7/2
“ผมไม่อยากให้เมียเป็นต้นเหตุทำให้คนแถวนี้ลำบากน่ะครับ ก็เลยต้องรีบ”
“ที่นี่เป็นบ้านยัยพลับ ใครจะลำบากกันเล่า ยัยพลับน่ะเป็นที่รักของทุกคน พ่อไม่รู้หรือ” คุณย่าแกล้งเย้า
“จะรักแค่ไหน ถ้าทำตัววุ่นวายก็ต้องมีเอือมระอาบ้างล่ะครับ” เขาว่าไปนั่น
พลับพลึงก็เลยตัดบทเอ่ยลาคุณย่าเสียเลย
“พลับขอตัวกลับก่อนนะคะคุณย่า เดี๋ยวจะทำให้คนแถวนี้เอือมระอา”
คุณย่าสะอิ้งได้แต่พยักหน้าตอบรับ หลานสาวจึงยกมือไหว้แล้วเดินนำสามีจากไป ดรัณลาคุณย่า ไม่วายโดนแขวะอีกหน
“อดีตน่ะมันเหมือนไฟนะพ่อ มันจะตามเผาใจให้รุ่มร้อน ละทิ้งมันซะบ้างชีวิตจะได้มีความสุข”
ดรัณอ้าปากจะทักท้วง คุณย่าไม่รอฟังเดินหนีตัดบทซะงั้น เขาอยากค้านเพราะไม่เข้าใจคุณย่า ทำไมอยากให้ลืมอดีต เรื่องเหล่านั้นก็เป็นเรื่องของลูกสาวคุณย่าทั้งนั้น ถ้าลืมอดีตก็หมายถึงลืมอิงฟ้า นี่หมายความว่าคุณย่าลืมลูกสาวไปแล้วหรือไร ชายหนุ่มปล่อยให้ความคับข้องใจค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น เขามีบางอย่างที่ต้องจัดการกับเมียเจ้าเสน่ห์จึงตัดใจเลิกคิดเรื่องอื่นแล้วสาวเท้าเร็วๆ ไล่ให้ทันภรรยาตัวน้อย
“ทีเห็นหน้าฉันงี้ ทำหน้าอย่างกับเห็นไส้เดือนกิ้งกือ ทีกับไอ้หน้าจืดนั่นสีหน้าระริกระรี้เชียวนะ” เขากระชากเรียวแขนรั้งร่างบางให้หยุดเดิน แรงรั้งทำให้หญิงสาวปลิวกลับมาปะทะทรวงอก
“ว้าย!!! นี่อารัณกลับมาบ้าอีกแล้วเหรอ ปล่อยแขนพลับนะ”
“ฉันจับเพราะมีสิทธิ์ แต่เธอไม่มีสิทธิ์ชายตาให้ผู้ชายคนอื่น จำใส่กะโหลกของเธอไว้ด้วยนะ เธอมีผัวแล้ว อย่าลืม!”
“พลับแค่มาหาคุณย่ามันผิดตรงไหน” เธอเถียง เรื่องอะไรจะปล่อยให้เขาว่ากล่าวอยู่ฝ่ายเดียว
“แน่ใจหรือว่าแค่มาหาคุณย่า”
“อย่าคิดว่าพลับจะเป็นเหมือนอารัณนะ คนเราจะสุขจะทุกข์ต่างกันแค่คิด แต่ไม่ใช่แค่รู้สึก อย่ามากล่าวหากันพล่อยๆ คนอย่างอารัณไม่มีทางมีความสุขหรอก”
“ทำไม คนอย่างฉันมันทำไม”
“ทุกที่ที่อารัณเดินมีแต่ความเศร้า เพราะอารัณพกมันไว้ติดตัวไง พกไว้จนกลายเป็นคนบ้าไปแล้วรู้ตัวไหม”
“ปากดีนักนะพลับพลึง”
ดรัณเขย่าร่างพลับพลึงจนหัวคลอน คำพูดของเธอแทงใจดำมากกว่าที่คิด ใครบอกว่าเขาพกความเศร้าติดตัวไปทุกที่ ไม่จริงหรอก ไอ้ความรู้สึกนั้นต่างหากที่มันยังเกาะหนึบไปทุกที่
เขาไม่มีวันลืมสาเหตุที่ทำให้อิงฟ้าและ...อีกคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตตายได้ง่ายๆ
ไม่มีวัน!!!
หญิงสาวอาศัยตอนสามีกำลังคิดไพล่ไปถึงคนในอดีต เตะเข้าไปกลางหน้าแข้งเต็มแรง เธอเจ็บแต่เขาก็เจ็บ เจ๊ากัน! ก่อนจะวิ่งหนีลอดช่องรั้วที่เปิดกว้างโดยไม่รู้ว่าเกิดจากฝีมือใคร
ดรัณเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันสะบัดขาไปมา ปล่อยให้ร่างบางวิ่งเร็วๆ หนีไปได้ โดยไม่คิดจะตามไปเพราะเธอไปไหนไม่พ้นอยู่แล้ว
ภายในสวนกล้วยไม้เล็กๆ ของคุณย่า เจ้าของสวนนั่งอยู่ใต้ซุ้มไม้ดวงตาฝ้าฟางเหม่อมองไปราวกับไม่มีจุดหมายปลายทาง คุณย่าสะอิ้งมีบุตรอยู่ 2 คน คนโตก็คือพ่อเลี้ยงรุ่งโรจน์ อีกคนก็คืออิงฟ้า หลังจากลูกชายแต่งงานไปมีครอบครัวและมีลูกเล็กๆ ก็คือพลับพลึง อิงฟ้าก็ขอไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ
คำขอของเธอไม่ถูกปฏิเสธ ทุกคนเห็นดีเห็นงามด้วย หลังจากนั้นอิงฟ้าก็บินไกลไปเรียนต่อเมืองผู้ดีในมหาวิทยาลัยชื่อดัง 3 ปี เธอก็เรียนจบแต่ยังขอทำงานต่อที่นั่น งานของอิงฟ้าก็คือการเปิดร้านอาหารกิจการเล็กๆ ในเมืองใหญ่เป็นไปได้สวย คุณย่าก็ไม่คิดจะตามกลับมาแม้ว่าจะคิดถึงปานขาดใจ หลายปีผ่านไปได้รับเพียงจดหมายปีละ 3 ครั้ง มีเพียงรุ่งโรจน์เท่านั้นที่ติดต่อน้องสาวตนเองทางอีเมล์ คนเป็นน้องมักจะส่งรูปถ่ายมาให้ดูเป็นระยะๆ เช่นเดียวกับคนเป็นพี่ที่อัพเดตการเจริญเติบโตของบุตรสาว
พลับพลึงเป็นเด็กน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู เป็นที่รักใคร่ของอาอิงฟ้าตั้งแต่นั้นมา กระทั่งหลานสาวอายุ 10 ขวบ อิงฟ้าก็ขาดการติดต่อกับพี่ชายไประยะหนึ่ง ตอนนั้นคุณย่าสะอิ้งเป็นห่วงและกังวลจนอยากรุดไปดูให้ถึงที่ แต่บุตรชายไม่อยากให้แม่เดินทางไกลเพราะวัยชรา จึงพยายามติดต่อน้องสาวจนได้รับอีเมล์ตอบกลับ มันเป็นข่าวที่ไม่คาดคิดมาก่อนเมื่ออิงฟ้าบอกว่ากำลังคบหากับหนุ่มอังกฤษคนหนึ่ง
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่ค่อยติดต่อกลับมา ความรักครั้งแรกในชีวิตทำให้เธอติดกับดักอย่างหลงใหล เธอรักผู้ชายคนนั้นจนลืมแม่ ลืมพี่ ลืมหลาน แต่ทุกคนไม่รู้นอกจากรุ่งโรจน์ เขาเป็นพี่ชายที่ช่วยปกป้องน้องสาวอย่างผิดวิธี ช่วยปิดบังเรื่องนี้ไม่ให้ใครรู้ ด้วยคิดตามประสาผู้ชายว่าไอ้หนุ่มอังกฤษคนนั้นอาจจะไม่จริงจังกับน้อง และถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูมารดาก็จะพาให้ท่านต้องทุกข์ใจไปด้วย
มันเป็นความผิดพลาดที่บุตรชายและบุตรสาวพยายามปกปิด เพราะสิ่งที่รุ่งโรจน์คาดเดาไว้แต่แรกเป็นจริงขึ้นมา อิงฟ้าปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนเกิดการตั้งครรภ์ มันอาจจะไม่เลวร้ายนักถ้าผู้ชายคนนั้นคิดจะรับผิดชอบลูกในท้องของเธอ ทว่ามันกลับบอกให้อิงฟ้าทำแท้ง
