8/1
“มวยคู่เอกอย่างเรายังต้องอยู่บนสังเวียนไปตลอดชีวิต”
“อารัณแน่ใจหรือคะว่าตลอดชีวิต อารัณจะทนอยู่กับพลับนานขนาดนั้นได้เหรอ พลับเป็นคนน่ารังเกียจนะคะ” เธอตอกย้ำให้เขาได้คิด โดยไม่คาดหวังอะไร ไม่หวังว่าเขาจะคิดได้หรือเปลี่ยนใจทำในสิ่งที่ไม่ต้องการอย่างต่อเนื่อง
เธอเป็นคนที่เขาไม่เคยต้องการ แต่ทำไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยมือจากเธอ หรือเขาจะเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น สำนึกของลูกผู้ชายบีบคั้นให้ต้องรับผิดชอบทั้งที่ฝืนใจเต็มที เขาคงไม่รู้ว่าการทำแบบนี้จะทำให้เธอเจ็บปวดแค่ไหน หรืออาจจะรู้และตั้งใจจะให้มันเป็น
ความเกลียดชังที่เธอได้รับ มันเกิดจากอะไร?
“อย่าถาม เพราะฉันไม่มีคำตอบ เธอมีหน้าที่ก็จงทำตามหน้าที่ของเธอก็พอ ห้ามคบชู้สู่ชาย ห้ามสวมเขาให้ฉันเด็ดขาด”
“พลับไม่คิดจะทำแบบนั้นแน่ ถึงการแต่งงานของเรามันเกิดขึ้นเพราะความจำยอม แต่พลับก็มั่นใจว่าตัวเองไม่มีทางทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงอย่างที่อารัณคิด ขอให้วางใจ”
“ฮึ เสน่ห์ของเธอมันแรงนัก ฉันไม่เชื่อหรอก”
“ก็ตามใจ” บอกแล้วก็ถอนใจก่อนสะบัดแขนแล้วหมุนตัวหนี เธอน้อยใจนัก แต่ไหนแต่ไรเขาน่ารักกับเธอเสมอ มันคงไม่มีอีกแล้ว
“เดี๋ยวสิ อย่าเฉไฉน่า” ดรัณกระชากร่างบางกลับมาหา ตวัดแขนรวบร่างนุ่มให้แน่นกว่าเดิม “หน้าที่ของเมียฉันมีอะไรบ้าง เธอรู้หรือยัง ถ้ายังฉันจะได้บอกเป็นข้อๆ” เขาเว้นวรรคดูสีหน้าที่ค่อยๆ แดงระเรื่อทีละนิด ก่อนจงใจหมุนตัวให้อกกว้างเสียดสีกับอกอิ่ม สัมผัสเต็มตึงได้รูปกำลังทำให้เขาร้อนผ่าวโดยที่เจ้าตัวไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยสักนิด
ดรัณบอกตัวเองว่าสิ่งที่สัมผัสได้นั้นปลุกเร้าเขาให้พลุ่งพล่านได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่เคยมีใครทำให้เขากระหายในกายนุ่มได้มากถึงเพียงนี้ ใช่ว่าจะไม่มีใครสวยเท่า น่าสนใจเท่า แต่ไม่มีใครมากล้นไปด้วยความเย้ายวนชวนหลงใหลเหมือนแม่เหล็กดึงดูดพลังมหาศาล ดูดให้เข้าไปหาแล้วกระทำย่ำยีอย่างไม่สนใจว่าจะผิดหรือถูก และผลของการกระทำนั้นก็เป็นอย่างนี้ เขาต้องแต่งงานกับเธอเพื่อรับผิดชอบและรักษาหน้าคุณย่า พ่อเลี้ยงรุ่งโรจน์และแม่เลี้ยงกาญจนา
หากแต่เหนือสิ่งอื่นใดคือใจที่ปรารถนาอยากเป็นเจ้าของ
“เมียของฉันต้องเก่งเรื่องบนเตียง ต้องทำกับข้าวอร่อย ต้องทำงานในไร่ได้ไม่ต่างจากคนงาน ที่จริงจะต้องทำงานบ้านเป็นทุกอย่าง ขยัน ไม่นิ่งดูดายปล่อยให้แม่บ้านทำเอง เธอก็ต้องเป็นแบบนั้น”
“ก็ได้ พลับทำให้ได้”
“เริ่มเลย”
“ปล่อยสิคะ ไม่ปล่อยแล้วจะทำได้ไง” ถ้าเขายังกอดเธอแน่นแบบนี้ ยังหายใจรดใบหน้าเธอแบบนี้ แล้วจะออกไปทำทุกอย่างที่ต้องการได้ยังไง
ลมหายใจอุ่นๆ รินรดดวงหน้าสวยเฉี่ยว แก้มสาวซับสีเลือดจนแดงก่ำ อยากให้เขาปล่อยและปฏิเสธให้สมกับท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์ แต่ก็อยากให้กอดและฝากรักเผื่อความรู้สึกนั้นจะซึมเข้าไปในใจของเขาทีละนิด เผื่อเขาจะมองเธอในแง่ดี กลายเป็นอารัณผู้แสนน่ารักคนเดิม
“หน้าที่แรกที่บอก จำได้ไหม”
พลับพลึงครุ่นคิดถึง ‘หน้าที่แรก’ จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้ แต่...น้องสาวของเธอยังเจ็บแปลบไม่หายนี่นา ควรจะทำยังไงดี หน้าที่ของเมีย เธอไม่มีทางปฏิเสธ จะหาทางยืดเวลาออกไปได้ยังไง ถ้าต้องรับอีกครั้งตอนนี้ เธอคง...
“พรุ่งนี้ได้มั้ยคะ”
“ไม่ได้!!! ฉันไม่ได้แต่งงานกับเธอ เพื่อจะให้เธอทำงานบ้านหรืองานในไร่อย่างเดียวนะ”
นี่หมายความว่า...เขาแต่งงานกับเธอก็เพื่อจะนอนกับเธอเป็นหลักน่ะสิ
“แต่พลับ...” จะบอกออกไปว่าเธอยังเจ็บอยู่ได้ยังไง อูย...แค่คิดว่าต้องรับเขาอีกครั้ง น้องสาวของเธอก็ดูจะออกอาการประท้วงแล้วสิ เรียวขาสวยหนีบเข้าหากัน ความรู้สึกคล้ายคันกึ่งร้อนวาบบอกไม่ถูก เธอซุกหน้ากับอกกว้างอย่างไม่รู้จะทำยังไง อธิบายก็ไม่ได้ ปฏิเสธก็ไม่ได้อีก กลุ้มใจจัง
อาการตัวสั่นนิดๆ ปลายเท้าขยับเข้าหากันจนชิด ต้นขาอิ่มที่พยายามเบียดกันทั้งที่มันไม่มีช่องว่างเหลืออยู่แล้วสร้างความประหลาดใจของคนกอด จนต้องดันร่างน้อยออกห่างเพื่อพิจารณาความผิดปกติได้ถนัด
“เป็นอะไร”
พลับพลึงเงยหน้าขึ้นอย่างฉงน สุ้มเสียงที่ได้ยินคล้ายจะอ่อนโยนลงผิดแผกจากนาทีที่แล้วนัก แววตาคมกร้าวไม่เหมือนน้ำเสียงกวาดไปทั่วทั้งเนื้อตัวของเธออย่างสงสัย
เมื่อเธอไม่ตอบ คำถามก็ดังซ้ำอยู่บนศีรษะ
“ไม่สบายรึเปล่า”
พลับพลึงส่ายหัวแรงๆ ก้มหน้างุดซ่อนความทุกข์ระทมที่บอกไม่ได้ ดรัณไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ เขาพาเธอไปทิ้งตัวบนเตียง แล้วคลำไปทั่วร่าง
“อารัณ ทำอะไรคะ?”
“หาสาเหตุ”
“สาเหตุ?”
จับตัวดูก็ไม่ร้อน ไม่มีบาดแผลตรงไหนปรากฏให้เห็น ไม่ได้ทำให้เขาพึงพอใจ ทว่ากลับเพิ่มความสงสัยและเป็นห่วงจะเผลอแสดงออกมาทางดวงตาจนได้
“เธอเจ็บตรงไหนรึเปล่า เดินสะดุดอะไรจนล้มเข่าแตกอีกแล้วหรือเปล่า หรือแอบไปปีนต้นไม้แล้วตกลงมาอีก ฮึ”
“อา...รัณ...”
หญิงสาวกลั้นก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ ทุกสิ่งในอดีตเขายังจำได้ไม่ลืม
