3/3
ดรัณขยี้จูบดูดกลืนเสียงเรียกหาของเธอ เรียวปากอิ่มที่เขาได้แต่คิดมาตลอดว่าสวยดุจคันศร แต่ไม่คิดจะลิ้มรสเพราะเธอไม่ใช่ ต่อให้น่ารักน่าใคร่ขนาดไหน พลับพลึงก็ไม่ใช่อิงฟ้า!
แก่นกายกำลังถูกบีบรัดอย่างรุนแรง กล้ามเนื้อเล็กๆ ตอดตุบๆ เกร็งกระชับตลอดเวลา ใกล้แล้ว...อีกนิดเดียวที่เขาและพลับพลึงจะพากันไปเยือนดินแดนที่ไม่คาดคิดมาก่อน อีกนิด...
“แชะๆๆ” เสียงชัตเตอร์ถี่ๆ อาจไม่ทำให้คนสองคนรู้สึกตัว ถ้าแสงแฟลชจะไม่สว่างวาบมาจากนอกรถแล้วล่ะก็...
ดรัณเป็นคนแรกที่เห็น หากแต่หญิงสาวที่ยังมึนงงสติยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจากฤทธิ์ยาที่ยังคงออกฤทธิ์ เขายกร่างเธอขึ้นแล้วจับนั่งข้างๆ เหมือนตุ๊กตาตัวเบาหวิว ก่อนจะรีบร้อนรูดซิปกางเกงแล้วเปิดประตูลงจากรถโดยไม่ลืมหันไปคาดเข็มขัดนิรภัยรัดคนไม่มีสติให้อยู่กับที่
“เฮ้ย!!! หยุดนะ” เพราะโกรธเลยลืมคิดว่าไม่ควรลงจากรถมาเปิดเผยโฉมหน้าของตัวเอง ดรัณคิดจะวิ่งตามคนที่ริจะทำตัวเป็นปาปารัซซี่หาข่าวไปขาย ถ้าไม่ติดตรงที่ยังมีหญิงสาวนั่งอยู่ในรถ แต่ตอนนี้ปาปารัซซี่คนนี้ควบมอเตอร์ไซค์ขับหนีไปแล้ว ทะเบียนรถสองล้อเป็นสิ่งเดียวที่เขาจำได้
“บ้าเอ๊ย!!!” พ่อเลี้ยงชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่สบถเดือดดาล ไม่ต้องคาดเดาก็น่าจะรู้ว่าพรุ่งนี้คงมีภาพของเขาขึ้นหน้าหนึ่ง ไม่รู้ว่ากล้องบ้านั่นบันทึกภาพได้ชัดขนาดไหน เขาภาวนาขอให้ภาพนั้นมืดจนมองไม่เห็นว่าเขาอยู่กับใคร อย่างน้อยถ้าต้องเป็นข่าวฉาว เขาก็ขอรับผิดคนเดียว ผู้ชายอย่างเขาไม่มีอะไรต้องเสียนี่นา
ร่างสูงขึ้นรถแล้วจับหญิงสาวแต่งตัว เขาไม่แน่ใจว่าพลับพลึงจะคืนสติแล้วหรือไม่ เพราะตอนนี้คอเธอพับเหมือนคนหมดแรง แต่...ความเปียกชื้นที่หยดลงบนหลังมือบอกได้ว่าเธอกำลังร้องไห้
“ฉันจะไม่ขอโทษ เพราะฉันไม่ผิด”
เขาบอกเท่านั้นแล้วออกรถไปให้พ้นจากจุดนี้ ไม่คิดว่าการเลี้ยวเข้ามาซ่อนในซอยเปลี่ยวยังจะเป็นที่เตะตาของกระจอกข่าวจอมกระหาย คงเป็นเพราะไฟถนนที่สาดส่องเข้ามาจนเห็นแผ่นป้ายทะเบียนรถ แล้วคนที่จำได้ก็เลยติดตามเข้ามาลอบมอง มันคงมองอยู่นานจนเห็นความผิดสังเกตก็เลยถ่ายรูปไปคิดจะแบล็คเมล์ แต่คงเปลี่ยนใจคิดว่าเอาข่าวไปขายกับหนังสือพิมพ์น่าจะได้เยอะกว่า
มันมีทางเลือก แต่เขากำลังจนหนทาง
พลับพลึงตัวสั่นไม่หาย พอห่างหายจากไออุ่นของร่างหนาเธอก็ทั้งร้อนและหนาวอย่างคนจับไข้ ดรัณหันมาเห็นอาการสะท้านและอุ้งมือเล็กที่ขยำอกเสื้อไว้แน่นก็สงสาร เขาคงต้องหาทางช่วยเธอก่อนจะส่งกลับบ้าน สุดท้ายพ่อเลี้ยงหนุ่มก็พาสาวน้อยไปที่ไร่ของตน
“โอ๊ย!!! อารัณ พลับเจ็บ”
ดรัณไม่สนใจ เขากระชากลากถูร่างเล็กเข้าไปถึงห้องน้ำชั้นล่าง โดยไม่คิดจะเสี่ยงพาตัวเองเข้าหาวังวนปรารถนาอีกระลอก การเลือกใช้ห้องน้ำชั้นล่างจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“อาบน้ำล้างความโสมมของตัวเองออกซะ ก่อนที่ฉันผลักเธอมุดรอดรั้วกลับไปบ้าน”
“อารัณ!” ยาของนฤดลคงไม่แรงนัก พลับพลึงจึงใกล้จะมีสติเต็มที เธอปัดป้องมือที่กดหัวเธอไปใต้ฝักบัว เปิดน้ำให้รดลงมาจนเธอสำลัก “แค่กๆ อา...รัณ”
ดรัณกระชากตัวบางออกมาแล้วพ่นถ้อยคำรุนแรงราวกับโกรธเคืองเธอมาสักสิบชาติ
“ช่วยไม่ได้นี่พลับพลึง เธออยากเที่ยวกับผู้ชายเอง แล้วไงเปลี่ยนจากไอ้คนไม่เป็นโล้เป็นพายมาเป็นอดีตอาเขยอย่างฉัน รสชาติมันต่างกันเห็นๆ จะโทษฉันไม่ได้นะ”
“แค่กๆ อารัณ ทำไม! ปล่อยพลับ ปล่อย!!!”
“เสพสมอารมณ์หมายแล้วก็จะกลับสินะ ได้สิ แต่ก่อนไป ขอฉันจับเธอใส่ตะกร้าล้างน้ำให้เกลี้ยงเสียก่อนเถอะ”
“อ๊าย!!!”
พ่อเลี้ยงจอมเถื่อนจับหญิงสาวอาบน้ำชำระคราบไคลจนเสร็จโดยไม่ถอดเสื้อผ้าของเธอออกเลยสักชิ้น สภาพตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากลูกหมาตกน้ำน่าสงสาร แต่ดรัณไม่คิดจะสงสาร เขาโยนผ้าขนหนูลงบนหัวแล้วขยี้ผมของพลับพลึงจนหมาด ก่อนจะลากเธอมาจนถึงรั้วที่กั้นระหว่างสองไร่
“ฮือๆ” พลับพลึงร้องไห้มาตลอดทาง เธอผิดพลาดก็ใช่ แต่เขาทำไมต้องซ้ำเติมเธอหนักหนาขนาดนี้ ที่สำคัญเขาคือคนที่พรากพรหมจรรย์ไปจากเธอไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมไม่คิดจะรับผิดชอบหรือส่งเธอให้ถึงบ้านหน่อยเล่า
“ฉันอยากส่งเธอให้ถึงมือพ่อกับแม่เธอ แต่คิดอีกทีไม่ดีกว่า ฉันยังไม่อยากถูกบังคับขืนใจในตอนนี้”
“ทำไมอารัณต้องเกลียดพลับ”
“ไม่มีสาเหตุ แค่ฉันไม่พอใจเธออีกแล้วก็เท่านั้น” ดรัณไหวไหล่
“พลับไม่เกี่ยวอะไรกับการจากไปของอาอิง แล้วทำไมคะ ทำไมอารัณต้องรังเกียจพลับ” เธอถามอย่างไม่เข้าใจเลยสักนิด
“หยุดพูดแล้วมุดรั้วกลับไปซะ คืนนี้ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีกแล้ว ไป!!!”
พลับพลึงเม้มปากกลั้นก้อนสะอื้นน้ำตาไหลพราก เธอถอยห่างไปสองก้าวแล้วสะบัดข้อมือตบหน้าคนตัวสูงจอมเถื่อนไร้เหตุผลเต็มแรง
“เพียะ!!!”
แล้วไม่สนใจมองผลงานที่ควรค่าต่อเกียรติบัตรความกล้าหาญ มุดลอดรั้วผุพังกลับไร่ของตนในสภาพที่ดูไม่ได้ ดรัณเหลียวไปมองร่างเล็กที่วิ่งลับหายไปในความมืด โดยไม่สนใจเหมือนกันว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอจะเจอกับคนงานผู้ชายกลัดมันหรือเปล่า
พ่อเลี้ยงจอมเถื่อนหมุนตัวเข้าบ้านอย่างเย็นชา...
