บท
ตั้งค่า

4 ไม่ตั้งใจ

“นัน น้องแกมาหา”

“น้อง?”

“นู่น ยืนอยู่ตรงนั้น”

“พะ พี่นัน” ทันทีที่เห็นพี่สาวเดินตรงมาทางที่ตนยืนอยู่ ณิชกานต์ก็เริ่มทำตัวไม่ถูกทันที ด้วยเธอไม่ได้โทรมาบอก หรือส่งข้อความมาหาพี่สาวก่อนว่าจะขึ้นมาหา แต่ถึงจะอยากส่งก็ทำไม่ได้ ก็ตอนนี้โทรศัพท์ของเธอหน้าจอแตกไปแล้ว แม้ยังพอสัมผัสได้ แต่ให้พิมพ์ข้อความหรือกดเบอร์โทรนั้นคงยาก แต่หากกดรับพอทำได้อยู่

“ยัยณิ! แกมาทำอะไรที่นี่”

“ณิมาหาพี่นัน ณิไปหาที่นันที่หอแล้ว เค้าบอกว่าพี่นันทำงานที่นี่” น้ำเสียงตะกุกตะกักเอ่ยตอบพี่สาว ด้วยสถานที่ และสถานการณ์ทำให้เธอรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยเข้าใกล้สถานที่แบบนี้มาก่อนเลย

“ไปนั่งรอพี่ตรงนั้นก่อน อย่าไปไหนเดี๋ยวพี่เสร็จงานแล้วไปหา” เสียงแกมบังคับเอ่ยบอกน้องสาว ก่อนจะหันไปฝากคนในร้านให้ช่วยดูแลน้องสาวให้ด้วย แล้วหญิงสาวในชุดเดรสสีดำรัดรูปจึงปลีกตัวออกไปทำงานของตนต่อ

หลังจากที่พี่สาวหายเข้าไปกับฝูงชนแก้ว ณิชกานต์ก็มานั่งที่เก้าอี้ที่พี่สาวบอกอย่างเชื่อฟัง สายตากวาดมองรอบ ๆ บริเวณอย่างสำรวจ

ที่นี่แปลกใหม่และแปลกตาสำหรับเธอมาก คนส่วนใหญ่แต่งตัวน้อยชิ้น เช่นเดียวกับพี่สาวของเธอ

“ยัยฝนไปไหน” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ณิชกานต์หันมอง เธอหันมองเงียบ ๆ เท่านั้นไม่ได้พูดอะไร

“ท้องเสียอยู่หลังร้านค่ะเจ๊”

“มาท้องเสียอะไรวันนี้เนี่ย คนยิ่งขาด ๆ อยู่”

“แล้วนี่ใครมานั่งทำอะไรตรงนี้ มาสมัครงานใช่ไหม ถ้ามาสมัครงานก็ไปเปลี่ยนชุดหลังร้านแล้วเริ่มงานได้เลย” ก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ ๆ ตัวเองก็เข้าไปอยู่ในบทสนทนา

“เอ้า จะมัวมานั่งอยู่ทำไม ไม่อยากได้หรือไงเงิน ยัยส้มพาแม่นี่

ไปแต่งตัวที” จะค้าน จะขัดก็ทำไม่ได้ เมื่อคนที่ถูกเรียกว่าส้มนั้นไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดเลย จูงมือเธอไปหลังร้านก่อนจะยื่นเสื้อผ้าให้เธอ แล้วจับเธอยัดเข้าห้องแต่งตัว

“เป็นไงเป็นกัน” เมื่อเลือกอะไรไม่ได้ ณิชกานต์ก็ตัดสินใจที่จะรับงานที่อยู่ ๆ ก็ได้มาอย่างไม่เต็มใจ อย่างน้อยวันนี้เธอก็พอหารายได้ ได้บ้าง หลังจากเสียค่าเดินทางไปหลานตังค์

ชุดที่ได้รับมานั้น มันไม่ได้น้อยชิ้นอย่างที่เห็นคนในนี้ใส่ ดู ๆ ไปมันเหมือนชุดพนักงานเสิร์ฟมากกว่า เพียงแต่กระโปรงนั้นสั้นไปเท่านั้นในความคิดของเธอ เดินออกมาจากห้องแต่งตัว มือบางก็ค่อย ๆ ดึงชายกระโปรงทรงเอให้ยาวลงอีก

“หน้าตาสวย ๆ แบบนี้ ฉันว่าเธอเป็นได้มากกว่าพนักงานเสิร์ฟอีกนะ ไหนลองหมุนตัวซิ”

“คะ?”

“ช่างเถอะ ๆ ไปเสิร์ฟของให้แขกได้แล้ว” ว่าแล้วก็เดินนำทางหญิงสาวที่ดูไม่รู้เรื่องรู้ราว พร้อมกับพูดอธิบายการทำงานคร่าว ๆ ให้เธอฟัง ทั้งยังบอกอีกว่าที่นี่โดยเฉพาะโซน VIP นั้นทิปหนัก ให้เธอทำตัวดี ๆ รู้จักเอาใจแขกเข้าไว้

การทำงานไม่ยากอย่างที่คิด ทุกอย่างดูเหมือนจะผ่านไปด้วยดี แม้จะมีลูกค้าที่ดูมือไวไปบ้างแต่เธอก็หาทางเอาตัวรอดและหลบหลีกมาได้ แม้ว่าเธอจะพึ่งมายังสถานที่แบบนี้เป็นครั้งแรก แต่เธอก็ไม่ได้ใสซื่อจนไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้คืออะไร ตอนอยู่ต่างจังหวัดเพื่อน ๆ ของเธอมักจะพูดถึงมันเสมอ หรือตามอินเทอร์เน็ตก็ขึ้นพอให้ได้เห็นผ่าน ๆ ตา ว่าคนที่จะมาสถานที่แห่งนี้จะมาทำอะไรกันบ้าง

ซึ่งที่เธอพอรู้มาก็มีการดื่มสังสรรค์ แต่จากหลายโต๊ะที่เธอไปเสิร์ฟเครื่องดื่ม มีการนัวเนียกันเหมือนคู่รัก ซึ่งเธอพยายามแสร้งมองไปทางอื่น ทำเป็นไม่เห็นไม่สนใจ จนกระทั่งโต๊ะ VIP ที่เธอต้องไปเสิร์ฟล่าสุด เพราะโต๊ะก่อนจะถึงนั้นมีชายหนึ่งนัวเนียกันจนแทบจะเปลื้องผ้าอยู่แล้วทำให้เธอต้องหันหน้าหนี

และเพราะความหันหน้าหนีนั้นเอง ทำให้เธอไม่เห็นทางจนเกิดเรื่องในที่สุด

เพล้ง ถาดที่บรรจุเครื่องดื่มราคาแพงเอียงเทกระจาดลงพื้นอย่างไม่ตั้งใจ ทำเอาคนถือลนลานสะดุ้งตื่น ด้วยความตกใจ พร้อมพูดกับตัวเองในใจว่าซวยแล้ว

“ขะ ขอโทษค่ะ” เมื่อรู้ตัวว่าทำผิด ก็รีบโค้งตัวเพื่อขอโทษทันที พร้อมกับย่อตัวลงเก็บกวาดเศษแก้วที่แตก โดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองโต๊ะของแขกที่เธอต้องมาเสิร์ฟเลยแม้แต่น้อย

“นี่ ทำบ้าอะไรของเธอ!” เสียงแหลมแว๊ดดังขึ้นมาในทันทีด้วยความหงุดหงิด เมื่อกี้เธอกับเขากำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่แล้วเชียว

ยังเด็กบ้านี่ไม่รู้หรือไง ว่ากว่าที่เธอจะมีโอกาสได้มานั่งเอาใจเขาแบบนี้ได้มันยากขนาดไหน แล้วมาทำเสียบรรยากาศหมด

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“รีบเก็บของแล้วไสหัวไปซะ” ด้วยความโมโหหล่อนจึงออกปากไล่อย่างลืมตัว

“เดี๋ยว ทำของเสียหาย คิดจะหนีไปเลยหรือไง” ทว่าอยู่ ๆ เสียงทุ้มก็ดังขัดขึ้น ระหว่างที่ณิชกานต์กำลังลุกขึ้นยืน

“คะ?” ณิชกานต์หันมองตามเสียงทันที ก่อนจะพบว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองมาที่เธอ ซึ่งสายตาคู่นั้นก็เป็นคู่เดียวกับคนที่พูดกับเธอ อยู่ ๆ ก็รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมา

“เสื้อฉันเปื้อน” ใบหน้าคมเลยสายตามาที่เสื้อของตัวเอง เพื่อให้หญิงสาวได้มองตาม ก่อนจะตวัดสายตามองเธอ

“ขอโทษนะคะ คือฉันไม่ได้ตั้งใจ” ณิชกานต์ในตอนนี้ จะเรียกว่าตัวเล็กลีบเลยก็ว่าได้ ไหล่เล็ก ๆ ลู่เข้าหากัน ใบหน้าสวยหวานก้มต่ำมองพื้นไม่แม้แต่จะกล้าเงยขึ้นมองคนตัวสูงที่มายืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนไหนก็ไม่ทราบ รู้ตัวอีกทีก็มีรองเท้าของใครคนหนึ่งอยู่ตรงหน้าแล้ว

“ขอโทษแล้วเสื้อฉันมันจะหายเปื้อน?”

“ทำข้าวของเสียหายยังพอให้อภัยได้”

“แต่เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อตัวโปรดฉันด้วยสิ” ใบหน้าคมโน้มเข้ามาใกล้คนตัวเล็ก ๆ เรื่อย ๆ ยิ่งเห็นท่าทีหวาดกลัวของเธอเขาก็ยิ่งอยากแกล้ง ไหนจะใบหน้าสวยหวานของเธอที่สะดุดสายตาเขาตั้งแต่แรกเห็น ในตอนที่เธอมองมาครั้งแรกนั่นอีก

“เธอจะรับผิดชอบยังไง หื้ม” ไม่ว่าเปล่าเขายังโน้มหน้าเขาไปใกล้เธอ จนลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดต้นคอของเธอ ทำให้หญิงสาวร่นคอถอยหนีทันทีตามสัญชาตญาณ

“ให้ฉันเอาไปซักให้ไหมคะ ฉันสัญญาจะซักให้ขาวสะอาดเหมือนเดิมเลยค่ะ” มือบางบีบเข้าหากันแน่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดบอกเขา พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น

“แล้วถ้ามันไม่กลับมาขาวสะอาดเหมือนเดิมล่ะ” เขาพยายามไล่ต้อนเธอ สายตาที่ดูใสสื่อ ตื่นกลัวของเธอ มันทำให้เขาหยุดไม่ได้ ที่จะทำให้เธอเผยธาตุแท้ออกมา เพราะเขาไม่คิดว่าจะมีสายตาแบบนี้อยู่ในที่แบบนี้

“คุณมาร์วินคะ มุกว่าอย่าไปใส่ใจแม่นี่เลยค่ะ เดี๋ยวมุกเรียกผู้จัดการ ให้มาจัดการให้”

“เงียบน่า ฉันไม่ได้คุยกับเธอ”

“ส่วนเธอ จะตอบฉันได้ยัง ว่าถ้าเสื้อฉันไม่กลับมาขาวสะอาดเหมือนเดิมเธอจะทำยังไง”

“ฉัน...ให้ฉันจะ จ่าย เอ่อ ฉันหมายถึงให้ฉันซื้อเสื้อตัวใหม่ให้คุณ...” น้ำเสียงตะกุกตะกักตอบออกไป แม้เธอจะมั่นใจมากกว่า 90% ว่าเธอจะสามารถทำความสะอาดคราบสีแดงที่ติดบนเสื้อเขาได้ หรือถ้ามันไม่ออกจริง ๆ เธอก็คิดว่าเธอพอจะมีเงินมาซื้อเสื้อเชิ้ตสีขาวคืนเขาได้

“หึ ฉันจะรอดู”

“แล้วมัวยืนทำอะไรอยู่ ตามมาสิ” เสียงเข้มดุ ๆ ดังขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ณิชกานต์สะดุ้งน้อย ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจเมื่อเห็นหญิงสาวที่แทนตัวเองว่ามุกเดินตามเขาไป ทว่าเธอถอนหายใจอย่างโล่งอกได้ไม่นาน

“ไม่ใช่เธอ”

“คะ?”

“ฉันหมายถึงเธอ” พูดจบก็คว้าเอาข้อแขนของหญิงสาวที่ทำเครื่องดื่มมากระเด็นเปื้อนเสื้อตน ติดมือไป สร้างความไม่พอใจให้กับมุกไม่น้อย

“คุณจะพาฉันไปไหน ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ”

“หยุดพูดสักที แล้วเดินตามฉันมาเงียบ ๆ เธอบอกจะซักเสื้อให้ฉันไม่ใช่หรือไง” มาร์วินหยุดเดินแล้วหันมองคนตัวเล็กที่สูงเกือบจะไม่ถึงหน้าอกเขา

“ขอโทษค่ะ” เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะโมโห ณิชกานต์ก็สงบปากสงบคำทันที ก่อนจะยอมเดินตามแรงจูงของเขาไปเงียบ ๆ ระหว่างเดินสายตาก็คอยสำรวจรอบ ๆ ตัวไปด้วย ซึ่งไม่ว่าเขาจะพาเธอเดินผ่านบริเวณไหน คนแถวนั้นก็จะหันมามอง จนเธอเริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าการที่เธอทำเสื้อเขาเปื้อน ทำเครื่องดื่มของเขาเสียหายมันมีความผิดร้ายแรงอะไรรึเปล่า ทำไมคนถึงได้มองเธอกันนัก

“คุณจะพาฉันไปไหนคะ” เมื่อเดินมาได้สักพักแล้วเขายังไม่ยอมหยุดเดิมสักที ณิชกานต์จึงลองเสี่ยงถูกเขาดุ ถามเขาไป

“...”

“ไหนว่าจะพาฉันไปซักผ้าไงคะ แล้วนี่” เมื่อสองข้างทางเริ่มเต็มไปด้วยประตู ที่ดูเหมือนจะเป็นห้องพัก ณิชกานต์ก็เริ่มถ่วงน้ำหนักไม่ยอมเดินตามเขาไปง่าย ๆ ด้วยความหวาดระแวง

แต่มีหรือว่าแรงขัดขืนน้อย ๆ ของเธอจะสู้แรงของเขาได้

“ปล่อยนะ”

“หนวกหูน่า”

“ถ้าหนวกหูก็ปล่อยฉันสิ”

ผลัก ร่างบางถูกผลักให้ติดกับแพง พร้อมกับมือหนาที่กักเธอไว้ใต้ร่าง

“จะเดินไปกับซักผ้ากับฉันเงียบ ๆ หรือจะเรียกคนทั้งบาร์มาดูเธอซักผ้า”

“ปะ ไปเงียบ ๆ ค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel