7/3
ตอนนั้นน้องสาวเขียนอีเมล์มาปรับทุกข์กับพี่ชายตลอดเวลา แต่ห้ามเด็ดขาดไม่ให้พี่ไปหาเพราะไม่กล้าสู้หน้า รุ่งโรจน์ก็ยอมตามใจน้องเพราะความรักน้อง อิงฟ้าบอกจะแก้ปัญหาเรื่องนี้เอง จะให้เขาคนนั้นรับผิดชอบลูกในท้องให้ได้ แล้วอีเมล์ของอิงฟ้าก็หายไปนาน
หลายเดือนต่อมาเธอก็ส่งอีเมล์มาหาพี่ชาย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอย่างคิดถึง แล้วบอกข่าวร้ายให้พี่ชายรู้ เธอตัดสินใจทำแท้งเอาเด็กออก เหตุการณ์นั้นทำให้เธอตกเลือดเกือบตาย รุ่งโรจน์ห่วงใยมากถึงขั้นหนีมารดาไปหาน้องที่อังกฤษ สภาพของน้องทำให้เขาพูดไม่ออก อิงฟ้าผ่ายผอมลงไปมาก เธออยู่เพียงลำพังในอพาร์ทเมนต์เล็กๆ แห่งหนึ่งที่ดูทรุดโทรมจนไม่น่าอยู่อาศัย
นี่เอง...ความเป็นอยู่ที่แท้จริงของอิงฟ้า
เธอบอกพี่ชายหน้าเศร้าๆ ว่าเขาคนนั้นทิ้งเธอไป แล้วเธอก็ไม่มีหน้าจะกลับไปหามารดาอีก รุ่งโรจน์สงสารน้องจับใจ เขาอยู่ปลอบใจหลายวัน พยายามเกลี้ยกล่อมให้อิงฟ้ากลับเมืองไทย จนเธอใจอ่อนเพราะความคิดถึงมารดาจับใจ แต่ขอเวลาฟื้นฟูสภาพจิตใจและร่างกายสักระยะ
พี่ชายไม่ปฏิเสธและรอวันจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแม่และลูก
อิงฟ้ากลับเมืองไทยเมื่อพลับพลึงอายุ 14 ปี เธอกลับมาพร้อมกับความสวยมากกว่าเดิม ความเศร้าก็ดูจะเลือนรางหายไป ใบหน้าสดใสอิ่มเอิบและฐานะที่ร่ำรวยจากร้านอาหาร ที่จริงแล้วร้านอาหารของเธอล้มไม่เป็นท่า เพราะถูกผู้ชายคนนั้นหลอกเอาเงินไปหมด แต่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมก็เพราะเงินของรุ่งโรจน์ทั้งนั้น
คุณย่าสะอิ้งทอดถอนใจหนักหน่วง อดีตของบุตรสาวที่รับรู้ก่อนดรัณจะมาสู่ขอนั้น ทำให้คนเป็นแม่ต้องรีบตกปากรับคำยกลูกสาวให้ด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจบอกใครได้จริงๆ
พ่อเลี้ยงดรัณจึงกลายเป็นที่รักยิ่งของอิงฟ้านับจากนั้น...
“คุณแม่ครับ” พ่อเลี้ยงรุ่งโรจน์เข้าไปนั่งเคียงข้างมารดา คุณย่าสะอิ้งยิ้มบางๆ ในหน้า
“ตาโรจน์ เสร็จงานแล้วรึ”
“ครับคุณแม่ ผมเห็นคุณแม่นั่งเหม่อลอยอยู่นานแล้ว มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ” บุตรชายถามด้วยความเป็นห่วง
“แม่กำลังทำตัวเป็นดรัณ”
“เอ๊ะ...” รุ่งโรจน์สงสัย
“แม่กำลังคิดถึงอดีต คิดเรื่องที่ตนก็มีส่วนผลักดันให้เกิดความผิดพลาดขึ้นใหญ่หลวง”
“หมายความว่ายังไงครับ ผมไม่เข้าใจ”
“เรื่องอิงฟ้า ถ้าแม่ไม่สงสารลูกจนรีบยกให้ดรัณดูแล ดรัณก็คงไม่เป็นแบบนี้”
“พ่อเลี้ยงดรัณรักอิงฟ้า ไม่ใช่ความผิดของคุณแม่เลยนะครับ ผมต่างหากที่ดูแลน้องไม่ดี ถ้าผมตัดสินใจไปรับอิงฟ้ากลับมาเร็วกว่านี้ เรื่องนั้นก็คงไม่เกิด” รุ่งโรจน์มีสีหน้าทุกข์ใจขึ้นมาทันที เรื่องในอดีตถ้าดึงกลับออกมาคิดมันก็เหมือนเหล็กแหลมทิ่มแทงใจ แต่ถ้าทำเป็นลืมไป ยึดติดกับปัจจุบันและอนาคต แล้วปล่อยให้อดีตเป็นบทเรียนสอนใจ ชีวิตก็จะดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคงกว่าเดิม
พ่อเลี้ยงรุ่งโรจน์ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ไม่เพียงแต่ดรัณเท่านั้นที่จมปลักกับความทุกข์ บางครั้งเขาก็หวนคิดให้เจ็บปวดใจเช่นกัน เพียงแต่ผู้ที่รับช่วงต่ออย่างดรัณอาจจะเจ็บปวดมากกว่า เมื่อต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปถึงสองคน โดยมารับรู้จากปากคนใกล้ตายถึงเรื่องทั้งหมด
เจ็บปวดแทบขาดใจ ดรัณเป็นคนเดียวที่รับรู้ถึงความรู้สึกนี้ได้ดีกว่าคนอื่น
“อย่าโทษตัวเองเลย คนผิดคือคนที่ทิ้งอิงฟ้าต่างหาก ตอนนี้ดรัณเปลี่ยนเป็นคนละคน พอย้อนกลับไปคิด แม่ก็เลยรู้สึกผิดที่คิดหมั่นไส้การกระทำของเขา”
“หมายถึงสถานะของดรัณเหรอครับ”
“ใช่ มันยากจะทำใจนะพ่อโรจน์ แต่คิดๆ แล้วเขาไม่ใช่คนผิดทั้งเรื่องอดีตและปัจจุบัน ถึงภาพนั้นจะฟ้องก็เถอะ”
“คุณแม่เชื่อว่าดรัณไม่ตั้งใจทำหรือครับ”
“พ่อเลี้ยงดรัณที่แม่เคยรู้จักไม่ใช่คนแบบนั้นนี่นา เฮ้อ...ถึงกาลเวลาจะเปลี่ยนคนจากคนหนึ่งเป็นอีกคนหนึ่ง แต่จิตใจก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย พ่อโรจน์คิดอย่างแม่มั้ย”
“ถึงจะคิดอย่างคุณแม่ แต่ผมต้องรักษาชื่อเสียงของยัยพลับครับ”
“แม่รู้ แกคงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เฮ้อ...” มารดาถอนใจหลายครั้งจนรุ่งโรจน์เป็นห่วง
“คุณแม่เคยสอนผมไว้ว่าอย่าถอนใจหลายๆ ครั้ง แต่วันนี้คุณแม่ถอนใจจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้วนะครับ”
นั่นเองที่ทำให้มารดายิ้มออก
“แกเอาคำแม่มาย้อนแม่รึ”
“ผมแค่ไม่อยากได้ยินเสียงคุณแม่ถอนหายใจน่ะครับ ฟังแล้วมันเหมือนคนอมทุกข์ยังไงไม่รู้ ถ้าถอนใจเรื่องพ่อเลี้ยงดรัณ คุณแม่ต้องปล่อยวางแล้วล่ะครับ ผมคิดว่าดรัณไม่เลวร้ายไปกว่าที่เราคิดหรอกครับ”
“ไม่ร้ายหรอก ตราบใดที่เขายังรู้สึกรักเป็น สักวันเขาจะลืมอดีตเพราะความรัก”
“เหมือนเราที่ควรจะทำใจลืมอดีต เพราะแม้จะคิดถึงมันตลอดก็ไม่ทำให้อิงฟ้าฟื้นขึ้นมาได้ จริงมั้ยครับคุณแม่”
“บอกแม่แล้วก็บอกตัวเองด้วยนะพ่อโรจน์ กรรมดีกรรมชั่วอยู่ที่คนทำ ทำอะไรก็รับไปอย่างนั้น แม่น่ะหวังสิ่งเดียวก่อนจะสิ้นลม หวังจะได้เห็นหลานสาวของแม่มีความสุขเสียที”
พ่อเลี้ยงรุ่งโรจน์เองก็หวังอย่างนั้น พลับพลึงคือหัวใจของโรจนะศุภเกียรติ ถ้าหัวใจเบิกบานทุกคนก็จะมีความสุขไปด้วย
“หายหน้าหายตาไปเลยนะตาดล หายไปไหนมา ไม่รู้หรือไงว่าหนูพลับถูกงาบไปแล้ว” คุณเดือนฉายฉวยแขนลูกชายที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านหลังจากหายหน้าไปนานหลายวัน
“ผมรู้ก่อนคุณแม่อีกครับ” นฤดลตอบหน้าตาย ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้หรูภายในห้องโถง
“หมายความว่าไง”
“ก็ผมอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยสิครับคุณแม่” บุตรชายตอบแบบรำคาญเต็มทีกับการเซ้าซี้ของมารดา
