6/5
เรียวปากหนาขบเม้มแน่น แม่เลี้ยงเห็นความไม่พอใจคุกรุ่นในดวงตาคู่คมเต็มที่ ทว่าเมื่อไม่ได้ยินคำปฏิเสธก็เท่ากับการยอมรับ แม้จะเป็นการยอมรับที่ต้องฝืนใจก็ตาม ผู้ชายอย่างพ่อเลี้ยงดรัณพูดคำไหนเป็นคำนั้น แม้เวลาจะผ่านเลยไปนานแค่ไหนก็ตาม
นี่คือสิ่งที่แม่เลี้ยงเชื่อมั่นในตัวของเขา
ดรัณไม่ตอบจริงๆ เขารับฟังอย่างเงียบกริบแล้วเดินหนีไปจากตรงนั้น คำขอร้องของแม่เลี้ยงดังก้องอยู่ในหัวขณะที่ขายาวๆ ก้าวลิ่วไปยังเรือนริมน้ำ ที่นั่นเขาเคยมานอนเล่นบ่อยๆ ในตอนที่คบหาดูใจกับอิงฟ้า ทุกที่ในไร่รุ่งโรจน์ดรัณรู้จักเป็นอย่างดี
ร่างบอบบางที่ยืนอยู่เคียงข้างผู้ชายตัวสูงโปร่งสะดุดตาดรัณตั้งแต่แรกเห็น นั่นมันเมียสาวของเขากับ...ผู้ชายคนอื่นนี่นา ที่แท้เจ้าหล่อนก็มาหาผู้ชายที่ไม่ใช่ ‘ผัว’
ชายหนุ่มตั้งใจจะพุ่งตัวเข้าไปเอาเรื่องเต็มที่ ถ้าสายตาไม่เหลือบไปเห็นร่างท้วมของผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งที่มีผมสีดอกเลาทั้งหัว คุณแม่ของอิงฟ้าหรือคุณย่าของพลับพลึงนั่นเอง เขาชะงักเท้าลดความเร็วและข่มใจที่กำลังพลุ่งพล่านให้สงบมากพอจะเดินตัวตรงเข้าไปหาคุณย่าสะอิ้ง
“พ่อดรัณ” คุณย่าทักชายหนุ่มที่เปลี่ยนสถานะจากลูกเขยมาเป็นหลานเขยด้วยน้ำเสียงห่างเหิน พลับพลึงและกรรชัยหันมาทางคุณย่าทันทีที่ได้ยิน
“สวัสดีครับคุณ...ย่า”
สรรพนามที่ใช้เรียกทำให้คุณย่าเกือบจะมองค้อน
“มีอะไรรึ” แม้แต่คำถามก็ยังห่างเหินผิดแผกจากเมื่อก่อน
“ผมมาตามพลับพลึงครับ”
“ทำไมรึ ตามยัยพลับไปทำไม ต้องการให้ยัยพลับไปทำอะไร หรือมารับตามหน้าที่ของสามี” คุณย่าสะอิ้งรู้ว่าตนกำลังประชดประชันหลานเขยอย่างหมั่นไส้ การยอมรับสถานะภาพใหม่ของเขามันไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนใจคิดเอาเสียเลย กระทั่งคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวเป็นย่าคนจนผมเปลี่ยนสีมานานนัก ก็ยังทำใจให้ยอมรับเรื่องนี้เต็มที่ไม่ได้
ชายหนุ่มเข้าใจคำพูดประชดประชันนั้น ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเป็นเขยแล้วเขยเล่าของตระกูลนี้ ขนาดตัวเขาเองก็ยังไม่คิด
“คุณ...ย่าครับ” จากที่เคยเรียก ‘คุณแม่’ แล้วมาเปลี่ยนเป็น ‘คุณย่า’ ดรัณก็ยังพูดไม่เต็มปาก มีเพียงความเคารพนับถือเท่านั้นที่ยังไงก็ไม่เสื่อมคลายไปจากใจ บุญบารมีของคุณย่าสะอิ้งเป็นที่ประจักษ์และตราตรึงอยู่ในใจคนทั่วไป หญิงชราที่มีแต่คนนับหน้าถือตา ทำแต่บุญกุศล มีจิตใจเมตตาโอบอ้อมอารีจนไร้ศัตรูกล้ำกลาย แล้วมีรึพ่อเลี้ยงดรัณจะนึกอยากเป็นศัตรูกับคุณย่า
“ผม...”
“ถ้าจะมารับตัวยัยพลับกลับไปทำหน้าที่เมีย ก็ต้องรอให้ถึงเย็นก่อน ย่าขอตัวยัยพลับจากพ่อมาช่วยพ่อกรรจนถึงเย็นจะได้ไหม ให้ย่าขออนุญาตหรือเปล่า”
อีกครั้งที่คุณย่ายังประชดประชันดรัณไม่เลิก ไม่ใช่เพราะเกลียดหรือรังเกียจ แต่คุณย่ายังทำใจยอมรับสถานะของเขาได้ไม่เต็มร้อย
พ่อเลี้ยงดรัณเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เป็นชายหนุ่มรูปงามจิตใจดีที่ใครเห็นก็อยากได้เป็นเขย ใครมีลูกสาวก็อยากส่งมาทำความรู้จักคุ้นเคยกันเผื่อจะตกลงปลงใจกันได้ เรียกว่าเป็นพ่อเลี้ยงหนุ่มเจ้าเสน่ห์ คุณย่าสะอิ้งรู้ถึงกิตติศัพท์เจ้าของไร่ดรัณไร่ข้างๆ มานานหลายปี คุณย่าเองก็ชื่นชอบพ่อเลี้ยงหนุ่มเหมือนคนอื่นๆ อยากได้เป็นเขยไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ ทว่าทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนครองคู่ ถ้าไม่ชอบไม่พอใจจะไปบีบบังคับกันง่ายๆ ก็กระไรอยู่
ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่
“คุณย่าให้พลับทำอะไรหรือครับ” ดรัณถามออกไปอย่างอยากรู้
พลับพลึงยืนฟังการสนทนาอยู่ห่างๆ เพิ่งจะได้สบตาคมของสามีก็ตอนนี้ อารัณปรายตามามองเธอแล้วมองเลยไปถึงกรรชัยที่ยืนเยื้องไปด้านหลัง เธอสังเกตเห็นประกายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะวูบหายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตาคมดุค่อนข้างกร้าวมองเธอเหมือนตำหนิ
แค่มาหาคุณย่า เธอทำอะไรผิดหรือ?
“ย่าให้ยัยพลับช่วยพ่อกรรซ่อมเรือน” คำตอบของคุณย่าเล่นเอาคิ้วเข้มของดรัณขมวดมุ่น
“ทำไมไม่เรียกช่างล่ะครับ”
“อะไรที่พอจะทำได้ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ควรจะทำเอง ถ้าทำไม่เป็นลองผิดลองถูกก็คือประสบการณ์ แค่ดูว่าตรงไหนผุพังหรือมีปลวกขึ้นบ้าง คงไม่ต้องถึงขั้นตามช่างหรอกกระมัง”
“งานนี้เป็นงานผู้ชายนะครับ”
พลับพลึงหน้าระเรื่อ เธอดีใจกับประโยคที่ฟังดูคล้ายเป็นห่วงของเขา
“ยัยพลับเรียนจบมัณฑนากร พ่อกรรจบสถาปนิก ย่าไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิดถ้าจะให้ทั้งคู่ช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆ นี้ หรือพ่อเลี้ยงไม่อยากให้เมียเหนื่อย”
พ่อเลี้ยงดรัณมีสีหน้าปั้นยากขึ้นมาทันที เขาชายตามองมาทางภรรยาตัวน้อยอีกครั้ง ทว่าดวงตาคู่นั้นคล้ายจะไม่สนใจเธอมากไปกว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ผมจะมารับพลับพลึงอีกทีตอนเย็นแล้วกันนะครับ”
“ถ้ามารับแล้วสบายใจกว่าจะให้ยัยพลับกลับเอง ก็ตามใจพ่อเลี้ยงเถอะ”
ดรัณผงกศีรษะขอตัวกับคุณย่าแล้วเดินไปหาภรรยา พลับพลึงต้องเงยหน้าขึ้นเมื่ออารัณเข้ามายืนจนเกือบชิด สบตากับดวงตาคมกริบดุดันที่มองมาเหมือนจะจับผิดก็พลันน้อยใจ หน้าสวยเลยงอง้ำก่อนทำท่าจะหมุนตัวหนี ถ้าดรัณไม่ดึงแขนไว้ก่อนจะรั้งแรงๆ ให้เธอเอนตัวเข้ามาหา
“อย่าหว่านเสน่ห์ให้ผู้ชายมั่วซั่ว เธอมีผัวแล้ว อย่าลืม”
พลับพลึงตัวสั่นพูดไม่ออกอยู่เป็นนาน กว่าจะรู้สึกตัวสามีก็เดินจากไปไกลแล้ว กรรชัยแอบเห็นหน้าซีดๆ ก็พลันสงสัย ระหว่างพ่อเลี้ยงดรัณกับหญิงสาวผู้เป็นภรรยาจะต้องมีอะไรไม่เข้าใจกันอยู่แน่
“น้องพลับเป็นอะไรหรือเปล่าครับ พี่เห็นหน้าซีดๆ”
“ไม่ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ เอ่อ...เรารีบทำงานต่อเถอะค่ะ”
กรรชัยเลิกเซ้าซี้หันไปจัดการตอกตะปูยึดไม้ฝาให้แน่นขึ้น ไม่ว่าระหว่างสองคนนี้จะเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับคนนอกอย่างเขา ถึงจะสนใจความเป็นไปของสาวน้อยข้างกายมากมายถึงขนาดออกปากอาสาขับรถพาคุณย่ามางานแต่งงานของเธอ
เหตุใดถึงต้องลงทุนทำเช่นนี้ มีเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้
