บท
ตั้งค่า

5/2

สองสาวเพื่อนซี้หัวเราะพร้อมกัน ก่อนที่พลับพลึงจะโผเข้ากอดกฤติยาแล้วขอบคุณเพื่อนที่ให้กำลังใจ ให้คำปรึกษามาตลอด ทุกครั้งที่มีเรื่องเดือดร้อนใจ กฤติยาจะเป็นเพื่อนที่ชี้ทางออกให้เธอเสมอ

“ยิ้มนะเจ้าสาว สวมชุดสวยขนาดนี้ แต่งหน้าทำผมสวยขนาดนี้ ถ้าได้รอยยิ้มหวานๆ ฉันว่าเจ้าบ่าวของเธอต้องมองตาค้าง หนำซ้ำเขาอาจจะบอกรักเธอในห้องหอคืนนี้ก็ได้”

“ฉันไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอก แต่...ฉันจะยิ้ม ยิ้มให้โลกตะลึงไปเลยดีมั้ย ฮิ ฮิ”

“เอาเลยเพื่อน ยิ้มให้ผู้ชายทั้งงานตะลึงไปเลย ให้มันรู้ไปว่านางฟ้าจะไม่มีใครสนใจ สู้ๆ”

“สู้ๆ” พลับพลึงยกมือกำหมดทำท่าสู้ตายแบบที่ทำเป็นประจำ กฤติยาทำให้เธอคลายความเศร้าใจไปได้มากทีเดียว จากที่ท้อแท้แทบถอดใจหนีไปจากงานกลายเป็นมีกำลังใจต่อสู้กับเรื่องร้ายๆ ในอนาคต

แต่งงานแล้วไม่รู้หรอกว่าจะเจออะไรบ้าง ดีร้ายยังไงก็ไม่รู้ ทนไหวไม่ไหวก็ยังไม่แน่ใจ ที่รู้ก็คือท้อได้แต่อย่าถอย แต่งงานแล้วเธอมีสิทธิ์ในตัวเขาเหนือผู้หญิงคนอื่น มีสิทธิ์ห้าม มีสิทธิ์หวง มีสิทธิ์หึง มีสิทธิ์เอาแต่ใจ (มั้ง) แต่ไอ้ที่ว่ามานี่จะทำได้หรือเปล่า เขาจะยอมให้ทำหรือเปล่า

‘อาอิงคะ พลับขอโทษนะคะ พลับไม่คิดจะแย่งอารัณมา แต่ถึงจะอยากแย่ง อารัณก็ไม่เคยรักใครนอกจากอาอิง ความผิดพลาดนี้เกิดจากพลับ ยกโทษให้พลับด้วยนะคะ’

ภายในห้องแต่งตัวของเจ้าบ่าว ร่างสูงในชุดสูทสีขาวกำลังยืนมองรูปถ่ายของอิงฟ้า ผู้หญิงคนเดียวในหัวใจ

‘รัณคะ สัญญากับอิงได้ไหมคะ ว่าถ้าอิงรับรักรัณแล้ว อิงจะเป็นผู้หญิงคนเดียวของรัณตลอดไป’

‘ผมสัญญา ผมจะรักอิงคนเดียว จะไม่มีใครนอกจากอิง ถ้าอิงไม่เชื่อ ผมจะเปลี่ยนชื่อไร่ดรัณมาเป็นไร่อิงฟ้า เพื่อยืนยันกับอิงไปตลอดชีวิต ผมจะรักอิงเพียงคนเดียว'

ร่างสูงกอดร่างบางระหงไว้เต็มอ้อมแขนเป็นครั้งแรก ดรัณไม่เคยลวนลามอิงฟ้าเลยสักครั้ง เขาให้เกียรติเธออย่างที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ แม้แต่จะหอมแก้มก็ยังไม่กล้า มากสุดก็แค่จับมือควงแขน และครั้งนี้ก็มากที่สุด การกอดกันเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอิงฟ้า โดยไม่มีอะไรนอกเหนือไปกว่านั้น

จนกระทั่ง...เขาแต่งงานกับเธอ วันนั้นในห้องหออิงฟ้าถึงเป็นของดรัณอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน ความอ่อนหวานเย้ายวน เสียงหวีดร้องครางครวญดังตลอดทั้งคืน มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยลืม เขาจำได้ดีว่าอิงฟ้าร้องยังไง ครางยังไง แล้วทำอะไรได้บ้าง และที่ไม่เคยลืมเลยก็คือ...เขาไม่ใช่ผู้ชายคนแรกของเธอ

เพราะความรักล้นอก ดรัณจึงมองข้ามเรื่องนี้ไปได้ง่ายๆ เขาไม่สนใจว่าเธอจะผ่านร้อนหนาวมาแค่ไหน ไม่สนใจว่าเขาจะทับที่ใครบ้าง แค่เธอมีเขาในทุกวัน ไม่มีใครอื่นหลังจากแต่งงานกันเท่านั้นพอ

แล้วภาพของพลับพลึงก็เข้ามาแทนที่ ความเป็นสาวที่เขาพรากมาได้ คราบเลือดที่ติดตรงส่วนปลายของตัวตน เขาเห็นมันและจำติดตาตอนที่เข้าไปอาบน้ำ จำได้ว่าพยายามล้างมันออก มันก็หลุดออกไปจากกายแต่ไม่ยอมหลุดไปจากใจ แถมยังเป็นชนักปักหลังให้เขาพาตัวเองมายืนในงานนี้โดยมีฐานะเป็นเจ้าบ่าว

“ผมขอโทษอิงฟ้า ผมไม่อยากทำผิดสัญญาที่ให้ไว้กับคุณเลยสักนิด แต่ผม...ปัดความรับผิดชอบนั้นไม่ได้จริงๆ ผมขอโทษ”

เสียงกุกกักดังตรงประตู ดรัณวางรูปถ่ายของอิงฟ้าลงที่เดิม ก่อนจะเปลี่ยนใจยัดมันใส่ลิ้นชัก

“ได้เวลาแล้วนะลูก”

คุณดวงหทัยและมิสเตอร์โจเซฟ เดอร์แมแนช แม่และพ่อของเขาบินตรงมาจากอังกฤษเมื่อ 2 วันก่อน ทันทีที่เขาโทรไปแจ้งข่าวสำคัญพวกท่านก็ไม่เสียเวลาจับเครื่องบินเที่ยวแรกสุดบินมาร่วมแสดงความยินดี พ่อของเขาเป็นเศรษฐีอังกฤษมีกิจการใหญ่โตอยู่ที่นั่น ส่วนแม่ของเขาก็เป็นแม่เลี้ยงทางเหนือชื่อดัง เรียกว่าเศรษฐีเมืองไทยมาเจอกับเศรษฐีเมืองผู้ดีอังกฤษเงินทองก็เลยล้นหลาม

แต่ดรัณไม่เปลี่ยนไปใช้นามสกุลพ่อ เพราะไม่ต้องการไปแย่งสมบัติกับลูกๆ เมียคนที่สองของพ่อ เขาพอใจกับความเป็นอยู่ของตนแบบนี้เหมือนกับแม่ที่ยอมรับสถานะเมียหลวงของตนเองได้ ที่สำคัญสองเมียเข้ากันได้ดี ไม่มีปัญหาอย่างในหนังในละคร

นี่คือสาเหตุที่ดรัณมีหน้าคมเข้มอย่างฝรั่งมังค่า

“แดนนี่ นี่คือการตัดสินใจของลูก อย่าหวนกลับไปคิดถึงอดีตแล้วทำให้เมียของลูกเจ็บช้ำใจ ถือว่าแม่ขอร้องนะลูก”

คุณดวงหทัยมองลูกชายอย่างทะลุปรุโปร่ง รู้ดีว่าลูกจมอยู่กับความทุกข์และปิดกั้นตัวเองมานานแสนนาน รู้ว่าดรัณแต่งงานเพราะความต้องการรับผิดชอบหาใช่ความรัก แต่รู้ดีกว่านั้นก็คือ...ลูกสะใภ้ของเธอคนนี้จะมีอิทธิพลต่อลูกชายมากกว่าคนก่อน

ทำไมน่ะหรือ

เพราะเขาไม่เคยตัดสินใจอะไรปุบปับรวดเร็วเท่านี้มาก่อน หากลงมือทำอะไรแล้วดรัณจะคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนเสมอ นอกเสียจาก...จะใช้หัวใจคิด

“รับปากแม่แดนนี่ แม่จะไม่ยอมให้ลูกทำร้ายหนูพลับ” เพราะลูกชายยังคงเงียบ คนเป็นแม่ก็เลยใช้ไม้ตาย

“แม่พูดอย่างกับผมไปคิดแค้นอะไรเค้างั้นแหละครับ” ดรัณกล่าวยิ้มๆ

“แม่ก็ไม่รู้หรอกเรื่องนี้ เราคิดอะไรยังไงก็รู้อยู่แก่ใจ หนูอิงอาจจะทำให้ลูกเจ็บเจียนตายมาแล้ว แต่เธอก็จากพวกเราไปแล้ว แล้วคนอื่นก็ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย อย่าลากพวกเขาเข้ามาเกี่ยว”

“คุณแม่เข้าใจผมผิดแล้วนะครับ ผมไม่เคยคิดแค้นใครเลยสักคนต่างหาก”

“เอาเถอะๆ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะเถียงกัน ได้เวลาไปรับเจ้าสาวแล้ว อย่าให้ใครเข้าใจผิดคิดว่าลูกไม่อยากแต่งงาน เพราะงานนี้ลูกตัดสินใจเอง”

ว่าแล้วคุณดวงหทัยก็เดินนำออกไปก่อน ดรัณถอนใจหนักๆ ก่อนจะเดินตามออกไป

“ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูทำเอาพลับพลึงสะดุ้งเฮือก มารดาของเธอที่เพิ่งเข้ามาสำรวจความเรียบร้อยเป็นคนเปิดประตู เจ้าบ่าวหล่อเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้ายืนหน้านิ่งอยู่ตรงนั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel