24 เปลี่ยนแปลง
การมีผู้อยู่อาศัยร่วมชายคาเพิ่มขึ้น ทำให้ชีวิตประจำวันของณิชกานต์เปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว จากที่ทำอาหารง่าย ๆ กินคนเดียวก็ต้องทำเผื่อเขาด้วย เขาที่กินอยากเหลือเกิน อันนั้นก็ไม่กิน อันนี้ก็ไม่ชอบ
จนบางทีเธอก็งงเหมือนกันว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ขออยู่อาศัย
“ฉันพึ่งรู้ว่าเธอทำอาหารเป็นด้วย” นั่นคือประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอ ในเย็นวันแรกที่เธอลงมือทำอาหารให้เขาทาน
“ไม่ใช่แค่ทำเป็นนะคะ ฉันยังทำอร่อยด้วย”
“หึ ให้มันจริง ฉันเป็นคนกินยากนะขอบอก”
“ถ้าอาหารไม่อร่อยฉันจะกินคนทำอาหารแทน”
“คุณมาร์วิน!” ได้ยินแบบนั้นก็ส่งค้อนวงใหญ่ให้เขาในทันที
แต่ท่าทางของเธอในสายตาเขามันกลับทำให้เขาหัวเราะเบา ๆ
“หึ”
ไม่ใช่แค่อาหารการกินเท่านั้นที่เปลี่ยน ตั้งแต่แผลเขาเริ่มหายดี ความใกล้ชิดระหว่างเขาและเธอก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่สิ ทุกอย่างมันเริ่มตั้งแต่วันแรกที่เขารู้สึกตัวด้วยซ้ำ เขามักจะเอาตัวเองมาอยู่ใกล้ ๆ เธอ สวมกอดเธอจากด้านหลังเวลาเธอทำกับข้าว ดึงเธอไปจูบก่อนจะนอน
ยิ่งเขาเข้าใกล้เธอมากเท่าไหร่ มันก็เหมือนกับการเติมน้ำมันให้ไฟ สุดท้ายก็เกิดเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้น
และครั้งนี้มันไม่ได้เกิดจากพันธสัญญา หรือข้อตกลงเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา ทำให้เธอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขาอย่างไม่คิดจะหักห้ามความรู้สึก
“อีกสองวันค่อยส่งรถมาให้กู” เสียงเข้มพูดกับปลายสาย โดยสายตาก็คอยมองทางประตูอยู่ตลอดกลัวว่าเจ้าของที่พักจะเปิดเข้ามา อันที่จริงเขาคอยติดต่อกับลูกน้องอยู่ตลอด และมันก็ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องไปจากที่นี่
“คุณมาร์วินคะ กับข้าวเสร็จแล้วค่ะ” เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้มาร์วินตัดสายจากลูกน้องไปทันที ก่อนจะเกิดประตูออกไปหาเจ้าของเสียง
“เรียกฉันเซนต์เฉย ๆ ก็ได้” เขาบอกก่อนจะดึงเอาคนตัวเล็กเข้ามากอด พร้อมกับจุมพิตที่ศีรษะเธอเบา ๆ
“คะ?”
“ฉันชื่อเซนต์ ฉันบอกว่าเธอเรียกเซนต์เฉย ๆ ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเรียกฉันว่าคุณมาร์วินเหมือนคนอื่น ๆ”
“เซนต์หรอคะ?” เธอเอียงคอหันหน้าไปถามเขา ก่อนที่เขาจะพยักหน้าตอบ ซึ่งชื่อที่เขาว่านั้นมันรู้สึกคุ้นหูเธอชอบกล ไม่รู้ว่าไปเคยได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหน
“ส่วนเธอก็ชื่อณิชาสินะ”
“ค่ะ แต่คนในครอบครัวจะชอบเรียกฉันว่าณิ ฉันเองก็ชอบแทนตัวเองว่าณิเหมือนกัน”
“ไหน ๆ ฉันก็ให้เรียกว่าเซนต์แล้ว เธอก็แทนตัวเองว่าณิกับฉันแล้วกัน”
“คะ?”
“ตามนี้...แต่ว่าช่วงนี้เธอดูมีน้ำมีนวลขึ้นนะ เวลาฉันกอดเธอมันแน่น ๆ กว่าเมื่อก่อน”
“นี่คุณจะว่าฉันอ้วนหรอคะ” ได้ยินแบบนั้นก็ส่งค้อนวงใหญ่ให้เขาทันที
“ไม่มีคำว่าอ้วนสักคำ”
“ก็กินข้าวด้วยกันทุกมื้อ ถ้าฉันอ้วนคุณก็อ้วนขึ้นเหมือนกัน” เธอว่าอย่างงอน ๆ
“จะอ้วนได้ไง ก็ฉันออกกำลังกายทุกคืน” ว่าแล้วก็กระตุกยิ้มร้ายให้เธอเห็นอย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะช้อนตัวเธอขึ้นอุ้ม
“ตอนนี้ฉันไม่หิวข้าวแล้ว”
“ไม่นะคะ แต่ฉันหิว”
“งั้นก็กินฉันแทนแล้วกัน หึ”
วันเวลาแห่งความสุขระหว่างเธอระหว่างเขาและเธอผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะคืนก่อนที่มาร์วินจะกลับ มีกลุ่มชายชุดดำบุกเข้าห้อง ในขณะที่เขากำลังนอนก่อนร่างนุ่มนิ่มของเธออยู่ ความประสาทไวของเขา ทำให้เขากอดเธอหลบคมมีดที่กำลังแทงเข้ามาหมายจะปลิดชีพได้อย่างหวุดหวิด
“อือ”
“อยู่นิ่ง ๆ แล้วเธอจะปลอดภัย” เขาว่าบอกคนตัวเล็กในอ้อมกอดที่กำลังรู้สึกตัว ก่อนจะหยิบเอาปืนเก็บเสียงใต้หมอนออกมาเพื่อต่อสู้กับคนร้าย ผ่านความมืด
มือหนึ่งก็โอบกอดคนตัวเล็กไว้ อีกมีก็คอยหวดแขน ปล่อยหมัด ใส่คนร้าย รวมถึงขาที่เขาก็ยกขึ้นแตะถีบอย่างไม่ออมแรง จนสุดท้ายเขาก็จัดการกับพวกมันได้หมด
“ใครส่งพวกมึงมา”
“กูจะนับถึงสาม” ปลายกระบอกปืนจ่อไปที่หัวของคนร้ายคนสุดท้ายที่ยังมีลมหายใจอยู่
“สาม” ปัง ถึงมันไม่พูดเขาก็พอจะเดาออกว่าใครเป็นคนส่งพวกมันมา เพียงแต่เขาคิดว่าแผนตบตาที่ทำมันใช้ได้ผล แต่เปล่าพวกมันรู้ว่าเขาไม่ได้นอนเป็นผักอยู่โรงพยาบาล ตามหาตัวเขาจนเจอ ก่อนจะส่งคนมาเก็บเขาต่อ เขาคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว รวมถึงเธอด้วย
“อือ มีอะไรรึเปล่าคะ”
“เราต้องไปจากที่นี่”
“ไปไหนหรอคะ” ดูเหมือนว่าคนหลับลึกสติยังกลับมาไม่เต็มร้อย จนเขาจัดการคนร้ายเสร็จหมดแล้วเธอก็ยังไม่รู้เรื่อง
“ไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย”
“ฉันไม่เข้าใจ”
พรึบ
“กรี๊ด!!” พอเขาเปิดไปเท่านั้นแหละ เธอก็กรีดร้องขึ้นมาในทันที เมื่อสภาพห้องมันเละเทะไปหมด ไหนจะชายชุดดำราว ๆ ห้าคนที่นอนนิ่ง เลือดอาบอยู่บนพื้นนั่นอีก
“นะ นี่มันอะไรกันคะ” จากที่สะลึมสะลือ ก็ตื่นเต็มตาในทันที
“ยังอยากอยู่ที่นี่อีกไหม” แทนที่เขาจะตอบคำถามเธอ เขากลับถามเธอกลับ
“คุณเซนต์...” เธอหันมองหน้าเขาทันที เมื่อเขาพูดแบบนี้
“ไปกับฉัน” ว่าแล้วก็ดึงมือเธอให้เดินตามไป
“ถ้าไม่อยากตายก็รีบเดินตามฉันมา” ไม่มีคำพูดปลอบโยนหรือปลอบใจกับเหตุการณ์ขวัญเสียใด ๆ ทั้งนั้น มีแต่ความเร่งรีบที่เขากำลัง
ทำอยู่ เขาลืมที่จะถนอมดวงใจดวงน้อยของเธออีกแล้ว
“ตอนนี้เธอก็พักอยู่ที่นี่ไปก่อน ไว้ทุกอย่างมันจบลงแล้วฉันจะให้เธอกลับไปอยู่ที่เดิม”
“แต่เวลาในช่วงซัมเมอร์ฉันจะหมดแล้วนะคะ”
“งั้นฉันจะส่งเธอกลับไทย โอเคไหม”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอยืมโทรศัพท์คุณหน่อยได้ไหมคะ” เมื่อมาอยู่ในที่ของเขาเธอจะรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กลงไปทุกครั้ง สถานที่หรูหรา ตกแต่งอย่างมีระดับมันไม่เหมาะกับเธอเลย
“เอาไปทำไม” เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า แต่ก็ยังไม่ยอมยื่นมันให้เธอ ดวงตาคมหรี่ลงเพื่อจับผิด
“ฉันจะโทรบอกพี่ภูมิค่ะ ว่าฉันมาอยู่กับคุณ แล้วก็บอกว่าเมื่อคืนมีโจรบุกห้อง เดี๋ยวพี่ภูมิจะเป็นห่วง”
“ทำไมต้องบอกมันด้วย”
“ก็เขาเป็นเจ้านายฉันนี่คะ ถ้าไม่มีพี่ภูมิฉันก็ไม่มีโอกาสได้มาอิตาลี ถ้าไม่มีพี่ภูมิคุณก็คง...”
“ฉันจะทำไม” พอเธอเริ่มพูดถึงผู้ชายคนอื่นมากเข้า เขาก็เริ่มอารมณ์ขุ่นเคืองขึ้นมาทันที
“ตอบมาสิ ว่าถ้าไม่มีพี่ภูมิอะไรของเธอนั่น ฉันจะทำไม” เขาพูดพร้อมกับไล่ต้อนเธอไปจนแผ่นหลังเธอชิดกำแพง
“ก็จะไม่คนช่วยตอนที่คุณบาดเจ็บ ตะ ตอนนั้นไงคะ”
“ถึงเธอไม่ช่วยฉันไว้ ลูกน้องฉันก็มาช่วยฉันอยู่ดี แล้วฉันก็จะไม่ขอบคุณมันด้วย”
“อ้อแล้วก็อย่าพูดชื่อมันให้ฉันได้ยินอีก” มือหนาของเขาจับคางเธอเบา ๆ ให้เธอเงยหน้าขึ้นมองในสิ่งที่พูด ให้เธอได้เห็นว่าเขารู้สึกไม่พอใจ เวลาเธอพูดถึงคนอื่น
“ค ค่ะ” เพราะสายตาที่ดูน่ากลัวของเขา ทำให้เธอพยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย
“เด็กดี” เมื่อเห็นเธอเชื่อฟังมือหนาที่เคยบีบคางเธออยู่ก็เปลี่ยนมาลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน ทำไมนะ ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกดีกับการกระทำแบบนี้ของเขาเลย
...
“เดี๋ยวนี้เวลาจะออกมาเจอกันคุณดูลำบากใจนะ” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายหญิงสาวที่สวมแว่นกันแดดสีชา ที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“ฉันไม่เคยเต็มใจออกมาเจอคุณ รู้เอาไว้ด้วย”
“แต่ถ้าเป็นคู่หมั้นเธอ คงจะเต็มใจสินะ”
“อ้อ ไม่ใช่แค่เต็มใจที่จะไปหามัน แต่คงจะเต็มใจอ้าขาให้มันเอาด้วย”
เพี้ย! จบคำพูดใบหน้าคมก็หันไปตามแรงตบทันที
“หยาบคาย! ในหัวคุณมันมีแต่อะไรสกปรก ๆ สินะ”
“มันจะมากไปแล้วนะเคท”
“มันไม่มีอะไรมากไปหรอก เพราะฉันเริ่มทนไม่ไหวกับสิ่งที่คุณบังคับให้ฉันทำแล้วเหมือนกัน” เมื่อความเข้มแข็งเริ่มเกิด ความอดทนเริ่มหมดลง เธอก็ไม่อยากจะแคร์อะไรอีกแล้ว เพราะเธอมีอีกชีวิตที่ต้องดูแล แม้ว่าเธอไม่อยากจะทำแบบนี้เลยก็ตาม
“ถ้าคุณอยากให้เลือดเนื้อเชื้อไขของคุณมีโอกาสได้ลืมตาดูโลก
ก็ปล่อยฉันกับลูกไปซะ”
“มะ หมายความว่ายังไง” เมื่อได้ยินแบบนั้นสารัฐก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“ฉันท้อง นี่คือผลตรวจ” เธอโยนกระดาษผลตรวจไปตรงหน้าเขา
“ถ้าคุณยังมีความเป็นคนอยู่ ก็ปล่อยฉันกับลูกไปซะ”
“เหอะ ลูกฉันรึเปล่าก็ไม่รู้ ดีไม่ดีเด็กนี่อาจจะเป็นลูกของไอเซนต์มันก็ได้”
“คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อ มันก็เรื่องของคุณ ถ้าคุณจะปล่อยคลิปนั่นก็เรื่องของคุณ เพราะฉันไม่สนใจอะไรอีกแล้ว” ว่าแล้วก็สะพายกระเป๋า
ลุกขึ้น เตรียมเดินจากไปจากที่นี่ทันที
“เดือนหน้าเธอก็จะแต่งงานกับไอเซนต์มันแล้วหนิ ถ้าเธอพิสูจน์ได้ว่าเด็กนี่เป็นลูกฉัน บางทีฉันอาจจะไม่ตามตอแยเธออีก”
“อยากรู้จริง ๆ ว่าไอเซนต์มันจะทำหน้ายังไงที่รู้ว่าเองต้องเลี้ยงลูกชู้ หึ”
“อย่างที่ฉันบอก ถ้าคุณยังไม่เลิกวุ่นวายกับฉันบางทีเด็กคนนี้อาจจะไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลกก็ได้”
“เด็กคนนี้เป็นลูกใคร คุณรู้อยู่แก่ใจดีคุณสารัฐ” เคทเทอร์รีนพูดทิ้งท้ายไว้เท่านี้ ก่อนจะเดินจากไป ทว่าพอพ้นออกมาจากร้านแล้ว น้ำตาเม็ดโตก็หยดแหมะลงบนแก้มนวลทันที เธอพยายามแล้วที่จะเข้มแข็งพยายามแล้วจริง ๆ
หลังจากที่บอกกับเขาว่าตัวเองท้อง เธอก็เตรียมใจไว้แล้วว่าผลมันจะออกมาไม่ดี แต่ไม่คิดว่าเขาจะเลวร้ายขนาดที่คิดให้มาร์วินเป็นคนรับผิดชอบลูกในท้องของเธอ ทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างมันเกิดจากการกระทำเลว ๆ ของเขาทั้งหมด เธอทำร้ายมาร์วินมามากพอแล้ว เธอไม่หน้าด้านพอที่จะให้เขารับผิดชอบเด็กคนนี้อีก
ลูกคนเดียวเธอเลี้ยงได้ ก่อนที่เธอจะมาพูดกับเขาในวันนี้
เธอวางแผนในอนาคตเธอไว้แล้วประมาณหนึ่ง อันที่จริงมันมีสองทางที่เธอคิดไว้ คือหนึ่งเขาจะกลับใจ สองคือเป็นเธอเองที่ต้องจากไปเพื่อยุติปัญหาต่าง ๆ
