บท
ตั้งค่า

1/3

“คุณกาญ ลูกเราไปไหน” พ่อเลี้ยงรุ่งโรจน์เจ้าของไร่รุ่งโรจน์และเป็นบิดาของพลับพลึงถึงกับเอ่ยปากถามภรรยาเมื่อไม่เห็นบุตรสาวหลายชั่วโมงแล้ว

“ก็คงอยู่ที่ไร่อิงฟ้าเหมือนเคยนั่นแหละค่ะ ลูกเราน่ะดื้อ เตือนเท่าไหร่ก็ไม่เคยฟังนี่คะ”

แม่เลี้ยงกาญจนาถึงกับส่ายหน้าเมื่อพูดถึงบุตรสาวคนสวยเพียงคนเดียวของตน พลับพลึงไม่ใช่เด็กดื้ออย่างที่พูดหรอก เพียงแต่เธอมักจะทำอะไรโดยขาดความไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน ทำโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง นึกจะทำก็ทำ ทว่าพลับพลึงก็เป็นเด็กฉลาด ออกจะฉลาดแกมโกงเสียด้วยซ้ำในบางครั้ง ความซุกซนก็ต้องมีบ้างตามประสาเด็กสาวแรกรุ่น วัย 21 ปี สำหรับพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงแล้วยังถือว่าเด็กอยู่มาก เป็นเด็กวัยรุ่นที่มักจะทำอะไรตามอำเภอใจ เรียกร้องเอาแต่ใจให้ได้ทุกอย่างที่ต้องการ

เมื่อ 5 ปีก่อน พลับพลึงขอเข้าเรียนในโรงเรียนประจำซึ่งเป็นโรงเรียนคอนแวนต์หญิงล้วน เธอเป็นเด็กเรียนเก่ง สามารถเรียนจบเพื่อจะต่อในระดับชั้นอุดมศึกษาในเวลาเพียง 2 ปี หลังจากนั้นเธอก็ขออนุญาตไปเรียนในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และอยู่หอพักจนกระทั่งสำเร็จการศึกษา เธอตั้งใจเรียนเหมือนจะรีบเรียนให้จบด้วยคะแนนดีเยี่ยม เพียง 3 ปีกว่า เธอก็สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี

เมื่อเรียนจบ พลับพลึงก็กลับมาช่วยงานที่บ้านโดยบอกว่า ขอช่วยงานในไร่ให้สนุกเต็มที่ก่อนจะหางานทำที่ตรงกับสาขาที่เรียนมา เธอเรียนจบศิลปะศาสตร์เอกวิชามัณฑนศิลป์ เมื่อจบออกมาก็ตั้งใจจะเป็นมัณฑนากรสาวซึ่งชื่นชอบการวาดรูปเป็นงานอดิเรก ฝีมือของเธอยังไม่เข้าขั้นเป็นได้แค่จิตรกรฝึกหัดและยังต้องพัฒนาฝีมืออีกมาก ไม่ว่าเธอจะเรียนอะไรคุณพ่อกับคุณแม่ก็ยินดีส่งเสียอยู่แล้ว

“พ่อเลี้ยงดรัณไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ลูกเราเข้านอกออกในบ้านเขาเหมือนเก่าจะดูไม่งามนะคุณ”

พ่อเลี้ยงรุ่งโรจน์เป็นห่วงกลัวจะมีคนครหาบุตรสาว ถ้าเป็นก่อน 5 ปีที่ผ่านมา เขาก็คงจะไม่นึกห่วงขนาดนี้ เพราะดรัณเป็นคนจิตใจดี อ่อนโยนและน่าคบหา มีทั้งพระเดชและพระคุณที่ใครๆ ต่างก็ยอมก้มหัวให้ ตอนนี้พระเดชพระคุณของพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ยังคงอยู่ แต่สภาพทางจิตใจที่เปลี่ยนไปสุดขั้วก็ทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ของหญิงสาวนึกขยาด ดรัณคนนี้ร้ายกาจเขาอยู่ในร่างเทพบุตรก็จริงแต่จิตใจของเขาคืออสูร

“คงไม่เป็นไรหรอกมั้งคะ ถึงยังไงพ่อเลี้ยงดรัณก็ยังเป็นคนเดิม แม้อะไรๆ จะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือก็เถอะค่ะ ดรัณคงไม่ทำร้ายลูกเราหรอกนะคะ”

“ไม่แน่หรอกคุณ หมอนั่นมันเคยมองใครในแง่ดีสักที่ไหน ตั้งแต่ยัยอิงจากไป สายตาและจิตใจของหมอนั่นก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน ผมเป็นห่วงกลัวยัยพลับจะโดนลูกหลง ลูกเราเพิ่งจะเรียนจบกลับมาไม่นาน แทนที่จะช่วยงานในไร่อย่างที่บอกไว้ กลายเป็นไปขลุกอยู่แต่ในไร่อิงฟ้า เป็นผู้หญิงไปอยู่กับผู้ชายเป็นวันๆ คนจะครหาได้นะ”

“ปล่อยลูกเถอะค่ะ ดิฉันว่าลูกคงอยากอยู่ใกล้ดรัณเหมือนเมื่อก่อน”

“เมื่อก่อนน่ะยัยพลับยังเด็ก แต่ตอนนี้ลูกเราโตเป็นสาวสวยสะพรั่งแล้วนะ ที่สำคัญผมเคยเห็นสายตาที่ยัยพลับมองไร่อิงฟ้า มันดูแปลกๆ ยังไงชอบกล”

“ยัยพลับก็คงคิดถึงอาอิงของแกกระมังคะ” แม่เลี้ยงกาญจนาคิดในด้านดีไว้ก่อน

“ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็คงไม่คิดมาก แต่กลัวว่าสายตาของยัยพลับจะไม่ได้มองแค่ไร่อิงฟ้า หรือแม้แต่คิดถึงยัยอิงน่ะสิ ถ้าลูกเราจะมองเลยไปถึงใครอีกคนที่อยู่ในไร่นั้นด้วย เราจะทำยังไงดี”

เรื่องนี้อย่าว่าแต่สามีจะคิดเลย กาญจนาผู้เป็นภรรยาก็คิด ใช่ว่าจะชอบให้บุตรสาวเทียวเข้าออกไร่อิงฟ้าเหมือนบ้านของตน ทั้งที่ตอนนี้ไม่มีอาสาวอยู่ที่นั่นอีกแล้ว แต่จะทำอย่างไรได้จะออกปากห้ามจริงๆ จังๆ ก็กระไรอยู่ ถึงยังไงดรัณก็เปรียบเสมือนญาติของคนในตระกูลโรจนศุภเกียรติ

“ดิฉันว่าเราอย่าเพิ่งคิดกันไปไกลเลยนะคะ พ่อเลี้ยงดรัณอาจจะใจดีกับพลับพลึงก็ได้ เขาอาจจะใจร้ายกับคนอื่นแต่กับลูกของเราเขาคงใจดีด้วย ไม่งั้นยัยพลับจะเทียวเข้าเทียวออกหรือคะ คุณอย่าคิดมากเลยนะคะ สองคนนั่นเขาสนิทสนมกันมานานตั้งแต่คุณซื้อที่ดินผืนนี้แล้วนะคะ สิบกว่าปีมันก็นานมากอยู่นะคะ ดรัณคงจะเอ็นดูยัยพลับเหมือนลูกเหมือนหลาน”

“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีสิคุณ ผมเป็นพ่อก็ห่วงลูก เอาเถอะ ผมจะเชื่อคุณก็แล้วกัน ว่าแต่วันนี้คุณจะเข้าเมืองหรือเปล่า ถ้าไป ผมจะไปด้วย ไม่ได้ไปไหนกับคุณนานแล้ว”

อยู่ๆ พ่อเลี้ยงรุ่งโรจน์ก็ทำตาเชื่อมใส่ศรีภรรยาแบบที่ไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก แม่เลี้ยงกาญจนาออกอาการเขินอายปรับสีหน้าไม่ทัน ก็แสร้งหยิกหมับเข้าไปบนท่อนแขนล่ำแล้วสะบัดค้อนให้หนึ่งที ทำเอาสามีหัวเราะชอบใจจนอกหนากระเพื่อมแล้วเกี่ยวเอาภรรยาเดินตรงไปที่รถ โดยไม่รอฟังคำตอบว่าคนที่กอดน่ะอยากไปหรือเปล่า

“พายุไปไหน ใครเอาพายุไปวะ!!!”

เมื่อออกมาไม่เห็นเจ้าม้าหนุ่มสีนิลเหมือนสีตาของเจ้าของ ดรัณก็ออกอาการโกรธจนลมออกหู เขาตะโกนเสียงลั่นโหวกเหวกโวยวายจนไม่อยากมีใครเข้าไปตอบคำถามใกล้ๆ เจอใครเดินผ่านพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ถามหากับทุกคน หลายคนที่ส่ายหน้าแล้วเดินหนี อารมณ์แบบนี้คนงานในไร่ไม่อยากสู้สายตาสักเท่าไหร่

“เฮ้ย! จะหลบตากันทำไม ใครไม่ตอบจะโดนหักเงินเดือนทั้งเดือน”

คราวนี้นายแดง หนึ่งในคนงานต้องตาลีตาเหลือกเข้ามาตอบ

“อยู่ในไร่ครับพ่อเลี้ยง”

“ในไร่? ฉันอยู่ที่นี่แล้วใครมันเอาไป อย่าบอกนะว่าเจ้าพายุมันเข้าไปเองน่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel