2 อนาคต
ตั้งแต่จบมัธยมปลายในทุกวันณิชกานต์จะตื่นแต่เช้ามาช่วยยายของเธอทำขนมแล้วนำไปขายที่ตลาด แต่ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาเธอจะไม่เคยทำ ในทุก ๆ วันเธอจะตื่นมาช่วยยายทำขนมอยู่แล้วเพียงแต่ปิดเทอมเธอมีเวลามาช่วยยายขายได้
แน่นอนว่าเมื่อมีแม่ค้าสาวคนสวยมายืนขาย ขนมย่อมขายดีเทน้ำเทท่า ไม่รู้ว่าที่ขนมขายดีมาก ๆ เพราะขนมอร่อยจนคนติดใจหรือเพราะแม่ค้าสวยกันแน่
ส่วนผู้เป็นยายที่หวงหลานสาว ก็ได้แต่เอ่ยปากไหล่พวกไว้รุ่นที่มาทำหน้าหม้อใส่หลานสาวของตนจนเกินงาม
“สวัสดีค่ะครู” สองมือพนมยกขึ้นไหว้ครูประจำชั้นของตัวเอง ขณะกำลังช่วยยายจัดร้านขายขนมอยู่
“สวัสดีจ้ะ ได้ข่าวว่าติดคณะที่อยากเรียนแล้ว ครูดีใจด้วยนะ”
“ขอบคุณค่ะ” ณิชกานต์ปั้นยิ้มส่งให้วิภาครูประจำชั้นของตัวเอง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน มันช่างขมขื่นสำหรับเธอเหลือเกิน เส้นทางที่วางไว้ แม้มันจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เมื่อคืนแม่กลับทำให้มันมีขวากหนามเพิ่มมากขึ้น
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ มีปัญหาอะไรรึเปล่า” ครูที่มักจะสังเกตและเข้าใจเด็กอย่างวิภาเอ่ยถาม ซึ่งณิชกานต์นั้นในสายตาเธอเป็นเด็กเรียนดี ขยันและตั้งใจเรียนมาตลอด
“ก็แม่มันน่ะสิครู เมื่อคืนพูดไม่ให้มันเรียนต่อ ไม่ให้มันกู้เรียน มันเลยเสียกำลังใจ ฉันก็พยายามให้กำลังใจมันอยู่”
“การศึกษาสำคัญ เธอรู้ใช่ไหมณิชกานต์”
“ค่ะครู หนูรู้ค่ะ ระหว่างปิดเทอมหนูตั้งใจว่าจะหางานพิเศษทำเพื่อเป็นค่าเทอม”
“งั้นหลังขายขนมเสร็จมาหาครูที่บ้านนะ ครูมีงานพิเศษให้เธอทำ”
“จริงหรอคะครู ขอบคุณนะคะ”
“งั้นไว้เจอกันนะ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ นี่ค่ะขนมหนูแถมให้”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เธอเก็บไว้ขายเถอะ”
“ครูช่วยเหลือหนูมาตลอด ถึงมันจะไม่มีมูลค่ามากมายอะไร แต่หนูก็อยากให้มันกับครูค่ะ” ว่าพร้อมกับส่งยิ้มแล้วโค้งน้อย ๆ และยื่นถุงขนมไทยที่ตนตื่นมาช่วยยายทำตั้งแต่เช้าตรู่ให้ครู
“อีณิ” เสียงห้วน ๆ เอ่ยเรียกลูก สายตาไม่แม้แต่จะหันมองลูกเลยแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่สนใจทีวีและสามีที่กำลังนวดแขนให้ตนอยู่
“จ๋าแม่” ณิชกานต์ที่กำลังนั่งพับผ้าอยู่ตอบกลับไป ไม่ว่าแม้จะพูดจาไม่ดีกับเธอยังไงณิชกานต์ก็พูดเพราะตอบกลับไปเสมอ เธอหวังว่าสักวันแม่จะมองเห็นความสำคัญของเธอบ้าง
“ตอนเที่ยงพี่แอ๋วบอกกูว่ามีพัสดุของมึง แต่กูไม่ได้เอามาให้ อย่าลืมไปเอาล่ะ เผื่อพี่สาวมึงจะส่งของมาให้”
“พัสดุของณิหรอคะ”
“เออ”
“จ้ะ เดี๋ยวณิไปเอา”
“สรุปแล้วพี่สาวเราส่งอะไรมาให้ล่ะ” เสียงยายฉัตรเอ่ยถามหลานสาว ในระหว่างที่นั้นกำลังเตรียมใบตองสำหรับทำขนมอยู่
“ณิเองก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะยาย แต่ณิแกะใกล้เสร็จแล้วจ้ะ” เสียงหวานเอ่ยตอบผู้เป็นยาย ก่อนจะตั้งใจแกะกล่องพัสดุต่อ ซึ่งมันถูกห่อมาอย่างแน่นหนามากเลยทีเดียว
“โทรศัพท์จ้ะยาย พี่นันส่งโทรศัพท์มาให้” เสียงหวานดังขึ้นด้วยความดีใจ นี่ถือเป็นโทรศัพท์เครื่องแรกในชีวิตเธอเลยก็ว่าได้
“แล้วในกระดาษเขียนว่าอะไรบ้างล่ะ”
“พี่นันฝากความคิดถึงยายแล้วก็ฝากเงินมาให้ณิซื้ออาหารอร่อย ๆ มาให้ยายจ้ะ แล้วก็แสดงความยินดีกับณิที่ณิสอบติด” ใบหน้าสวยหวานยิ้นจนแก้มปริ ด้วยความปลาบปลื้มดีใจ ถึงแม่ผู้ให้กำเนิดจะไม่ยินดีใด ๆ กับเธอ แต่แค่พี่สาวและยายดีใจกับเธอมันก็เพียงพอแล้ว
“อย่างนั้นหรอ แล้วยายนันสบายดีใช่ไหม”
“วันก่อนที่ณิส่งข้อความพี่นันบอกสบายดีจ้ะ”
“งั้นณิเอาของไปเก็บก่อนนะจ๊ะยาย เดี๋ยวณิมาช่วยยายเตรียมของทำขนม”
“ไปเถอะลูก เก็บดี ๆ ล่ะ ช่วงนี้ขโมยขโจรมันเยอะ”
“จ้ะยาย”
กลางดึก
ร่างบางนอนหลับสนิทอยู่บนฟูกนอน หลังจากเหนื่อยจากการทำงานพิเศษและช่วยยายเตรียมของสำหรับทำขนม ก่อนจะมีเงาตะคุ่ม ๆ เดินเข้ามาในห้อง เงานั้นเดินผ่านร่างของหญิงสาวไป ก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับรู้ว่ามีของสำคัญซ่อนอยู่ในนี้
ใช้เวลาไม่นานก็ได้ของที่ต้องการ แต่ทว่าแสงจันทร์ที่สาดส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาให้ห้อง กระทบใบหน้าขาวเนียนของหญิงสาวทำให้ผู้บุกรุกในยามวิกาลต้องชักเท้ากลับหันมาสนใจลูกเลี้ยงของตน อันที่จริงเขาก็คอยแอบมองลูกเลี้ยงอยู่เสมอ ทว่ายายฉัตรนั้นคอยกันท่าและคอยปกป้องณิชาลูกเลี้ยงคนนี้อยู่เสมอ
“ยังพอมีเวลา” ไม่รอช้า เงาตะคุ่ม ๆ ก็เข้าไปใกล้หญิงสาวที่นอนหลับใหลอยู่ทันที ก่อนจะย่อตัวลงข้าง ๆ เพื่อจะได้ดูใบหน้าสวยหวานของลูกเลี้ยงชัด ๆ
“สวยจริง ๆ พี่สาวแกก็สวยเสียดายที่มันรู้มากไปหน่อย” ว่าแล้วก็เตรียมยื่นมือไปสัมผัสใบหน้านวล ทว่าเสียงที่ดังอยู่ภายนอกทำให้ต้องรีบชักมือกลับ
โคร้ม!
“โอ้ย”
เสียงที่ดังขึ้นปลุกให้หญิงสาวตื่นขึ้นทันที ก่อนจะต้องชะงักเมื่อเห็นชายตรงหน้า
“แก! แกเข้ามาทำอะไรที่ห้องฉัน”
“หึ ถามโง่ ๆ”
ผลัก
“สารเลว!” สองมือออกแรงผลักชายตรงหน้าทันที ก่อนจะรีบวิ่งไปทางประตูห้อง เมื่อได้ยินเสียงเบา ๆ ของยายที่เหมือนกำลังร้องขอความช่วยเหลืออยู่
“ยาย!” วิ่งมาถึงก็ต้องร้องออกมาด้วยความตกใจ ร่างบางรีบถลาเข้าไปหาผู้เป็นยายที่นอนร้องเจ็บปวดจนแทบไม่มีเสียงอยู่บนพื้นทันที
“ยะ ยาย มันเกิดอะไรขึ้น คะ ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยยายณิด้วย” เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังไปทั่วบริเวณจนเปรมจิตรที่ยืนรอชัยยุตสามีเด็กของตนอยู่ด้านนอกต้องเข้ามาดู
“แม่!”
