1/4
“เอ่อ...มีคนขี่เจ้าพายุไปครับ” นายแดงอ้อมแอ้มตอบ สงสารคนขี่ม้าตัวโปรดของเจ้านายก็สงสาร ถ้าพ่อเลี้ยงรู้ว่าใครขี่ไปเป็นได้เกิดเรื่องแน่ ทว่าถ้าไม่บอกความซวยก็คงมาเยือน แอบขอโทษขอโพยคุณหนูพลับพลึงอยู่ในใจ แล้วค่อยตอบคนหน้าดุโมโหจนหนวดงามๆ กระดิกดิ๊กๆ
“ใครวะ ใครมันกล้าขี่เจ้าพายุ เจ้าพายุมันไม่ยอมให้ใครขึ้นขี่ง่ายๆ นี่หว่า”
“เอ่อ...คุณหนูพลับพลึงครับ ผมเห็นเธอขี่พายุเข้าไปในไร่ ตอนนี้ก็คงยังอยู่ที่เดิมล่ะครับ”
ดรัณขบกรามกรอด เขาน่าจะคิดได้ตั้งแต่ทีแรกตอนไม่เห็นพายุแล้ว มันไม่เคยยอมให้ใครขึ้นขี่นอกจากเขาและ...เด็กคนนั้น แม้แต่อิงฟ้าก็ยังขึ้นขี่หลังมันไม่ได้
พลับพลึง!!
ร่างสูงใหญ่แต่ปราดเปรียวของคนหน้าเข้มดุไว้หนวดงามเข้ากับหน้าเดินลิ่วไปยังรถกระบะ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่เหมาะสำหรับขับในไร่ให้ฝุ่นตลบ กระชากประตูเปิดแล้วดีดตัวขึ้นไปก่อนเหยียบคันเร่งออกตัวจนล้อฟรี
“ไร่แตกก็คราวนี้” นายแดงพึมพำส่ายหน้าอย่างรู้ถึงชะตาของสาวน้อย
“คุณหนูครับ แดดแรงขนาดนี้ผมว่าไปยืนหลบใต้เงาไม้ดีกว่าครับ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” แสงแดดจ้าในตอนบ่ายทำให้หัวหน้าคนงานในไร่อิงฟ้าอย่างวีกิจต้องเตือนสาวน้อยอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่กิจ พลับทำได้ งานแค่นี้สบายมาก” งานแค่นี้ของพลับพลึงก็คือช่วยคนงานทับกิ่งขยายพันธุ์องุ่นในแปลงใหม่
“ถึงคุณหนูจะสวมหมวก แต่ที่แปลงนี้มันร้อนมากนะครับ ถ้าจะช่วยจริงๆ ผมจะพาไปแปลงที่ใกล้จะออกผลดีไหมครับ” วีกิจหมายถึงแปลงองุ่นที่กำลังเลื้อยบนค้างเป็นหลังคาให้คนไปหลบแดดได้ดี
“ที่นั่นไม่ยุ่งเหมือนที่นี่แล้ว พี่กิจไม่ต้องห่วงพลับหรอกค่ะ อยู่เฉยๆ ก็น่าเบื่อ ไร่ของพลับก็ไม่มีอะไรให้ทำเพราะองุ่นใกล้จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว ไม่ต้องดูแลมากเท่าไหร่ คนงานของคุณพ่อก็ตั้งแยะ พลับมาช่วยพี่กิจดีกว่า งานตรงนี้เร่งกว่าไม่ใช่หรือคะ” พลับพลึงอธิบาย เป็นคำอธิบายที่ทำให้วีกิจส่ายหน้ายิ้มๆ เพราะดูเหมือนเธอจะหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองมากกว่าจะอยากให้เขารู้จริงๆ
“เรื่องนี้ผมคงห้ามคุณหนูไม่ได้ แต่ว่า...เรื่องเจ้าพายุ...”
“ทำไมคะ เจ้าพายุมันน่ารักจะตาย”
“ผมไม่ได้หมายถึงเจ้าพายุครับ แต่เป็น...เอ่อ...มาโน่นแล้ว”
ไม่ทันขาดคำ เสียงห้าวห้วนกระด้างหยาบคายก็ดังขึ้น
“เธอมีสิทธิ์อะไรถึงขโมยเจ้าพายุมาที่นี่”
พลับพลึงดันปีกหมวกกว้างให้เริ่ดขึ้นเพื่อมองคนตัวโตหน้าดุกระโดดลงจากรถคันโต แล้วแทบกระโจนเข้ามาเค้นคอเธอ
“พลับไม่ได้ขโมยนะคะ แค่ขอยืม”
“ขอยืมกับใครไม่ทราบ”
ไม่กี่ก้าว ร่างสูงใหญ่ก็เข้ามายืนตรงหน้าให้ต้องเงยคอขึ้นมอง วีกิจเห็นท่าไม่ดีก็ออกตัวแทนสาวน้อย
“คุณหนูกำลังจะเอาไปคืนพ่อเลี้ยงน่ะครับ”
“ใครถาม?” เจอคำถามย้อนเข้าให้วีกิจก็ต้องหลบตาวูบ
“พลับตะโกนขออารัณแล้วนะคะก่อนจะขี่มันออกมา แล้วก็คิดว่าจะเอาไปคืนก่อนอารัณจะออกมา”
“ตะโกนขอ? มารยาททรามมากๆ เลยนะพลับพลึง ไล่ก็ไม่ไปแถมยังจะขโมยของคนอื่นอีก นี่มาสร้างความวุ่นวายหนักใจให้นายกิจทำไม งานในไร่โน้นไม่มีให้ทำหรือไง”
ดรัณโมโหที่เธอขี่เจ้าพายุออกมาโดยไม่ขออนุญาต แต่ยิ่งโมโหมากขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวกำลังหัวร่อต่อกระซิกกับหัวหน้าคนงานของเขา งานการที่ไร่ไม่รู้จักทำกลับมายั่วผู้ชายในไร่อื่น
“ที่ไร่โน้นไม่มีอะไรให้ทำค่ะ” พลับพลึงปดคำโต “พลับเห็นว่าพี่กิจงานยุ่งก็เลยมาช่วย”
“มาช่วยหรือมาอ่อยเหยื่อ นอกจากเธอจะยั่วขึ้นขี่หลังพายุได้แล้ว ยังคิดจะยั่ววีกิจอีกเหรอ หน้าด้านจริงๆ”
พลับพลึงไม่คิดว่าจะถูกด่าว่าด้วยถ้อยคำรุนแรงขนาดนี้ อารัณของเธอเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ผู้ชายไร้เหตุผลตรงหน้าไม่ใช่อารัณที่เธอรู้จักและยกย่องเทิดทูน
“จะมากไปแล้วนะคะ อารัณไม่มีสิทธิ์จะว่าพลับแบบนี้”
“ทำไมจะว่าไม่ได้ คนที่เหยียบบนผืนดินของไร่อิงฟ้าต้องอยู่ในอาณัติของฉันทั้งหมด แล้วตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่ในไร่ของฉัน ทำไมเจ้าของไร่อย่างฉันจะว่าเธอไม่ได้ ไม่อยากให้ว่าก็กลับไปไร่ของเธอซะ แล้วอย่าเสนอหน้ามาที่นี่อีก”
“อารัณ!!! พลับไม่มีอะไรดีเลยใช่ไหมคะในสายตาของอารัณน่ะ” เธอมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อเต็มกำลัง เจ็บช้ำดวงใจที่ยังพิศวาสเขาไม่คลาย ถึงจะโดนดูหมิ่นแค่ไหนเธอก็ยังหน้าด้านเข้ามาในไร่อิงฟ้าเพียงเพราะต้องการจะเห็นหน้าเขาอย่างที่เขาบอกนั่นแหละ
“ผู้หญิงแก่นกะโหลกกะลาอย่างเธอ ไม่อยู่ในสายตาของฉันหรอกพลับพลึง ถึงเธอจะเป็นขวัญใจของผู้ชายกลัดมันก็เถอะ”
“แม้แต่ในฐานะ...หลาน ก็ไม่ได้หรือคะ”
“แน่นอน ลูกหลานของฉันจะต้องว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อ พูดจากันรู้เรื่อง น่ารักอ่อนหวานเหมือนผ้าพับไว้ ไม่ใช่วิ่งโร่มาหาผู้ชายกลัดมันถึงในไร่แบบนี้”
“ทำไมต้องว่าพลับแรงขนาดนี้ด้วย พลับไปทำอะไรให้อารัณกัน ทำไมอารัณต้องรังเกียจพลับขนาดนี้ ทีเมื่อก่อน...”
