บท
ตั้งค่า

23 อีกมุม

เสียงปืนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ พร้อมไปด้วยเหล่าชายชุดดำมากมายที่ล้อมหน้าล้อมหลังไว้

“เอาของไปส่งให้พ่อก่อน ที่เหลือเดี๋ยวกูจัดการเอง”

“นายเป็นคนเอาไปให้นายใหญ่เองเถอะครับ เดี๋ยวผมคุ้มกันหลังให้”

“กูบอกให้มึงไปก็ไปสิวะ พวกมันเยอะขนาดนี้ปล่อยมึงไว้มึงก็เป็นผีเฝ้าที่นี่กันพอดี เดี๋ยวกูจะล่อมันไปอีกทางมึงเอาของไป”

“พอออกไปได้แล้วค่อยส่งคนมาช่วยกู”

“ไปสิวะ!” เสียงเข้มประกาศกร้าว ก่อนจะบอกลูกน้องส่วนหนึ่งให้เดินตามไป วันนี้เขาได้รับภารกิจจากพ่อให้มาคุ้มกันการส่งของโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ แต่ไม่คิดว่าจะถูกมาเฟียอีกแก๊งมาตลบหลัง คิดจะชุบมือเปิบแย่งของไป แล้วมีหรือที่คนอย่างเขาจะยอมง่าย ๆ

ปัง ปัง ปัง

“คนของมันมีประมาณเท่าไหร่” เสียงเข้มเอ่ยถามลูกน้อง ส่วนในมือตอนนี้เขากำลังเปลี่ยนปลอกกระสุนอยู่อย่างชำนาญ

“ไม่ต่ำกว่ายี่สิบครับ”

“พวกมึงไปทางนู่น เดี๋ยวกูไปทางนี้” เขาออกคำสั่งอีกครั้ง

“ให้พวกผมตามนายไปสักคนเถอะครับ ถ้านายเป็นอะไรขึ้นมา นายใหญ่ไม่เอาพวกผมไว้แน่”

“ใครเป็นเจ้านายใครเป็นลูกน้องกันแน่วะ!”

“ไป!” เสียงเข้มออกคำสั่งกับลูกน้องเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะแยกตัวไปคนเดียว

เขาค่อย ๆ ไล่เก็บลูกน้องของศัตรูในระยะใกล้ไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะมีดพกสั้นหรือหมัดมวย เขาก็นำมันมาใช้

อีกคนกำลังเคร่งเครียดกับการต่อสู้ ส่วนอีกคนก็กำลังถือถุงขยะเอาออกมาทิ้ง ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี เธอมาอยู่ที่นี่ได้อาทิตย์กว่าแล้ว การปรับตัวทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่น คนที่นี่เอ็นดูและใจดีกับเธอมาก

“วันนี้ทำอะไรกินดีน้า” ระหว่างกำลังจะโยนถุงขยะลงถังณิชกานต์กับพูดกับตัว

ตุ๊บ

“อั๊ก”

“สะ เสียงอะไรน่ะ” เสียงหวานร้องออกมาด้วยความตกใจ เกิดความกลัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่เธอก็เดินอ้อมไปยังอีกฝั่งของกองขยะเพื่อดูที่มาของเสียง ก่อนจะพบกับชายหนุ่มที่นั่งพิงกำแพงอยู่ เขาก้มหน้ามือเขานั้นกำลังกุมท้องอยู่ เหมือนเขากำลังได้รับบาดเจ็บ

เธอหันมองซ้ายขวาอย่างไม่รู้จะทำยังไง ก่อนจะตัดสินใจถามเขาออกไป ว่าเขาต้องการความช่วยเหลือไหม ให้เธอเรียกรถพยาบาลให้

รึเปล่า และเมื่อเขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นเธอถึงกลับผงะถอยหลัง

“ค คุณมาร์วิน” เมื่อเห็นว่าเป็นเขาก็พุ่งตัวเข้าไปนั่งข้าง ๆ

เขาทันที ก่อนจะเอ่ยเรียกเขาอีกครั้ง ให้เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ สภาพตอนนี้เขาดูไม่จืดเลย หน้ามีแผลฟกช้ำ คิ้วก็ดูเหมือนจะแตกด้วย

“ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะมันเกิดอะไรขึ้น” มือบางอันสั่นเทาค่อย ๆ ยื่นไปเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าให้เขา

“อือ ณิชาหรอ”

“ค่ะ ฉันเอง”

“ฉันคงฝันไปสินะ...” เขาพูดเหมือนคนไม่เหลือสติอยู่เลย

“คุณมาร์วิน! คุณได้ยินฉันไหมคุณอย่านิ่งไปแบบนี้สิ”

“คุณมาร์วิน คุณมาร์วิน!”

“เลือด! ทำไมคุณถึงเลือดออกเยอะแบบนี้ล่ะคะ ทำใจดี ๆ ไว้นะคะ ฉันจะไปตามคนมาช่วย” มือที่เคยเขย่าแขนเขาเมื่อดึงออกก็สั่นในทันที เมื่อมองมือตัวเองแล้วมันชุ่มไปด้วยเลือด

“ขาดเหลืออะไรก็บอกพี่นะ”

“ค่ะพี่ภูมิ” หลังจากประตูห้องปิดลงแล้ว ณิชกานต์ก็รีบเดินกลับไปหามาร์วินที่ยังไม่ได้สติอยู่บนเตียงทันที เพราะที่ที่เธออยู่ค่อนข้างจะห่างจากโรงพยาบาลอยู่พอสมควร เมื่อเธอโทรไปขอความช่วยเหลือจากพี่ภูมิ พี่ภูมิเลยพาแฟนที่เป็นมาด้วย แต่พอตรวจดูอาการเบื้องต้นแล้วพอจะรักษาได้ไม่ต้องไปโรงพยาบาล แฟนพี่ภูมิเลยทำการเย็บแผลแล้วปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ก่อน ถ้าเขารู้สึกตัวค่อยไปตรวจละเอียดที่โรงพยาบาลอีกที

“ไม่เจอกันตั้งหลายเดือน ทำไมกลับมาเจอกันอีกครั้งคุณได้มีแผลเต็มตัวแบบนี้ล่ะคะ” พูดไปก็ค่อย ๆ เช็ดตัวให้เขาไปอย่างเบามือ

กลัวว่าเขาจะเจ็บเพิ่มอีก

เมื่อเช็ดตัวให้เขาเสร็จแล้วเธอก็ไปเตรียมอาหารให้เขาต่อ เผื่อว่าเขารู้สึกตัวแล้วหิว จะได้ให้เขากินยาด้วย แต่สุดท้ายตลอดทั้งคืนเขาก็ไม่รู้สึกตัวเลย แน่นอนว่าเธอหลับ ๆ ตื่น ๆ คอยเช็ดตัวและเฝ้าไข้เขาตลอดคืน

“ไว้ตอนเที่ยงฉันจะกลับมาหานะคะ” เสียงหวานพูดบอกคนที่นอนอยู่บนเตียง พร้อมกับเขียนโน้ตทิ้งไว้ข้างชามข้าวต้มให้เขาได้อ่าน

หากเขารู้สึกตัวขึ้นมา ใจจริงเธออยากจะอยู่เฝ้าเขาต่อ แต่ว่าเธอมีงานที่ต้องทำ จะลางานเพื่อมาดูแลเขาอย่างเดียวก็เกรงใจพี่ภูมิ

ลับหลังณิชกานต์ไปได้ไม่นาน คนที่นอนไม่สติเกือบวันก็รู้สึกตัวขึ้น

“ปวดหัวชะมัด” เขาค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะกวาดสาย ๆ ไปรอบ ๆ เพื่อดูว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

ในตอนแรกที่รู้สึกตัว เขาคิดว่าตัวเองนั้นอยู่ที่บ้าน แต่พอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ มันกลับไม่ใช่ หรือลูกน้องเขามาเจอตัวเขาแล้วจะพาเขาไปรักษาตัวที่อื่น จะว่าที่กบดานก็ไม่ใช่

เมื่อเริ่มเรียกสติได้แล้วเขาก็ตัดสินใจลุกขึ้นเดินสำรวจรอบ ๆ

ห้องทันที แม้จะรู้สึกเจ็บบริเวณต้นแขนที่เคยถูกแทง แต่ก็พยายามกัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้ แผลแค่นี้เขาไหวอยู่แล้ว หนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดก็ยังผ่านมันมาได้

เดินสำรวจไปสักพัก คิ้วหนาก็ค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันเรื่อย ๆ เพราะมันมีแต่ของใช้ของผู้หญิงเต็มไปหมด ก่อนสายตาจะไปสะดุดกับชามข้าวและกระดาษโน้ตที่ถูกติดไว้ใกล้ ๆ กัน

“ฉันทำโจ๊กไว้ให้คุณ ถ้าตื่นแล้วก็ทานได้เลยนะคะ ตอนเที่ยงฉันจะแวะเอาข้าวมาให้อีก ณิชา” แน่นอนว่าข้อความท้ายกระดาษทำให้เขารู้สึกใจเต้นขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่กล้ากินมันอยู่ดี ไม่รู้ว่าณิชาท้ายจดหมายคือคนคนเดียวกับณิชาที่เขารู้จักรึเปล่า แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเธอ เพราะเธอกับเขาห่างกันคนละซีกโลก อยู่นี่เขามีศัตรูเยอะแยะไปหมด การระวังตัวเองมาก ๆ มันทำให้เขามีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้

หันมองนาฬิกาที่ผนังห้องก็เห็นว่ามันใกล้เที่ยงตามที่โน้ตบอกแล้ว มาร์วินเดินเข้าไปในครัวก่อนจะหยิบเอามีดมาเป็นอาวุธไว้ป้องกันตัวทันที

ผลัก ประตูถูกผลักเข้ามา พร้อมกับร่างบางที่ถือถุงอาหารมาด้วย ทว่าถุงเหล่านั้นต้องหล่นไปกองกับพื้นทั้งหมดเมื่ออยู่ ๆ เธอก็ถูกล็อคตัวจากด้านหลัง พร้อมกับมีดปลายแหลมที่จี้คออยู่

“กรี๊ด!!” เสียงหวานกรีดร้องขึ้นมาในทันที เมื่ออยู่ ๆ ก็ถูกล็อคตัวแบบนี้ ไหนจะมีดที่พร้อมปลิดชีพเธออยู่ตลอดนี่อีก

“ฉะ ฉันยอมแล้ว จะขโมยอะไรก็เอาไปเลย ฉันกลัวแล้วฮึกฮือ”

“เธอ...” เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู มือหนาที่ล็อคตัวเธออยู่ ก็ค่อย ๆ คลายออก ก่อนจะจับตัวเธอหันเข้าหาตัว เพื่อมองหน้าเธอชัด ๆ ว่าใช่คนเดียวกับที่เขาคิดรึเปล่า และมันก็ใช่จริง ๆ เป็นไปได้ยังไงกัน เธอมาอยู่ตรงหน้าเขาได้ยังไงกัน...หรือว่าเขาจะฝันไป

“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ” เปลือกตาบางยังคงปิดลงไม่ยอมเปิดขึ้นมองสิ่งรอบตัวเลยแม้แต่น้อย เพราะความกลัวขึ้นจับใจ

“ณิชา ลืมตาขึ้นมามองหน้าฉัน” น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้ณิชกานต์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองตามสิ่งที่ได้ยิน

“คุณมาร์วิน” เมื่อเห็นว่าเป็นเขาเธอก็รีบโผลเขากอดเขาในทันที

ส่วนคนถูกกอดอย่างไม่ทันตั้งตัวก็ได้แต่กัดฟันไว้แน่น เพราะรู้สึกสะเทือนแผล แต่เขาก็ไม่อยากผละเธอออก ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคิดถึงร่างนุ่มนิ่มนี้มากจริง ๆ

“คุณรู้สึกตัวแล้วหรอคะ” หลังจากกอดเขาจนสงบสติได้แล้ว

ก็ค่อย ๆ คลายกอดจากเขา ก่อนจะยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาตัวเองไปด้วย

“อื้ม แล้วทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้” นี่เป็นสิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุด

“ฉันมาทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่ค่ะ เมื่อวานฉันไปทิ้งขยะแล้วเจอคุณก็เลยพาคุณมารักษาตัวที่นี่” เธออธิบายให้เขาฟัง

“เธอไม่ได้พาฉันไปโรงพยาบาลใช่ไหม”

“ยังไม่ได้พาคุณไปค่ะ แต่แฟนพี่ภูมิบอกว่าถ้าคุณรู้สึกตัวแล้วค่อยพาคุณไป”

“คุณจะไปโรงพยาบาลเลยไหมคะ เดี๋ยวฉันไปยืมรถพี่ภูมิมาให้”

“ฉันไม่ไป แต่ขอฉันอยู่ที่นี่สักพักได้รึเปล่า” เขาถาม ก่อนที่มือข้างหนึ่งจะรั้งเอวบางเข้ามาประชิดตัว เพื่อเป็นการกดดันให้เธอตอบตกลง

“ดะ ได้ค่ะถ้าคุณต้องการ...แต่ว่าคุณจะไม่ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูให้แน่ใจหน่อยหรอคะ”

“ถ้าเธออยากเห็นฉันมีลมหายใจอยู่ ก็อย่าคิดพาฉันไปโรงพยาบาล”

“ทำไมล่ะคะ”

“เธอคงจะเห็นแผลบนตัวฉันแล้ว” เขาเบนสายตามาที่หน้าอกของตัวเอง ที่ตอนนี้ไม่มีเสื้อผ้าสวมอยู่ มีแค่ผ้าพันแผลเท่านั้น ซึ่งบางอันก็มีเลือดซึมออกมา

“ค ค่ะ”

“พวกที่มันทำร้ายฉัน ถ้ามันรู้ว่าฉันอยู่ที่ไหนมันไม่ปล่อยฉันไว้แน่ อีกอย่างมันก็รู้ว่าตอนนี้ฉันบาดเจ็บ มันคงส่งคนไปเฝ้าตามเก็บฉันเต็มโรงพยาบาลแล้ว”

“ขืนไปโรงพยาบาลตามที่เธอบอก แค่ฉันก้าวขาลงจากรถฉันคงได้ไปเยี่ยมยมบาลสมใจพวกมัน”

“มันรุนแรงขนาดนั้นเลยหรอคะ”

“ทำไม คำพูดฉันมันดูไม่น่าเชื่อถือรึไง” เขาถามเธอ พร้อมกับโน้มหน้าเขาไปใกล้ ๆ จนเธอต้องเอนตัวหนี ซึ่งก็หนีไปไหนไม่ได้ไกล เพราะเอวถูกเขาโอบไว้อยู่

“ปะ เปล่าค่ะ”

“ฉันสัญญาว่าถ้าเสร็จเรื่องแล้วฉันจะไป”

“ค่ะ...แต่ว่าตอนนี้คุณช่วยปล่อยฉันก่อนได้ไหมคะ”

“ไม่เจอกันไม่กี่เดือนรังเกียจฉันแล้วหรอ หึ” นอกจากเขาจะไม่ยอมปล่อยแล้ว เขายังกระชับอ้อมแขนให้ตัวติดเธอมากกว่าเดิม

“คือฉันต้องไปทำงานต่อ แล้วฉันก็จะเอาข้าวให้คุณกินด้วย”

เธอว่า ก่อนจะชี้มือไปยังถุงกับข้าวที่ตกอยู่บนพื้น

“เชิญ” ได้ยินแบบนั้นเขาก็คลายอ้อมกอดทันที ก่อนจะมายืนกอดอกพิงผนังดูเธอเอาอาหารใส่จานให้

“ฉันไปทำงานก่อนนะคะ” หลังจากจัดอาหารใส่จานให้เขาแล้วเธอก็พูดขึ้น

“แล้วเธอไม่กินหรอ”

“เดี๋ยวฉันกลับไปกินที่ร้านค่ะ”

“คุณอยากได้อะไรไหมคะ ขากลับจากทำงานฉันจะได้ซื้อมาให้”

“เสื้อผ้าซักสองสามชุดก็ดี เธอคงรู้ไซต์ของฉันใช่ไหม” เขาว่าพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปาก

“ใครจะไปรู้เล่า” เธอตอบกลับเขาเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินออกจากห้อง

“หึ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel