7/1
“มองอะไรอยู่เรอะพ่อกรร” คุณย่าถามกรรชัย เมื่อเห็นชายหนุ่มยืนเหม่อมองหลานสาวอยู่นานแล้ว
“อ้อ...เอ่อ...ปละ...เปล่าครับคุณย่า”
“น่าเสียดาย ยัยพลับแต่งงานไปเสียแล้ว ไม่งั้น...”
“อะไรหรือครับคุณย่า” กรรชัยหูผึ่งขึ้นมาเชียว
“ย่าก็อาจจะยกยัยพลับให้พ่อไง”
“คุณย่า!!! เอ่อ...ผม...”
“ไม่ชอบยัยพลับเรอะพ่อ”
กรรชัยจ้องคุณย่าอย่างตกใจ ก่อนรีบหลุบตาซ่อนความรู้สึกที่อาจจะสื่อออกมาทางดวงตาให้คุณย่าท่านเห็น คำถามของคุณย่าช่างตอบยากเสียจริง
“ชอบ...ครับ” คราวนี้เป็นคุณย่าสะอิ้งบ้างที่อมยิ้ม แล้วจ้องคนก้มหน้าที่ออกอาการเขินอายอย่างเห็นได้ชัด
“นั่นแหละ ย่าถึงบอกว่าเสียดายไง พ่อกรรเสียใจมั้ย”
คุณย่าถามตรงเสียจนชายหนุ่มต้องถอนใจหนักอก ไม่มีอะไรปิดบังคุณย่าได้เลยสินะ คุณย่าสะอิ้งมองคนได้ทะลุปรุโปร่งราวกับเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจคนๆ นั้น
“ไม่ครับ”
“ทำไม”
“ผมเห็นน้องพลับมีความสุขก็ดีใจแล้วครับ”
คุณย่าส่ายหน้าน้อยๆ กำลังจะอ้าปากถามว่าเห็นความสุขจากตรงไหนก็พอดีกับที่หญิงสาวเดินมาหา คำถามจึงเลือนหายไปโดยอัตโนมัติ พลับพลึงเช็ดมือเปียกน้ำกับกางเกงของตนง่ายๆ ก็เลยถูกคุณย่าดุ
“ยัยพลับ! ย่าบอกกี่หนแล้วว่าอย่าเช็ดมือกับกางเกง เราเป็นผู้หญิงหัดทำตัวเป็นสุภาพสตรีบ้างสิ”
“คุณย่าขา...ก็มันง่ายดีนี่คะ ไม่ต้องหาผ้าให้วุ่นวาย คุณย่าจะกลับบ้านใหญ่หรือยังคะ” หลานสาวเฉไฉไปเรื่องอื่นเสียเลย
“พ่อกรรจะออกเดินทางแล้วสินะ ขับรถขับราก็ระวังๆ หน่อยล่ะ ไม่ต้องรีบร้อนหรอกนะ ย่ารอได้”
“ถ้างั้นผมลาเลยนะครับ” กรรชัยพนมมือไหว้คุณย่า ก่อนจะหันไปยิ้มให้สาวน้อยข้างกายคุณย่า พลับพลึงยิ้มตอบกลับไปหวานหยด ทำเอากรรชัยตาพร่าไปเลย
“ขับรถดีๆ นะคะพี่กรร” เธอยังอวยพรให้เขาเดินทางระมัดระวังอีกด้วย
เห็นทีกรรชัยคงต้องนึกเสียดายอย่างที่คุณย่าว่าเสียแล้ว
“คุณย่าไม่ชอบอารัณหรือคะ” เมื่อเดินเคียงกันห่างจากเรือนริมน้ำออกมาจวนจะถึงบ้านหลังใหญ่ หลานสาวก็ถามคุณย่าถึงเรื่องที่สงสัย
“ไม่ใช่ไม่ชอบ พ่อเลี้ยงดรัณที่จริงแล้วก็เป็นคนดีน่านับถือไม่น้อย เพียงแต่ตอนนี้เข้ามามีบทบาทกับครอบครัวของเราในอีกสถานะหนึ่ง จะให้ย่ายอมรับแบบกะทันหันได้ไงเล่า”
“คุณย่าอย่าโกรธอารัณเลยนะคะ ที่เป็นแบบนี้เพราะพลับเอง พลับไม่ดีเองแล้วยังดึงอารัณเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ก็เลย...”
“เรื่องราวมันเป็นยังไงมายังไงย่าไม่สนหรอก ย่าเห็นข่าวนั่นแล้ว พอใจที่พ่อเลี้ยงคิดรับผิดชอบเรา แต่ที่ย่าปั้นปึ่งใส่พ่อเลี้ยงก็เพราะอยากลองใจพ่อเลี้ยงนิดหน่อย ย่าไม่ได้รังเกียจเขาถึงแม้ว่าเขาจะเคยเป็นลูกเขยแล้วเปลี่ยนมาเป็นหลานเขย แต่การเปลี่ยนไปของเขาทำให้ย่ารับไม่ได้จริงๆ”
“ไหนคุณย่าว่าไม่รังเกียจไงคะ แล้วทำไมรับไม่ได้”
“คนอายุ 35 แต่ยังทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกเร เรียกร้องความสนใจอย่างเงียบๆ อ้างความหลังที่ทำให้เป็นแบบนี้มันน่าตีใช่หยอกเสียเมื่อไหร่เล่า”
“แต่คุณย่าก็ยอมให้พลับแต่งงาน ถ้าคุณย่าไม่ชอบ ทำไมไม่คัดค้านล่ะคะ เรื่องข่าวพลับอธิบายได้นะคะ”
คุณย่าสะอิ้งส่ายหน้ายิ้มๆ
“อธิบายกับย่ามันจะเท่ากับอธิบายให้คนทั้งโลกฟังได้ยังไง ถึงจะแก้ข่าวใหม่ให้ดูดีกว่าเดิมก็เถอะ ที่ย่าไม่ห้ามเพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว อย่างน้อยผู้ใหญ่เกเรคนนั้นก็ยังมีความคิดอยู่บ้าง แล้วอีกอย่างนะลูก คนเราเมื่อคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันหรอก ต่อให้มีอะไรมาขวางกั้นสุดท้ายก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่ดี”
“พลับอาจไม่ใช่เนื้อคู่อารัณหรอกค่ะ ถ้าเป็นคู่กันก็ต้องรักกันสิคะ” หลานสาวแย้งอย่างที่คิดได้
“ตอนนี้ยังมองไม่ออกหรอก อยู่ๆ กันไปก็รักกันเอง บอกตามตรงนะ ย่าเสียดายที่พ่อเลี้ยงแสนดีกลายเป็นคนใจร้ายเย็นชาแบบนี้ เมื่อก่อนดรัณมาหาย่าก็มาพร้อมรอยยิ้ม แต่เดี๋ยวนี้สิ เฮ้อ...พลับเป็นเมีย เป็นคนที่ควรจะเปลี่ยนแปลงเขาได้มากที่สุด ถ้าทำได้ทุกคนก็ยินดี รวมทั้งย่าด้วย”
“สุดท้ายคุณย่าก็ยังรักอารัณเหมือนเดิม”
“คนดี ใครๆ ก็ต้องรัก ไม่แปลกนี่ลูก ถ้าอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ พลับต้องอดทนนะลูก คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ความดีเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้เสมอ เปลี่ยนจากคนเกลียดมาเป็นคนรักกันได้”
คุณย่าพร่ำสอนพลับพลึงตลอดทางที่เดินไปถึงบ้านใหญ่ แล้วพลันนึกถึงกรรชัยขึ้นมา เด็กหนุ่มอนาคตไกลคนนั้นน่าสงสาร คุณย่าเองก็อยากช่วยถ้าไม่เห็นว่าใครคู่ใครแล้วล่ะก็ คุณย่าจะไม่ลังเลเลย แต่หลังจากสอบถามความรู้สึกบ้างแล้ว คุณย่าก็เชื่อว่าคนดีๆ อย่างกรรชัยยอมรับทุกสิ่งอย่างได้แน่นอน
ร่างสูงตระหง่านที่เดินตรงเข้ามาหาดึงดูดความสนใจของผู้หญิงต่างวัยพร้อมกัน พลับพลึงก้มหน้าหลบตาคมที่จ้องมาแต่ไกล ส่วนคุณย่าได้แอบยิ้มบางๆ เมื่อเห็นท่าทีกระตือรือร้นของพ่อเลี้ยงจอมเย็นชา เขาคงไม่รู้ตัวว่าเผลอแสดงกิริยาใดออกมาให้คนแก่เห็น
“พ่อเลี้ยงมารับเมียตรงเวลาจริงนะ” เวลาบ่ายแก่ๆ ขนาดดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงมาก ตรงกับเวลาเลิกงานในไร่พอดี หญิงชราอมยิ้มแล้วลอบมองแก้มแดงๆ ของหลานสาว
