4/1
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในตอนเช้าปลุกให้คนที่นอนหลับอยู่ตื่นขึ้นมางัวเงียรับสาย
“ฮัลโหล” ดรัณกรอกเสียงลงไปโดยไม่ทันมองว่าเป็นเบอร์ของใคร แต่ถึงจะมองเขาก็ไม่รู้จักเบอร์โทรนี้
“พ่อเลี้ยงดรัณหรือครับ”
“ใคร” เพราะเสียงไม่คุ้น ชายหนุ่มจึงต้องถามออกไปก่อนหยัดตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียงแล้วคลึงดั้งจมูก
เมื่อคืนนี้กว่าจะเข้านอนแล้วพยายามหลับลงให้ได้ก็ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง ฤทธิ์ของวิสกี้ออนเดอะร็อคที่ลงมือชงเองนั้นทำให้เขาไม่อาจข่มตาหลับได้ เพราะความเมาทำให้เฝ้าคิดถึงแต่อดีต คิดถึงคนรักที่จากลา คิดถึงผู้หญิงที่เสียพรหมจารีย์ให้ตนอย่างไม่ตั้งใจ และคิดถึง...
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอกพ่อเลี้ยง ผมแค่จะบอกว่า...ฉากเลิฟซีนของคุณนี่มัน...ดุเดือดชะมัด เล่นซะคุณหนูพลับพลึงคนสวยร้องลั่นเลยเชียว หึ หึ”
“แกต้องการอะไร” ดรัณกำหูโทรศัพท์แน่น เรื่องที่ทำให้นอนไม่หลับกลายมาเป็นฝันร้ายในตอนเช้าหรือไร
“ฮ่ะ ฮ่ะ พ่อเลี้ยงชื่อดังจอมโหดไม่น่าโง่เลยนี่นา”
“แก...เลือกเอาระหว่างเงินกับความตาย” ดรัณข่มขู่ ลำพังตัวเขาเองไม่กลัวหรอกเพราะเป็นผู้ชาย แต่ถ้ามันรู้ถึงขั้นว่าผู้หญิงคือใครแสดงว่าภาพนั้นค่อนข้างจะชัดเจน กล้องที่มันถ่ายไว้มีประสิทธิภาพน่าดูเหมือนกัน
“ผมไม่โง่เลือกตายหรอกพ่อเลี้ยง อย่าข่มขู่ให้ยาก ถ้าผมกลัวคุณ ผมคงไม่ทำแบบนี้”
“แล้วแกต้องการอะไร”
“เงิน 10 ล้านก็พอพ่อเลี้ยง ผมขอแค่นั้น แค่เศษเงินของคุณเท่านั้น”
“มากไป แกคิดว่ารูปบ้าๆ ที่ถ่ายไว้แบล็คเมล์ฉันจะมีค่ามากขนาดนั้นเชียวหรือ”
“มีหรือไม่ ผมก็เชื่อว่าทำให้คุณเต้นได้ อย่าลืมสิว่าคุณฟันใครในรถ นั่นน่ะ ลูกสาวของพ่อเลี้ยงรุ่งโรจน์เชียวนะ แล้วคุณก็ยังเคยเป็นอาเขยของเธอ พ่อเลี้ยงรุ่งโรจน์ไม่ปล่อยให้คุณเป็นพระยาเทครัวเอาทั้งน้องเอาทั้งลูกหรอกนะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”
“แกไม่ได้ตายดีแน่”
“ช่างประไร ก่อนตายผมขอรวยก่อนก็พอ ถ้าพรุ่งนี้เที่ยง ผมไม่ได้เงิน 10 ล้าน ที่โรงงานร้างล่ะก็...”
“คิดผิดคิดใหม่ได้นะ แกไม่มีทางได้เงินจากฉันแน่!”
ดรัณวางสาย เขากัดริมฝีปากตัวเองจนซีดขาว เขาไม่กลัวเลยเรื่องที่มันขู่ ไม่สนใจด้วยว่าพ่อเลี้ยงรุ่งโรจน์จะว่ายังไง เขาจะบอกว่าไม่ใช่ แค่คนหน้าเหมือนก็จบ ยัยเด็กนั่นก็คงไม่กล้าฟ้องพ่อหรอก เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของตัวเธอเอง ถ้าไม่ใช่เขาก็คงเป็นไอ้นฤดล ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน
ถ้าจะต้องเสียชื่อเล็กๆ น้อยๆ จะเป็นไรไป หึ...ผู้ชายจะเสียอะไรไปมากกว่านี้เล่า
ร่างสูงสะบัดผ้าห่มออกจากตัวเปลือยแล้วลุกขึ้นเดินผิวปากทำเป็นอารมณ์ดีทั้งที่ใจเต็มไปด้วยความกังวล แล้วเสียงน้ำจากฝักบัวในห้องน้ำก็ดังซู่ซ่า
พลับพลึงตื่นแต่เช้ามืดเพราะนอนไม่หลับ เธอลุกขึ้นมาทำงานในไร่ตั้งแต่ยังไม่มีคนงาน กระทั่งสายจวนเที่ยงหญิงสาวก็ยังไม่รามือ ถ้าไม่มีใครบางคนเข้ามาทักทายหน้าระรื่น
“สวัสดีครับน้องพลับ”
เธอหันไปเห็นร่างสูงเพรียวของธเนศ ลูกชายของเพื่อนแม่ยืนยิ้มอยู่ไม่ห่าง
“พี่ธเนศนั่นเอง กลับมาจากอเมริกาเมื่อไหร่คะ”
เมื่อหลายปีก่อน ธเนศกับเธอสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง เขาเป็นคนน่าคบ นิสัยดี มีความเป็นสุภาพบุรุษ เธอรู้ว่าเขาไปเรียนต่อปริญญาโทแล้วทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์อยู่ที่อเมริกา ฐานะดีมากๆ และน่าจะมีผู้หญิงติดกันเกรียวจากหน้าตาคมคายที่เห็นก็เป็นที่ดึงดูดความสนใจได้ไม่น้อย
“กลับมาหลายวันแล้วจ้ะ วันนี้พี่ผ่านมาทางนี้ก็เลยแวะมาหาน้องพลับ ได้ยินว่าเรียนจบแล้ว”
“ค่ะ จบแต่ยังไม่ได้รับปริญญาค่ะ”
“รับเมื่อไหร่บอกพี่บ้างนะครับ พี่จะไปแสดงความยินดีด้วย”
พลับพลึงถอดถุงมือออกแล้วล้างมือจากก๊อกน้ำใกล้ๆ ก่อนจะป้ายมือเปียกเช็ดกับกางเกงของตนง่ายๆ ธเนศยิ้มเขาไม่ว่าอะไรเพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ เขาเองก็ทำแบบนี้เหมือนกัน
“แล้วพลับจะบอกนะคะ ว่าแต่พี่ธเนศไปไหนมาหรือคะ”
“พี่ไปดูที่ดินเปล่าที่ติดป้ายขายมาจ้ะ พี่ว่าจะหาซื้อเก็บไว้ทำอะไรๆ ตอนแก่ แบบว่าอาจจะผันตัวมาเป็นชาวไร่บ้างก็ได้”
ธเนศเป็นนักโปรแกรมเมอร์มือทองค่าตัวสูงคนหนึ่ง เขาทำงานหาเงินอื้อซ่าด้วยมันสมองและเรี่ยวแรงของตน ไม่นานจากผู้ชายที่มาจากครอบครัวฐานะปานกลางก็กลายเป็นเศรษฐีไปได้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี หญิงสาวยิ้มขำๆ ลองวาดภาพเขาเป็นชาวไร่แล้วหัวเราะ “ฮิ ฮิ”
“น้องพลับหัวเราะอะไรพี่จ๊ะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง นัยน์ตาพราวระยับ
“พลับนึกภาพพี่ธเนศเป็นชาวไร่ไม่ออกค่ะ พี่ธเนศเหมาะจะเป็นโปรแกรมเมอร์มากกว่า”
“พี่แค่พูดเผื่อไว้ ตอนนี้พอจะมีเงินอยู่บ้างก็ซื้อที่ดินเก็บไว้ เวลาไม่ได้ทำงานไม่มีเงิน จะได้ขายกินไงจ๊ะ”
“พี่ก็พูดเกินไปค่ะ อ้อ...นี่จะเที่ยงแล้ว เดี๋ยวเชิญพี่ธเนศทานข้าวเที่ยงด้วยกันเลยนะคะ”
พลับพลึงเอ่ยชวนไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น เธอรู้ธเนศเองก็บริสุทธิ์ใจ เขามีแฟนแล้ว สวยซะด้วย แล้วก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้ไก่แจ้ ฉะนั้นเธอก็ทำตัวสบายๆ ได้ไม่มีปัญหา
“ดีจ้ะ พี่กำลังหิวเลย ขอรบกวนหน่อยนะครับน้องพลับ”
นี่แหละธเนศ สุภาพอ่อนโยนเสมอ
ชายหนุ่มหญิงสาวเดินเคียงกันตรงไปยังบ้านหลังใหญ่ ทางเดินต้องเดินเลียบรั้วไม้ที่กั้นเขตแดนของไร่รุ่งโรจน์กับไร่อิงฟ้า ที่ตรงนั้นหางตาของพลับพลึงก็เห็นใครบางคนยืนสั่งงานอยู่ เธอไม่กล้ามองตรงๆ เลยไม่เห็นว่าเขากำลังมองมาหรือไม่ แต่กระนั้นเธอก็ทำเป็นควงแขนธเนศอย่างสนิทสนม แถมยังเชิดหน้าหยิ่งผยองแล้วยิ้มหวานให้ชายหนุ่มข้างกาย
