5/1
“เรา...ไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่...ได้เป็น”
ดรัณกัดฟันแน่น เขาเขย่าท่อนแขนเรียวเล็กแรงๆ
“งั้นกลับไปเอากระจกส่องดูให้ทั่วตัวนะ แล้วมายืนยัน นั่งยืน นอนยันกับฉันใหม่ ว่าเรา...ไม่ได้เป็นอะไรกัน หรืออยากให้รู้แน่ชัดกว่านั้นไปที่บ้านฉันจะดีกว่า ห้องฉัน บนเตียงฉัน แล้วเราจะได้ระลึกถึงความหลังด้วยกันไง”
น้ำตาของเธอไหลพราก เธอสับสนและจงเกลียดจงชังตัวเองอย่างรุนแรง ร่างสั่นเทิ้มเมื่อคิดถึงตอนที่เธอขึ้นไปอยู่บนเตียงกับเขา ทอดตัวทอดใจให้เขาอย่างผู้หญิงใจง่าย ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้คนที่มีใจสวามิภักดิ์โดยที่เขาไม่แยแส นอกไปจากต้องการปลดปล่อย
เธอทำแบบนั้นมาครั้งนึงแล้วในรถ แล้วก็ถูกมือดีจับภาพเอาไว้ได้ ถ้าจะมีซ้ำสองอีก เธอคงไม่เหลือศักดิ์ศรีของตัวเองแล้ว
ดรัณเห็นเธอเงียบน้ำตานองหน้าก็ถอนฉุน เขาอยากผลักเธอออกห่างแล้วปฏิเสธให้รู้แล้วรู้รอดพอๆ กับอยากกระชากเข้าหาตัวแล้วทำทุกอย่างให้สาแก่ใจ
“เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของฉัน แต่อย่าหวังว่าจะได้อะไรไปมากกว่านั้น ฉันทำลงไปเพราะเห็นแก่พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยง และ...อิงฟ้า...คงไม่พอใจ ถ้าฉันจะปฏิเสธความรับผิดชอบ”
พลับพลึงแทบทรุดเมื่อเขาปล่อยมือจากต้นแขน ดรัณเดินจากไปโดยทิ้งความเจ็บช้ำทางใจไว้ให้เช่นเคย แต่ครั้งนี้มันหนักหนาสาหัสนัก เขาจะรู้ไหมหนอ คำพูดของเขามันเป็นหอกทิ่มใจเธอจนทะลุ บาดแผลนั้นกำลังกลัดหนองอย่างแสนสาหัส
‘และ...อิงฟ้า...คงไม่พอใจ ถ้าฉันจะปฏิเสธความรับผิดชอบ’
“นี่หล่อนจะแต่งงานทั้งทีทำไมบอกฉันช้าขนาดนี้ล่ะย่ะ ดูซิดู ฉันยังไม่ทันเข้าคอร์สเป็นเพื่อนเจ้าสาวเลย หน้าตาผิวพรรณก็ไม่ผุดผ่อง ถ้าหล่อนบอกเร็วกว่านี้สักเดือน ฉันก็คงจะสวยสะดุดตาที่สุดในงาน อ้อ...ไม่ใช่สิ วันนี้ฉันยกให้เจ้าสาวอย่างหล่อนวันนึงแล้วกัน ยอมสวยน้อยกว่าก็ได้เพื่อเป็นเกียรติของเจ้าสาวอย่างหล่อน ชิส์”
เสียงบ่นกระปอดกระแปดสูงๆ ต่ำๆ ของกฤติยา หาได้เข้าหูเจ้าสาวในชุดสีขาวฟูฟ่องไม่ และพอไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมาจากเพื่อนซี้ที่กลายเป็นเจ้าสาวงดงามราวเจ้าหญิง กฤติยาจึงอ้อมมาตรงหน้ามองหน้าเนียนที่แต่งจนสวยทว่าไร้ความสุขอย่างไม่อาจปกปิดได้มิด
“ว้าย!!! วันงานมงคลทำไมเจ้าสาวถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ ทำหน้าอย่างกับถูกจับคลุมถุงชนงั้นแหละ หรือว่าจะจริงห๊า”
“ไม่ต่างกันหรอกกิ๊ก วันนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด ถ้าฉันไม่ทำตัวงี่เง่า”
“อะไรกัน เป็นอะไรไปน่ะฮึยัยพลับ ฉันว่าจะถามอยู่เชียว ทำไมเธอถึงแต่งงานปุบปับ หรือว่าเธอ...ท้อง” ดวงตาของกฤติยาหลุบลงมองหน้าท้องแฟบๆ ของพลับพลึงทันควัน
“บ้าสิกิ๊ก พูดอะไรแบบนั้น” พลับพลึงหน้าแดงแช้ด
“ว่าได้เหรอ อยู่ดีๆ ผู้หญิงดีๆ อย่างเธอจะโทรหาฉันกลางดึก แล้วถามเรื่องยั่วผู้ชาย แล้วอยู่ดีๆ เธอก็แต่งงานปุบปับ หรือจะบอกว่าแผนการของฉันมันได้ผลจนเจ้าบ่าวของเธอขอแต่งงานแบบกะทันหันสายฟ้าแล่บขนาดนี้”
“กิ๊ก!!! อย่าพูดเสียงดังสิ เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหรอก” พลับพลึงทะลึ่งตัวขึ้นพรวด ปรามเพื่อนรักเสียงสั่น “เธอคงไม่ได้เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์สินะ แต่ดีแล้วล่ะที่ไม่เห็น ไม่ต้องกลับไปค้นหามาดูด้วยเพราะมันเป็นเรื่องงี่เง่าที่สุดที่ฉันเคยทำเลย”
“แม้แต่ฉันก็ไม่อยากให้รู้งั้นเหรอ”
พลับพลึงส่ายหน้า แล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองงานเลี้ยงแต่งงานของตัวเองที่จัดขึ้นในไร่รุ่งโรจน์ มีแขกมาร่วมงานกันอุ่นหนาฝาคั่งตามฐานะของบิดามารดา คนมีชื่อเสียงโด่งดังของจังหวัดย่อมเป็นที่รู้จักของคนมากมาย มันเป็นความต้องการของคุณพ่อ ที่เชิญแขกเหรื่อมาร่วมงานมากมายขนาดนี้ คุณพ่อต้องการโดยไม่ถามความสมัครใจของเธอสักนิด ส่วนว่าที่สามีของเธอ เขาก็เอาแต่เงียบเฉย ไม่ทุกข์ร้อนและยังพร้อมจะทำตามคำสั่งทุกอย่าง
‘คำสั่ง’ ใช้คำนี้ก็คงไม่ผิด เขาเป็นเหมือนหุ่นยนต์ที่คอยทำตามคำสั่งของคุณพ่อ ส่วนเธอก็เป็นดอกไม้ช่อโตที่ไว้ประดับงานให้ครบองค์ประกอบเท่านั้น
“ยัยพลับ ถ้าแต่งงานแล้วไม่มีความสุข เธอก็ไม่น่าแต่งนะ” กฤติยาพูดเพราะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไร
“ฉันแต่งงานเพราะรัก แต่เขาแต่งเพราะต้องการรับผิดชอบ แบบนี้ฉันควรจะทำยังไงดีล่ะกิ๊ก ฉันพยายามปฏิเสธใจตัวเองแล้วนะ พยายามไม่ยินดีกับงานวันนี้ แต่ลึกๆ แล้ว ฉันกลับดีใจที่ได้เขามาครอบครอง ฉันเป็นผู้หญิงไม่ดีเลยใช่ไหมกิ๊ก”
“ผู้หญิงที่มีรัก ไม่มีใครที่ไหนจะเป็นคนเลวไปได้หรอก ถึงแม้ความรักที่เกิดขึ้นจะเป็นรักข้างเดียว หรือพยายามแย่งชิงมาให้ได้ ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่คนเลว แค่อยากครอบครอง อยากให้เขารักตอบ บางคนก็ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเขาจะรักตอบหรือเปล่าน่ะ เธอมีภาษีดีกว่าก็ตรงที่เขาแต่งงานกับเธอ อย่าคิดว่าตัวเองดีหรือเลวในตอนนี้ จงคิดว่าอนาคตจะทำอย่างไรให้ชีวิตครอบครัวยืดยาว เคยได้ยินมั้ย อยู่ๆ กันไปก็รักกันเอง อยู่ด้วยกัน ดูแลกัน ใส่ใจซึ่งกันและกัน ความผูกพันก็เปลี่ยนเป็นความรัก ความห่วงหา แล้วกลายเป็นโหยหาในยามที่ห่างกัน ฉันเชื่อว่าเธอจะทำให้เขารักได้ ก็เพื่อนรักของฉันคนนี้น่ารักจะตายไป"
“น่ารักแล้วตายไม่เอาได้ไหม”
