ถึงไม่ไป”
“ไม่ได้กลัวสักหน่อย แค่ไม่อยากไป ใส่ยาก็หาย ไม่ได้เป็นไรมาก”
ทว่า...หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง
“กรี๊ด!!! ไม่เอา ไม่เข้าไปหาหมอ อารัณพลับไม่หาหมอ”
สาวน้อยโวยวายลั่นโรงพยาบาลแทบแตก ทั้งคนไข้และพยาบาลต่างมองมาเป็นจุดเดียว แต่คนตัวเล็กที่เอาแต่แกะมือเขาออกจากการจับจูงวุ่นวายยังไม่อาย แล้วเขาเป็นผู้ชายที่กำลังจะพาเด็กสาวคนหนึ่งมารักษา ทำไมต้องอาย
“ต้องหา อย่าดื้อน่าพลับ ไม่หาได้ไง เรามาถึงที่นี่แล้วนะ ไปเร็ว หมอกำลังรออยู่”
“ไม่!!!!” พลับพลึงหวีดร้องลั่น ดรัณจึงอุ้มเธอเข้าไปหาคุณหมอ
และพอถึงมือหมอ...
“ไม่เป็นไรนะครับคนเก่ง เดี๋ยวหมอจะหานางพยาบาลสวยๆ มือเบาๆ มาทำแผลให้จะได้ไม่เจ็บ”
“จะ...จะฉีดยามั้ย” เสียงสั่นปนสะอื้นไม่หายดังออกมา
“คนเก่งไม่จำเป็นต้องฉีดยาหรอกค่ะ แค่ทำแผลก็พอ ดูสิคะ ถ้าไม่รักษา หัวเข่าจะมีแผลเป็น แขนก็จะมีแผลเป็น หมดสวยแน่ค่ะ” คุณหมอหนุ่มหน้าตาดีทีเดียวทอดเสียงนุ่มเสนาะหู รอยยิ้มหวานที่ทำเอาเด็กสาวตาพร่ามัวแล้วค่อยๆ คลายความกลัวเพื่อคล้อยตามคุณหมอรูปงามทีละนิด “ถ้ายังอยากสวยราวกับนางฟ้าตัวน้อยๆ แบบนี้ ต้องทำแผลก่อนค่ะ หมอสัญญาว่าจะไม่ฉีดยาเด็ดขาด นะคะ”
ถึงประโยคท้ายจะล่อลวงเธอเหมือนผู้ใหญ่หลอกเด็ก แต่เด็กสาวก็ยอมพยักหน้า ไม่ออกอาการดื้อสะบัดเหมือนที่เป็นเมื่อครู่นี้
ดรัณเกือบจะค้อนให้เด็กสาวอย่างขุ่นเคือง ทว่าพอเห็นนางพยาบาลจูงมือบางพาไปยังห้องทำแผลแล้วคนตัวเล็กก็เดินตามอย่างว่าง่าย เขาก็เบาใจ แม้จะแอบอิจฉาคุณหมออยู่ลึกๆ
“อารัณขา พลับดีขึ้นมากแล้วค่ะ ดีจังไม่ต้องฉีดยาด้วย วู้” สาวน้อยออกมาจากห้องทำแผลก็ปรี่เข้ามาหาคนหน้านิ่ง “เป็นอะไรไปคะ”
ชายหนุ่มไม่ตอบ แกล้งสะบัดหน้าแล้วเดินนำไปก่อน สาวน้อยจึงไม่เห็นสีหน้ายิ้มๆ ของคนชอบแกล้งในตอนนั้น กว่าจะรู้ว่าเขาแกล้งก็เช้าวันต่อมา
“ว่าไงล่ะ” ดรัณถามซ้ำเมื่อเห็นหญิงสาวเอาแต่นิ่ง
พลับพลึงมัวแต่คิดถึงอดีตอย่างซาบซึ้งที่เขาจำได้ ไม่ต้องอธิบายใดๆ ให้มากความ เธอก็แน่ใจว่าเขาไม่เคยลืม ความเอื้ออาทรที่ส่อออกมาทางดวงตาอยู่เนืองๆ แม้จะไม่มากจนเด่นชัด แต่สำหรับเธอแล้วมันชัดเจนอยู่ในใจ
“พลับ...พลับเจ็บเพราะอารัณ”
เธอพูดแค่นั้นแล้วก็เงียบไป ท่าทีขวยเขินเรียกสายตาของดรัณให้กดลงต่ำ ต้นขาที่เบียดกระชับชิดจนแทบไม่มีช่องว่ายทำให้เขากลั้นใจชั่วขณะ
เจ็บตรงนั้น?
ผู้ชายอย่างเขาไม่รับรู้หรอกว่าผู้หญิงจะรู้สึกยังไงบ้าง ตั้งแต่เริ่มต้นเคล้าเคลียลูบไล้แล้วก็จบลงตรงปลดปล่อย เขารู้สึกว่ามันคับแน่นเหมือนน็อตตัวผู้กำลังหมุนเข้าใจกลางน็อตตัวเมีย พอเกลียวรัดแน่นเข้าความสุขก็ล้นทะลักพลุ่งพล่านเกินยับยั้ง มันเป็นความรู้สึกของเขา แต่สำหรับเธอ ผู้หญิงช่างบอบบางนัก เขาจะจับต้องความรู้สึกของเธอได้จากกิริยาอาการที่แสดงออก เสียงหวีดร้องและอาการเกร็งนั่นคือสิ่งที่ผู้ชายอย่างเขารับรู้ นอกเหนือจากนั้นถ้ามีความรู้สึกอื่นสอดแทรกมา อย่างน้อยพวกผู้หญิงก็น่าจะปริปากระบายออกมาให้ได้ยิน
ดรัณเพิ่งนึกขึ้นได้ พลับพลึงบอกเจ็บตั้งแต่เครื่องร้อนด้วยซ้ำ บ้าจริงเชียว! ทำไมเขาถึงลืมเรื่องสำคัญขนาดนี้ได้ นี่กลายเป็นว่าเขาทำให้เธอเจ็บมาตลอดทั้งคืนเลยสินะ
“เอ่อ...ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
‘ไม่จริงหรอก อารัณตั้งใจอย่างยิ่งยวดต่างหากเล่า’
แววตากล่าวหาพุ่งเข้าใส่ทันทีที่หญิงสาวหันมามอง เขากะพริบตาแล้วยักไหล่ก่อนจะคว้าเอวเล็กขึ้นมาบนตัก
