บท
ตั้งค่า

3 สูญเสีย

มีเกิดก็ต้องมีดับ ท่ามกลางความโศกเศร้าของณิชากานต์

งานศพของผู้เป็นยายอันเป็นที่รักของเธอก็มีแต่เธอคนเดียวเท่านั้นที่จัดการดูแล ด้วยเงินที่ไม่ได้มีมากมายทำให้งานศพนั้นถูกจัดขึ้นจากเงินที่เธอทำงานพิเศษและเงินที่ชาวบ้านในละแวกและคุณครูให้ความช่วยเหลือ รวมถึงที่พี่สาวส่งมาสมทบเพิ่มจากค่าอาหารที่ตอนแรกให้เธอกับยายกินอาหารอร่อย ๆ กัน ฉลองที่เธอสอบติด กลับกลายเป็นว่าเงินส่วนนั้นต้องนำมาจัดงานศพของยาย...แม้แต่คำลาจากเธอยายก็ไม่อยู่รอฟัง

ใบหน้าหวานโศกเศร้าตลอดทั้งงาน เธอแทบจะปั้นยิ้มส่งให้แขกที่มาช่วยงานไม่ออก ในตากลมที่เคยสุกใสแดงก่ำ พยายามยืนอยู่ส่งแขก จนคนสุดท้ายกลับ เธอจึงค่อย ๆ เดินไปนั่งเก้าอี้อย่างอ่อนแรง แน่นอนว่าตลอดวันงาน เธอแทบไม่ได้กินข้าวด้วยซ้ำ ในตอนนี้เธอกินอะไรไม่ลงทันนั้น จะไปหากำลังใจจากผู้เป็นแม่ ก็ไม่รู้ว่าแม่อยู่ไหน ตั้งแต่ช่วยกันพายายไปส่งโรงพยาบาล และรู้ว่ายายเสียแล้ว เธอก็ไม่เห็นแม่อีกเลย ประโยคสุดท้ายที่เธอได้ยินจากปากแม่ก็คือ ฝากให้เธอจัดงานให้ยายด้วย ก่อนจะยัดเงินใส่มือให้เธอสองพันบาท

หลังจากเสร็จงาน ณิชกานต์ก็พาร่างกายอันอ่อนแรงของตัวเองกลับบ้าน ก่อนน้ำตาจะพรั่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อมองไปทางไหน ก็เห็นแต่ภาพตัวเองกับยายที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันไปทุกมุมของบ้าน ภาพที่แสนอบอุ่นหัวใจและปวดหน่วงในใจไปพร้อมกัน เมื่อเหตุการณ์เหล่านั้น มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว

ทว่าฟ้ายังกลั่นแกล้งเธอไม่พอ

“กลับมาแล้วหรอ” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ณิชกานต์รีบหันไปมองตามทันที ก่อนจะรีบถอยหลังหนี

“แก!”

“จะเดินหนีพ่อไปไหนล่ะหื้ม” ว่าพร้อมกับเดินเร็ว ๆ เข้ามาหา แน่นอนว่าสภาพร่างกายที่อ่อนแรงของณิชากานต์ไม่สามารถหนีไปไหนได้

“อย่าเข้ามานะ”

“หึ พ่อแค่คิดถึงลูกอยากกอดลูก ทำเป็นรังเกียจพ่อไปได้”

“แกไม่ใช่พ่อฉัน สารเลว ถอยออกไปนะ ไม่งั้นฉันจะฟ้องแม่”

“เหอะ แม่มึงหรอ ตอนนี้คงผีพนันเข้าสิงถลุงเงินประกันยายมึงอยู่บ่อน เงินไม่หมดเรียกหาแม่มึงจนคอแตกมันก็ไม่มาหรอ”

“ถึงมามึงคิดหรอว่ามันจะช่วยมึง หึ” ชัยยุตค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ๆ เรื่อย ๆ เช่นเดียวกับณิชกานต์ที่ขยับตัวหนีไปตามกำแพงบ้านเรื่อย ๆ เป้าหมายของเธอคือกำแพงบ้านที่อยู่ไม่ไกล อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น

หมับ

“จะหนีไปไหน คิดว่ากูโง่หรอ” มือหยาบกร้านคว้าเข้าที่ต้นแขนบอบบาง ก่อนเสียงของแก้วแตกจะดังขึ้นพร้อมกับภาพในหัวที่ตัดไป

เคร้ง!

“ไอสารเลว!” ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายล้มลงไปกับพื้น ณิชกานต์ก็ย่ำเท้าหนีทันที อย่างไม่คิดจะหันหลังกลับไปมอง

หญิงสาวในชุดกางเกงยีนสีอ่อน กับเสื้อยืดสีขาว บนไหล่บาง

มีกระเป๋าเป้ใบใหญ่สะพายอยู่ ใบหน้าหวานมีเหงื่อเกาะอยู่เต็มกรอบหน้า จนหลายครั้งที่สาวเจ้าต้องยกมือขึ้นปัดออก

หลังจากเกิดเหตุการณ์ในคืนนั้นขึ้นเธอก็ตระหนักได้ว่า บ้านที่

ไม่มียายอยู่มันไม่ปลอดภัยสำหรับเธออีกต่อไป เธอจึงตัดสินใจเข้าไปเก็บของในเช้าวันถัดมา หลังจากคืนนั้นที่เธอมาพักอาศัยอยู่ที่วัด แน่นอนว่าเธอนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน ตื่นเช้ามาดีที่แม่ชีบอกให้เธอทานข้าวทานปลาก่อนออกไป เธอจึงได้ทานอะไรรองท้องเพื่อให้มีแรงอยู่บ้าง แม้ว่าเธอจะทานอะไรไม่ลงเลย เพราะรู้สึกถึงความขมขื่นของชีวิต

มาถึงบ้านก็ต้องน้ำตาร่วงอีกครั้งเมื่อเงินที่เก็บออมไว้สำหรับเป็นทุนการศึกษานั้นหายไป เหลือเพียงบางส่วนที่เธอเก็บไว้อีกที่ซ่อนเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเงินที่หายไปเป็นฝีมือของใคร คงไม่พ้นแม่ของเธอกับไอแมงดานั่น จนบางครั้งเธอเองก็อยากจะรู้ว่าความโชคร้ายของเธอมันจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน มันจะมีอะไรเลวร้ายกว่าที่เธอเผชิญอยู่ไหม

หญิงสาวมองสิ่งที่เขียนในมือสลับกับทางตรงหน้าก็เริ่มหนักใจไม่รู้จะต้องไปทางไหนต่อ รถมันวิ่งไปมาเยอะไปหมดจนเธอเริ่มเวียนหัวสายรถเมล์ที่จดมาหลังจากลงรถไฟก็มีอยู่หลายสาย แต่ปัญหาคือเธอยังไม่เห็นที่ขึ้นเลย กระเป๋าบนหลังก็หนัก แดดก็ร้อน จนหลายครั้งที่เธอรู้สึกเหมือนตัวเองจะหน้ามืด

“หนูลูก”

“คะ”

“กำลังไปไหนหรอจ้ะ ป้าเห็นหนูเหมือนคนหลงทาง มาจากต่างจังหวัดหรอลูก” และก็เหมือนมีเสียงสวรรค์มาช่วยชีวิต อยู่ ๆ ก็มีคุณป้าที่ดูท่าทางใจดีเข้ามาทักและแนะนำเส้นทางให้กับเธอ พร้อมกับชี้แนะสายรถเมล์ให้ หากเธออยากไปที่ตรงนี้ ซ้ำทางที่เธอจะไปยังเป็นทางเดียวกับคุณป้า คุณป้าจึงชวนขึ้นรถเมล์ไปด้วยกัน

“ค่ะ หนูมาจากต่างจังหวัด หนูมาหาพี่สาวน่ะค่ะ”

“คุณป้าพอจะรู้จักที่ตรงนี้ไหมคะ”

“ตรงนี้หรอ ป้ารู้จักดีเลยล่ะ ป้าเองก็ทำงานอยู่แถวนั้น อีกไม่ถึงสิบนาทีรถเมล์ก็มาแล้ว ยังไงหนูขึ้นไปพร้อมป้าก็ได้”

“จริงหรอคะ ขอบคุณนะคะ”

“จ้ะ”

“ไม่สบายหรอลูก” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยเอ่ยถาม เมื่อเห็นหญิงสาวดูหน้าซีด ๆ

“หนูรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ”

“นี่ลูกยาดม ถ้าไม่ไหวก็หลับซักงีบก็ได้ ไว้ถึงป้ายแล้วป้าจะปลุกนะ”

“ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวรับยาดมมาอย่างไม่คิดอะไร ก่อนจะค่อย ๆ พักสายตาตามคำแนะนำ ทว่ารู้สึกตัวอีกที คุณป้าที่เคยบอกว่าจะพาเธอไปหาพี่สาวกลับไม่อยู่แล้ว

“คุณคะ สุดสายแล้วค่ะ คุณ คุณคะ”

“ค คะ” เสียงสะลึมสะลือเอ่ยถาม

“สุดสายแล้วค่ะ คุณจะลงตรงไหนคะ”

“ฉันจะลง...” ณิชกานต์ตอบไปตามข้อมูลที่ตัวเองหามาและท่องมันมาตลอดทาง ตามสติที่มีอยู่

“ตรงนั้นเลยมาห้าป้ายค่ะ ถ้าคุณจะกลับไปป้ายนั้นคุณต้องเปลี่ยนอีกสาย”

“อีกประมาณสิบนาทีจะมีพาคุณไปป้ายนั้น”

“ขอบคุณนะคะ”

“เอ่อ แล้วคุณป้าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ฉันล่ะคะ”

“ลงไปตั้งแต่ป้ายหกแล้วค่ะ”

“ระ หรอคะ ขอบคุณนะคะ” ได้ยินแบบนั้นณิชกานต์ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอมองโลกในแง่ดี เพียงคิดว่าคุณป้าอาจจะมีธุระ หรือไม่ก็ปลุกเธอแล้วแต่เธอไม่ได้ตื่น หารู้ไม่ว่าความมองโลกในแง่ดีของเธอนั้นจะนำมาซึ่งความลำบากให้เธอในอนาคต

ก่อนจะรีบเดินไปยังป้ายที่พี่กระเป๋ารถเมล์บอกเมื่อครู่ รอเพียงไม่นานรถเมล์ที่ว่าก็มาจริง ๆ ก่อนที่เธอจะขึ้นไป หลังจากจ่ายเงินค่าเดินทางเธอก็ถามรายละเอียดจากพี่กระเป๋ารถเมล์ พร้อมกับไล่มองทีละป้ายอย่างใจจดใจจ่อ ไม่ยอมละสายตาเลยแม้แต่นิดเดียว เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดอีก

ใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่ก็เดินทางมาถึงหอพักของพี่สาว ที่เธอจดมาจากกล่องพัสดุที่พี่สาวเธอส่งมาให้ มือบางหยิบเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง ตั้งใจจะกดส่งข้อความหาพี่สาว ว่าเธอนั้นมาถึงหอพักพี่แล้ว ทว่าแชทล่าสุดที่เธอส่งไปว่าจะขึ้นมาหาพี่ พี่ยังไม่ทันได้เปิดอ่านเลยด้วยซ้ำ

หญิงสาวคนหนึ่งที่ต้องเดินทางคนเดียวจากต่างจังหวัด เดินตากแดด จนใบหน้าที่เคยขาวอมชมพู นั้นแดงก่ำไปหมด ต้องนั่งรถพัดลมร้อน ๆ ท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด ไหนจะฝุ่นควันที่พัดมาตามลมยามรถวิ่งให้สูดดมได้ทุกเมื่อ ดีหน่อยที่ยังพอมีสลับกับรถปรับอากาศบ้าง แต่การเดินทางก็ไม่ได้สะดวกราบรื่นอยู่ดีเพราะเธอไม่ใช่คนพื้นที่ เธอเดินทางไม่เก่ง และเธอก็ไม่ได้ออกจากบ้านเดินทางคนเดียวแบบนี้บ่อยนัก

ทว่ากับชายหนุ่มอีกคน กลับนั่งเล่นโทรศัพท์อย่างสบายอารมณ์ไม่ต้องคิด ต้องเครียดให้ปวดหัวกับการเดินทาง ไม่ต้องไปนั่งเบียดเสียดกับใคร เพราะมีคนขับรถคอยรับส่งเขาแต่เพียงผู้เดียว หรือหากขับเองเขาก็แค่หัวเสียจากการที่รถติดก็เท่านั้น…

ใช้เวลาครู่ใหญ่ ในที่สุดณิชกานต์ก็สามารถมาถึงที่พักตามที่อยู่ในกล่องจดหมายได้ แต่ใบหน้าหวานกลับดูเศร้าหมอง เพราะตอนนี้ดวงอาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้าแล้ว หากเธอยังติดต่อพี่สาวไม่ได้ เกรงว่าคืนนี้เธอคงไม่มีที่ซุกหัวนอน และเด็กต่างจังหวัดพึ่งเข้าเมืองครั้งแรกอย่างเธอ..แน่นอนว่ามีความกลัวอยู่เต็มอก ไหนจะพึ่งผ่านเหตุการณ์เสียใจและเลวร้ายมาอีก ดวงตากลมใสเริ่มมีน้ำตาคลอหน่วยอีกครั้ง

“อ้าว นังหนู มายืนทำอะไรตรงนี้ มาหาหอพักหรือมาหาคนในหอ”

“มาหาคนในหอค่ะ”

“หาใครล่ะ หอนี้มีคนอยู่ไม่ใช่น้อย ๆ”

“มาหาพี่นันค่ะ...นี่ค่ะ คุณป้าพอรู้จักไหมคะ” ว่าพร้อมกับเปิดรูปพี่สาวในโทรศัพท์ให้คุณป้าที่น่าจะเป็นเจ้าของหอพักดู

“หนูเป็นน้องสาวของยัยนันหรอกหรอ ยัยนันทำงานอยู่บาร์ใกล้ ๆ นี้เอง”

“หรอคะ”

“นั่งวินตรงนั้นไปสี่สิบบาทก็ถึง จะไปหาหรือจะรออยู่นี่ล่ะ ถ้ารอป้าก็ไม่แน่ใจนะว่าวันนี้ยัยนันจะกลับรึเปล่า เพราะบางวันก็ไม่กลับห้อง”

“อืม...เดี๋ยวหนูไปบาร์ที่ป้าว่าก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”

“จ้ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel