บท
ตั้งค่า

1-เรื่องจริงหรือความฝัน 3/4

“เจ้านางน้อยพูดสำเนียงกระไรรึเพคะ?” ผู้หญิงที่ชื่อกาลัดถามขึ้น

“สำเนียงไทยนี่แหละ อะไรของพวกเธอละเนี่ย” ฉันก็งงกับพวกนางทั้งที่ฉันก็พูดภาษาไทย ทำไมถึงบอกมันแปลก

“สำเนียงไทยฟังดูพิลึกชอบกลเพคะ”

“เออ ช่างเถอะน่าแค่ฟังออกไม่ใช่ไง?”

“ไม่ใช่ไง? แปลว่ากระไรรึเพคะ?”

“พอ! เลิกถามเลิกสงสัยเพราะฉันปวดหัวกับพวกเธอมาก”

ฉันต้องรีบยกมือห้ามก่อนที่จะปวดหัวไปมากกว่านี้ นี่มันคือที่ไหนกันนะ ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ทั้งที่ไม่รู้จักมาก่อน

“นี่พวกเธอ”

(“เพคะ”) ทั้งสองคนก็ตอบฉันพร้อมกัน

“นี่มันที่ไหนกันทำไมดูแปลกประหลาด สถานที่ก็แปลก คนก็ยังจะแปลกอีก” ฉันนึกได้จึงถามตามที่สงสัย

“นครมคธอย่างไรเพคะเจ้านางน้อยทรงลืมไปแล้วหรือ” กลีบบัวเป็นคนให้คำตอบแก่ฉัน

“นครมคธ?”

“เพคะ”

ฉันงงไปกันใหญ่ นี่ฉันมาโผล่ที่นี่ได้ยังไงกัน แล้วนครมคธมันอยู่ส่วนไหนของประเทศไทย ไม่เคยได้ยินชื่อแปลกประหลาดแบบนี้มาก่อน นี่ต้องเป็นความฝันซ้อนฝันแน่ ๆ ฉันว่ามันต้องใช่ เพราะฉันจะมาอยู่ในที่แบบนี้ได้ยังไง มันไม่ใช่ความจริงกับชีวิตของฉันสักอย่าง

เพี๊ยะ!

(“เจ้านางน้อย!!!”)

เพื่อพิสูจน์ว่าทุกอย่างนั้นเพียงแค่ฉันแค่ฝันไป จึงตบเข้าใบหน้าตัวเองเต็มแรง จนหน้าหันไปอีกด้าน ทำให้ทั้งสองสาวที่นั่งอยู่ด้านล่างร้องพร้อมกันด้วยน้ำเสียงตกใจ คือฉันไม่รู้เลยว่านี่ความจริงหรือสิ่งที่เป็นเพียงความฝันชั่วครั้งชั่วคราว แต่ความเจ็บแสบบนแก้มเริ่มทำให้ฉันมั่นใจว่ามันไม่ใช่ความฝัน แม้ก่อนหน้าจะหยิกตัวเองแล้วก็ตาม

“ฮือ ฮือ พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยณินด้วย”

“โธ่ ทูนหัวของบ่าว”

ฉันร้องไห้โฮออกมาทันทีเมื่อสิ่งที่กำลังเจอมันเหมือนพรากฉันจากคนที่ฉันรัก พ่อ แม่ และพี่ชายของฉันอยู่ไหน ทุกคนคงกำลังเป็นห่วงฉันแน่ ๆ

“กูตายแล้วเหรอวะ?” เมื่อพลันนึกอีกทีหรือนี่ฉันหมดลมหายใจจากโลกไปแล้ว ถึงได้มาอยู่ที่นี่สถานที่แปลกประหลาดที่ฉันไม่รู้จัก

“ยังไม่สิ้นเพคะ โธ่เจ้านางน้อย ทำไมถึงได้ตรัสเยี่ยงนี้เล่าเจ้าคะ” ผู้หญิงที่ชื่อกาลัดพูดพร้อมกับซบหน้าลงตักของฉัน

“เธอชื่อว่าอะไรนะ?” ฉันถามผู้หญิงอีกคนที่นั่งข้างกาลัด

“กลีบบัวเพคะ” เธอตอบฉันแม้สีหน้าจะดูเศร้าสร้อย ก็ฉันไม่รู้จักพวกหล่อนนี่นา

“มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันนะ?” ฉันพยักหน้ารับรู้ชื่อของคนที่ถาม จากนั้นก็พร่ำเบา ๆ ถามย้ำตัวเอง

“อยู่มาตั้งแต่กำเนิดแล้วเพคะเจ้านางน้อยผณินทร” กาลัดว่าขึ้นชื่อที่แสนจะคุ้นหูทำให้ฉันถลึงตาโต แล้วมองไปทางกาลัด

“ผณินทร?” ฉันพูดออกมาพลางขมวดคิ้วอย่างเป็นคำถาม

(“เพคะ”) ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน

“ชื่อของฉันอะเหรอ?”

“พระนามของเจ้านางน้อยคือผณินทรเพคะ” กลีบบัวบอกย้ำชื่อที่อ้างว่าเป็นฉัน แต่นั่นมันเป็นชื่อเดียวกันกับที่คุณยายคุณนั้นเรียกตอนที่นั่งคุยกับเนยหวานนี่นา

“ไม่ใช่ชื่อของฉันสักหน่อย”

“จะไม่ใช่ได้กระไรเพคะ พระนามมาตั้งแต่ประสูตินะเพคะ”

“นี่มันอะไรกันแน่นะ?”

ฉันตั้งคำถามกับตัวเองในใจ และก็ยังหาต้นเหตุของเรื่องราวไม่ได้เลยว่าฉันมาอยู่เมืองโบราณนี้ได้ยังไง และใครเป็นคนพาฉันมา

“หม่อมฉันเป็นห่วงเจ้านางน้อยแทบแย่เพคะ ไม่ได้สติมาหลายวันตั้งแต่ที่พระนางแอบไปเล่นน้ำ โชคดีท่านอาศิรวิษเป็นคนไปพบเสียก่อน” กลีบบัวบอกเล่า

“ใครอาศิรวิษ?”

“องครักษ์ประจำกายของพระนางเพคะ?”

“!”

ฉันถามเพราะสงสัยเมื่อชื่อนี้เหมือนกับหนังสือที่ฉันเคยอ่านก่อนหน้า กลีบบัวจึงบอกให้ฉันรับรู้ ทำเอาฉันตกใจทำไมมันถึงบังเอิญไปหมด

“กาลัดพวกเราลืมไปเสียได้ว่าลืมกราบทูลเจ้าหลวงและองค์รัชทายาทเมื่อเจ้านางน้อยคืนสติ” กลีบบัวให้ไปพูดกับกาลัด ส่วนฉันก็ได้แต่งงและมองหน้าสองสาวสลับกันไปมา ใครกันอีกคือเจ้าหลวง

“เจ้าหลวงคือใคร?” ฉันถามออกไปตรง ๆ เพราะหากนั่งนิ่งก็คงจะงงไม่รู้จบ

“เสด็จแม่ของพระนางอย่างไรเพคะ? กลีบบัวกูว่ารีบตามหมอเถิดดูเจ้านางน้อยไม่เหมือนแต่ก่อน ลืมเลือนหมดทุกอย่างแม้กระทั่งชื่อ”

“เออ ๆ เอ็งรีบไปกราบทูลเจ้าหลวงส่วนข้าจะไปตามหมอหลวงเอง”

“เดี๋ยว!”

ทั้งกลีบบัวและกาลัดคุยสรุปกันสองคน โดยที่ฉันก็ได้แต่มองตามหลังตาปริบ ๆ เมื่อทั้งสองคนออกไปหากห้อง จะเรียกห้ามก็ไม่ทันซะแล้ว

“เฮ้อฉันหลุดมาอีกโลกหรือยังไงกันนะ...หรือว่าเทวดากำลังทำสอบอะไรฉันกันแน่ ปวดหัวจะระเบิดงงไปหมดแล้ว ชีวิตฉันมันอะไรหนักหนาเนี่ย...เฮ้อเหนื่อย...หนูไม่สนุกด้วยหรอกนะคะกับอะไรแบบนี้”

พูดคนเดียวจบสิ้น ฉันก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียง มองเพดานห้องแล้วทบทวนเรื่องราวที่พบเจอมาเวียนวนอยู่แบบนั้น แต่ฉันก็หาที่มาที่ไปไม่ได้เลย นอนไปนอนมาฉันก็เผลอหลับไปอีกรอบ

ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหนฉันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังสัมผัสตามแขน จึงทำให้ฉันต้องลืมตาตื่นจากการนอนหลับ สถานที่เดิม ห้องเดิมก่อนหน้าก็ยังไม่เปลี่ยนไป มองไปรอบ ๆ ก็พบกับกลีบบัว กาลัด และคนที่ฉันไม่รู้จักอีกสามคน การแต่งตัวเต็มยศเหมือนกับคนในวรรณคดี

“เห้ย! พวกเขาเป็นใครกาลัด กลีบบัว” ฉันดีดตัวลุกอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ เมื่อคนที่มาใหม่เป็นใครที่ฉันไม่รู้จัก ขยับถอยหลังจนชิดกับขอบเตียงนอนอีกฝั่ง

“เจ้านางน้อยนี่พ่อเอง พ่อของเจ้าอย่างไรเล่า” ผู้ชายที่ดูมีอายุพูดขึ้น

“พ่อ?” ฉันทวนสรรพนาม

“เจ้าพ่อของเจ้านางน้อยเพคะ” กาลัดเข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้วจับมือฉันก่อนจะพูดย้ำอีกรอบ

“ทำไมลูกของเราถึงได้เป็นเช่นนี้หมอหลวง”

“ทูลเจ้าหลวง เป็นอาการเลอะเลือนพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วรักษาได้หรือไม่”

“กระหม่อมมิบังอาจทูลขอรับ เพียงแต่ว่าคงต้องใช้เวลา”

“นานเท่าใด?”

“กระหม่อมไม่อาจทูลชี้ชัดได้พ่ะย่ะค่ะ”

“ฉันไม่ได้บ้านะ!”

ฉันที่นั่งฟังผู้ชายที่เป็นหมอหลวงกับอีกคนที่บอกว่าเป็นพ่อพูดคุยกัน การเลอะเลือนนั่นคือหมายถึงเป็นบ้า ทำให้ฉันรีบออกปากปฏิเสธทันที

“พระทัยเย็นนะเพคะเจ้านางน้อย แล้วพระนางทรงจดจำได้หรือไม่ว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ใด?” กลีบบัวชี้ไปยังผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ในมือถือธนูและดาบแนบกาย

“ท่านอาศิรวิษองครักษ์ประจำกายเจ้านางน้อยเพคะ”

“หล่อจัง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel