7 พนักงานเสิร์ฟ
“ไปต่อที่ห้อง” หลังจากเขาผละจูบจากเธอแล้ว เขาก็ช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มทันที
“มะ ไม่นะ ปล่อยฉันลงนะ” เมื่อได้สติเธอก็ดิ้นและร้องห้ามทันที เมื่อเรื่องมันดูจะไปกันใหญ่แล้ว ถึงจะเป็นเด็กต่างจังหวัด ไม่เคยมีแฟนหรือความรักมาก่อน แต่เธอก็พอจะรู้ ว่าต่อจากนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น และแน่นอนเธอไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น
“มาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันคงปล่อยเธอไม่แล้วล่ะสาวน้อย หึ” ขายาว ๆ ยังคงก้าวย่างอย่างมั่นคง ไม่สะทกสะท้านกับแรงดิ้น และแรงที่เธอทุบทำร้ายตนเลยแม้แต่น้อย
“ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะไอโรคจิต ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย”
“ปล่อยนะ ฉันบอกให้ปล่อย” เธอทุบจนเจ็บมือไปหมด เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยสักที ร้องขอความช่วยเหลือจนสุดเสียงแต่ก็ไม่มีใครเข้ามายุ่งเลย มีบ้างที่หันมามอง แต่ก็หันกลับอย่างไม่สนใจ หรือไม่กล้าเข้ามายุ่ง เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
“พี่นันช่วยณิด้วย พี่นันช่วยณิด้วย” เมื่อหมดหนทาง ณิชกานต์จึงร้องเรียกหาพี่สาวในสุด จากที่แรกว่าจะปิดพี่สาวที่เธอมาที่นี่คนเดียว เพราะพี่สาวบอกไม่ให้เธอมาที่นี่อีก หากไม่จำเป็นจริง ๆ
“ยัยณิ” ณนันที่ได้ยินเสียงร้องขอน้องสาวก็รีบเดินมาดูทันที ก่อนจะพบว่าน้องตัวเองกำลังดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของใครคนหนึ่ง ใครคนนั้นที่ไม่มีใครกล้าต่อกรกับ ในที่แรกที่เธอได้ยินเสียงร้องโวยวาย แม้เสียงมันจะคุ้น ๆ แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าอาจจะหูฝาดไป หรือคนในบาร์คงมีเรื่องกัน พอได้ยินชื่อตัวเองเธอก็รีบขอลูกค้ามาเข้าห้องน้ำ แล้วเดินมาตามเสียงทันที ด้วยความเป็นห่วงน้องสาว
“พี่นันช่วยณิด้วย ไอโรคจิตนี้มันจะลวนลามนิ”
“ค คุณมาร์วิน”
“น้องสาวเธอหรอ” มาร์วินพูดขึ้น เมื่อเห็นเห็นว่าเป็นพนักงานที่ร้านของตัวเอง เขาก็คิดว่าคงไม่มีอะไรยากแล้ว แต่เขาคิดผิด...
“ค่ะ” ณนันพยักหน้าตอบ ก่อนมาร์วินจะส่งสายตาให้ลูกน้องเข้ามาจัดการ
“เอ่อคุณมาร์วินคะ คือว่าน้องสาวฉันพึ่งมาจากต่างจังหวัด ยัยณิยังเด็ก ถ้ายัยณิทำอะไรให้คุณไม่พอใจฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“ส่วนเงินของคุณฉันคงรับไว้ไม่ได้ เพราะยัยณิไม่ได้ทำแบบที่คุณคิด และฉันก็ไม่คิดจะให้น้องสาวฉันทำแบบนั้นด้วย ต้องขอโทษด้วยนะคะ” ณนันตัดสินใจพูดมันออกไป ก่อนจะโค้งตัวเพื่อขอโทษมาร์วิน
“พี่นัน...”
“ถ้าคุณจะกรุณา ช่วยปล่อยน้องสาวฉันด้วยค่ะ และถ้าคุณไม่พอใจจะไล่ฉันออกฉันก็ยินดี” ณนันยังคงพูดต่อ เมื่อมาร์วินยังไม่ปล่อยน้องสาวของเธอ และที่เธอพูดไปแบบนั้นก็เพราะว่ามาร์วินนั้นมีสิทธิ์จะไล่เธอออกจริง ๆ คนที่นี่ต่างก็รู้ดีว่าเป็นเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของคลับหรูลับ ๆ ใจกลางเมืองนี้
“เงินคงไม่มากพอสินะ” แต่แทนที่มาร์วินจะตอบคำถาม กลับพูดคำที่มันเสียดแทงออกมาแทน ส่วนลูกน้องก็ทำงานอย่างรู้ใจ เขียนเช็คเพิ่มจำนวนเงินให้หญิงสาว
“คุณมาร์วินคะ” เมื่อณนันเห็นตัวเลขที่เขียนมาก็ต้องตกใจ แต่จะให้เธอขายน้องกินเธอทำไม่ได้จริง ๆ
“หึ” มาร์วินแสยะยิ้มมุมปากเบา ๆ เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาว ก่อนรอยยิ้มจะจางลงในประโยคถัดมาของเธอ
“ฉันรับไว้ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ” ณนันยังคงยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ส่วนณิชกานต์หลังจากฟังเหตุการณ์อยู่ในอ้อมแขนของมาร์วินอยู่นาน เธอก็พอรู้แล้วว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น ไอโรคจิตที่ลวนลามเธอกำลังซื้อตัวเธอด้วยเงิน
แต่พี่สาวของเธอไม่รับและปฏิเสธ ซึ่งเห็นแบบนั้นเธอก็รู้สึกดีเป็นอย่างมาก อย่างน้อย ๆ ก็ยังมีคนคอยปกป้องเธอ ไม่ทิ้งเธอเพราะเงิน เพราะถ้าหากเป็นแม่นั้น เธอเชื่อว่าแม่คงขายเธอให้เขาตั้งแต่เงินจำนวนแรกที่คนของเขายื่นให้
“คุณก็มีเงินตั้งมากมาย ฉันว่าคุณไปหาคนอื่นเถอะ ถึงฉันกับพี่นันจะไม่ได้มีเงินเหลือเฟือเหลือกินเหลือใช้มากมายแบบคุณ แต่เราก็รักศักดิ์ศรีของเรามากพอ” เสียงหวานพูดขึ้น หลังจากที่เธอเงียบรอฟังอยู่นาน ส่วนคำที่เธอพูดนั้นกับทำพี่สาวปวดใจน้อย ๆ
“หึ แล้วฉันจะรอดู” สุดท้ายมาร์วินก็ยอมปล่อยณิชกานต์ในที่สุด ก่อนที่เขาจะเดินออกไป ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ที่คืนนี้เขาพลาดลูกกวางตัวน้อยตัวนี้ไป
“พี่นัน” ทันทีที่เป็นอิสระ ณิชกานต์ก็โผเข้ากอดพี่สาวทันที
“ยัยณิ แกไม่เป็นอะไรใช่ไหม คุณมาร์วินไม่ได้ทำอะไรแกใช่ไหม”
“มะ ไม่ค่ะ คุณมาร์วินไม่ได้ทำอะไรณิ ณิแค่เอาเสื้อมาคืนเขาก็เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าณิ...” เมื่อเห็นท่าทีเป็นห่วงของพี่สาว ณิชกานต์จำต้องพูดปดเพื่อให้พี่สาวสบายใจ เพราะแค่นี้เธอก็สร้างเรื่องให้พี่สาวปวดหัวมากแล้ว และก็ไม่รู้ว่าพี่สาวจะถูกไล่ออกจากงานเพราะเธอด้วยรึเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นเธอคงรู้สึกผิดเอามาก ๆ
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ แล้ววันนี้อย่าไปเล่นซนที่ไหนอีกนะ นั่งรอพี่ทำงานอยู่ที่เดิมเข้าใจไหม” เมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่เป็นอะไร ณนันก็พาน้องสาวไปนั่งที่เดิมเหมือนเมื่อวาน
“ค่ะ”
แต่ยังไม่ทันที่ณนันจะได้กลับไปทำงาน เจ๊คนเก่าคนเดิมที่บอกให้ณิชกานต์ไปทำงานก็เดินเข้ามา
“เอ้านังคนนี้ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ยังไม่ไปแต่งตัวอีก...ยัยนันก็อีกคน เห็นเด็กใหม่ไม่แต่งตัวทำงานแทนที่จะบอก”
“เดี๋ยวก่อนเจ๊ นี่ไม่ใช่เด็กในร้านเรา นี่น้องสาวฉัน”
“อ่าวแกมีน้องด้วยหรอ จะน้องสาวหรืออะไรก็ช่าง ตอนนี้ไปช่วยกันทำงานก่อน แขกก็เยอะไม่ไหว คนก็ขาด” เจ๊คนเดิมบ่น
“มัวยืนอยู่ทำไม จะเอาไหมเงินน่ะ ทำงานเสิร์ฟเงินดี ทิปหนักขนาดนี้จะไปหาที่ไหนได้ เร็วสิรีบพากันไปแต่งตัว”
“เจ๊จะรับหนูทำงานหรอคะ” เป็นณิชกานต์ที่เอ่ยถาม เมื่อได้ยินว่างานก็หูผึ่งทันที หากได้งานเสิร์ฟที่นี่ ตอนกลางคืนเธอก็จะได้ทำงานที่เดียวกับพี่สาว ส่วนตอนกลางวันค่อยว่ากันอีกที
“ที่พูดปาว ๆ ขนาดนี้หล่อนฟังไม่รู้เรื่องหรอย้ะ”
“ณิแต่พี่ว่า”
“อย่ามาตงมาแต่อะไรตอนนี้ ช่วยกันทำงานก่อน ไป ๆ รีบไปเปลี่ยนเสื้อ อ้อแล้วอย่าลืมหาป้ายชื่อมาติดด้วยล่ะ” เป็นเจ๊คนเดิมที่ออกคำสั่ง ก่อนจะดันตัวณิชกานต์ให้ตามตนไป โดยไม่เปิดโอกาสให้ณนันได้พูดอะไรต่ออีก
การทำงานจริง ๆ จัง ๆ ที่คลับของณิชกานต์ ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่นัก เพราะไม่กี่วันถัดมาหลังจากที่เธอมีป้ายชื่อ ลูกค้าก็มักจะเรียกขานชื่อเธอ เรียกให้เธอไปเสิร์ฟอยู่บ่อย ๆ ด้วยเป็นน้องใหม่ ทั้งหน้าตายังสะดุดตาหนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่ ที่มาดื่มด่ำ ณ สถานที่แห่งนี้
แต่ที่ทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยมากที่สุดก็คือ การต้องหนีให้พ้นมือกับลูกค้าที่มือไวและมือปลาหมึก ดีที่ก่อนเริ่มงานพี่สาวบอกวิธีหลีกเลี่ยงหากเจอสถานการณ์แบบนั้น แต่บางอย่างเมื่อประสบจริงมันก็ใช่ไม่ได้ผล ดีที่พอมีไหวพริบอยู่บ้าง อาศัยประสบการณ์จากการทำงานไม่กี่วันทำให้เธอหลุดรอดจากลูกค้ามือไวได้อย่างหวุดหวิด แต่ละครั้งทำเอาเธอแทบปาดเหงื่อ ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่นี่นั้นทิปหนักอย่างที่เจ๊คนนั้นว่า เธอเดินเสิร์ฟไม่กี่ชั่วโมง ไม่กี่วัน ก็ได้เงินเกือบเท่าที่เธอทำพาร์ทไทม์ที่ต่างจังหวัดเกือบสองสัปดาห์
และในระหว่างที่ณิชกานต์กำลังทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่นั้น ก็มีสายตาหนึ่งคอยจับจ้องการทำงานเธออยู่ตลอด คอยมองคนตัวเล็กที่หาวิธีหลบหลีกมือปลาหมึกได้อย่างไม่น่าเชื่อ จนบางครั้งเขาก็ยกยิ้มมุมปากให้กับการกระทำของเธออย่างไม่รู้ตัว
“ไม่เลวหนิ”
“ดูอะไรอยู่หรอคะ” หญิงสาวที่นั่งด้วยกันอยู่ในห้อง เดินมาหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ริมกระจก เหมือนเขากำลังมองดูอะไรบางอย่าง ซึ่งเธอเห็นเขามองแบบนั้นมาสักพักแล้ว ขนาดว่าเธอเข้ามาตั้งนาน เขายังไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนของเธอเลย เอาแต่สนใจอะไรอยู่ก็ไม่รู้
“เปล่าหรอก”
“ถ้าเปล่าก็หันมามองน้ำตาลสิคะ หันมาสนใจน้ำตาล” หญิงสาวว่าขึ้น พร้อมกับเดินเข้าไปหาเขาอย่างยั่วยวน
“วันนี้ผมไม่มีอารมณ์” เขาว่าพร้อมกับปัดมือเธอออก จากที่ตั้งใจจะเรียกคนอื่นมาแก้ขัด ทว่าภาพใบหน้าจิ้มลิ้ม ดวงตาใสซื่อของเธอคนนั้นก็ยังตามมาหลอกหลอนไม่หยุด ทำให้เขารู้สึกเสียอารมณ์ แต่หากเป็นเธอ...ก็ไม่แน่
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณไม่มีอารมณ์ น้ำตาลจะช่วยคุณเอง”
“คุณรู้ใช่ไหมว่าถ้าผมโมโหจะเกิดอะไรขึ้น” เสียงเข้มกดต่ำ
“น้ำตาลขอโทษค่ะ ถ้าคุณอารมณ์ดีแล้ว น้ำตาลจะมาหาใหม่นะคะ”
ลับหลังน้ำตาลไปแล้ว มาร์วินก็เรียกลูกน้องเข้ามาพบ ก่อนจะสั่งอะไรบางอย่าง
กลับมาที่ณิชกานต์หลังจากเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้ามาเกือบทั้งคืน เธอตั้งใจว่าจะนั่งพักสักหน่อย ก่อนจะไปทำงานต่อ ทว่ายังไม่ทันได้หย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ ก็มีคนเรียกเธออีกแล้ว
“ณิชาแขกรีเควชให้เธอไปเสิร์ฟ”
“ณิอีกแล้วหรอคะ” นิ้วเรียวชี้มาที่ตัวเองแม้จะทำงานที่นี่ได้ไม่กี่วัน แต่คนที่นี่ก็น่ารักและเป็นกันเองกับเธออย่างมาก ทำให้เธอแทนตัวเองอย่างสนิทสนม
“อืม ครั้งนี้เป็นคนสำคัญ ตั้งใจทำงานล่ะ ดีไม่ดีนะ ทิปหนักกว่าเธอเสิร์ฟทั้งคืนหลายเท่าเลยล่ะ”
“ขนาดนั้นเลยหรอ”
“อืม ขนาดนั้นเลย” หญิงสาวคนเดิมเอ่ยบอก พอรู้ว่าเด็กสาวมาทำงานเพื่อหาเงินไปเป็นค่าเทอม เธอก็รู้สึกเอ็นดู ทั้งยังถูกณนันพี่สาวของณิชาขอให้เป็นหูเป็นตาให้ ด้วยความเป็นห่วงน้องสาว และพอเธอได้พูดคุยและคลุกคลีกับณิชาเธอก็รู้สึกรักและเอ็นดูเหมือนน้องสาวของเธอคนหนึ่งเหมือนกัน
“ค่ะ แล้วณิจะตั้งใจ”
