25 ท้อง
“อุบอ๊วก” เสียงดังโครกคร้ากทำให้คนที่กำลังนอนหลับสบาย รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้า หันมองข้างกายก็ไม่เห็นคนตัวเล็กนอนอยู่
เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปตามเสียง
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“อรึก ฉันแค่รู้สึกขมคอนิดหน่อยค่ะ” หลังจากกลืนน้ำลายเสร็จเธอก็หันไปตอบเขา ก่อนอาการเดิมจะกลับมาจนทำให้เธอต้องโก่งคออ๊วกอีกรอบ
“วันนี้ฉันมีงานสำคัญ ถ้าไม่ไหวยังไงก็บอกคนของฉันให้พาไปโรงพยาบาลแล้วกัน” ว่าจบเขาก็เดินจากไปทันที ทิ้งให้เธอมองตามด้วยความน้อยใจ จะมีครั้งไหนไหมนะที่เขาจะใส่ใจห่วงใยความรู้สึกของเธอบ้าง หากไม่ใช่เรื่องบนเตียง...
เมื่อเขาออกไปแล้ว จากที่คิดว่าอาการจะดีขึ้นมันกลับรู้สึกหน้ามืดขึ้นมา ก่อนจะตัดสินใจเดินไปบอกคนของเขาให้พาไปหาหมอตามที่เขาบอก แต่ด้วยความดื้อรั้นไม่อยากให้วุ่นวาย เธอจึงขอไปร้านขายยาแทน แต่เมื่อเภสัชกรถามอาการแล้วเธอกลับได้ที่ตรวจครรภ์มาแทน พร้อมกับคำแนะนำวิธีใช้
“ต้องการอะไรอีกไหมครับ” เสียงคนของเขาถาม
“ไม่ค่ะ”
“งั้นกลับเลยนะครับ”
เธอเพียงพยักหน้าตอบเท่านั้น ก่อนจะมองสิ่งที่อยู่ในมือด้วยความรู้สึกหลากหลาย ไม่รู้ว่าผลมันจะออกมายังไง ถ้าหากเธอท้องขึ้นมาจริง ๆ เธอจะบอกกับเขายังไงดี เขาจะดีใจหรือเขาจะต่อว่าเธอกันนะ แต่ไม่ว่าเขาจะว่ายังไงขอแค่เขาไม่ไล่ให้เธอไปทำแท้งก็พอ เธอขอแค่นี้
แค่นี้จริง ๆ
“อย่าพึ่งคิดมากไปเลยยัยณิ แกอาจจะไม่ท้องก็ได้” เสียงหวานพูดปลอบใจตัวเองเป็นภาษาบ้านเกิด เพื่อไม่ให้ลูกน้องของเขารู้ว่าเธอกำลังเป็นอะไร
แม้จะบอกกับตัวเองว่าอย่าคิดมาก แต่พอถึงเวลาที่ต้องตรวจ
จริง ๆ เธอกลับไม่กล้าดูผลเสียอย่างนั้น มันมีแต่ความรู้สึกกลัวเกิดขึ้นเต็มไปหมด หากเธอกินยาคุมเหมือนตอนที่อยู่ไทย เธออาจจะไม่ต้องมายืนคิดหนักอยู่แบบนี้ ในตอนนั้นมีพี่นันคอยบอกคอยเตือนอยู่เสมอ พอมาอยู่นี่ได้เจอเขาเธอก็ลืมสิ้นไปแล้วทุกอย่าง
เปลือกตาบางที่ปิดสนิทค่อย ๆ เปิดออกทีละนิดเพื่อมองผล
“บะ บวกงั้นหรอ...” พอเห็นแท่งที่ถืออยู่ในมือเป็นเธอก็ไล่ดูแท่งอื่น ๆ ที่วางบนเคาท์เตอร์ต่อทันที
“นะ นี่ก็สองขีด...มะ ไม่นะ”
...
“นั่นแกจะไปไหน”
“ผมก็จะกลับไง”
“แต่งานแต่งจะมีพรุ่งนี้แล้ว ฉันอยากให้แกอยู่ที่นี่”
“แต่ผมไม่อยากอยู่”
“แกไม่อยากอยู่นี่ แล้วแกอยากไปอยู่ไหน กับผู้หญิงที่แกหิ้วมาจากไทยหรอ” คำพูดของผู้เป็นพ่อทำให้ขายาวที่กำลังจะก้าวออกจากห้องนั่งเล่นชะงักทันที
เมื่อเห็นท่าทีของลูกชายซานิโน่ หรือนายใหญ่ที่ทุกคนเรียกกันว่าซานโต้จึงพูดต่อ
“แม่แกทำอะไรไว้แกจำได้ใช่ไหม”
“อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้น เธอไม่ใช่แม่ผม”
“ระวังไว้ให้ดีแล้วกัน แกอาจจะเป็นเหมือนฉัน”
“ผมไม่มีทางพลาดแบบพ่อแน่นอน” ยังไงก็ไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นแน่นอนเขามั่นใจ เพราะต้นกำเนิดที่เกิดจากความผิดพลาดของผู้เป็นพ่อ ที่ถูกผู้หญิงเห็นแก่เงินแอบเจาะถุงยาง พอท้องก็เอาลูกที่ไม่ได้ต้องการตั้งแต่แรกอย่างเขามาขู่เอาเงิน พอคลอดเขาเสร็จ ได้เงินก้อนใหญ่จากพ่อเขาแล้วเธอก็ไป ไม่แม้แต่จะให้นมเขาเลยซักหยด อ้อมกอดสักครั้งก็ไม่มี
ทำให้เขาตั้งแง่กับผู้หญิงและไม่อยากมีลูกมาตลอด เขาจึงตัดสินใจทำหมันตั้งแต่เขาเริ่มมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคู่ขาและคนที่เข้ามา แม้ว่าเขาจะทำหมันแต่เขาก็สวมถุงยางอยู่ตลอด เพราะนอกจากจะป้องกันความผิดพลาดแล้ว ยังป้องกันโรคติดต่ออีกด้วย
“หึ ฉันจะรอดู...ยังไงแกก็ต้องแต่งงานกับหนูเคท ฉันอยากให้แกเลิกยุ่งกับผู้หญิงพวกนั้นซะ เพื่อตัวของแกเอง และเพื่อครอบครัวของแกในอนาคต ตั้งใจรักหนูเคทให้ดี พ่อไม่เห็นว่าใครจะเหมาะกับแกเท่าหนูเคทอีกแล้ว”
“ผมรู้แล้วน่า” เขาบอกอย่างปัด ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป เพื่ออยู่ ๆ ก็นึกไปหวงคนตัวเล็กที่ใบหน้าซีดเผือดตั้งแต่เช้า ลูกน้องเขาบอกว่าเธอเลือกไปร้านขายยาแทนที่จะไปโรงพยาบาล ทำให้เขาไม่รู้ว่าเธอป่วยเป็นอะไร หวังว่ามันจะไม่ร้ายแรงแล้วกัน
“กลับมาแล้วหรอคะ” ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา ก็จะมีเสียงหวานใสคอยต้อนรับเสมอ ไม่ว่าเขาจะกลับดึกแค่ไหน
“อื้ม”
“วันนี้มีอะไรกินบ้าง”
“ณิทำข้าวผัดไว้ค่ะ คุณจะกินเลยไหมคะ ณิจะได้จัดโต๊ะ”
“เอาสิ”
“แล้วเธอไม่กินหรอ” เมื่อเห็นว่าเธอตักมาแค่จานเดียวแล้วก็นั่งลงข้าง ๆ เขาจึงถาม
“ณิกินไปแล้วค่ะ”
“วันนี้ฉันคงจะกลับดึกไปสินะ”
เธอเพียงส่งยิ้มแห้ง ๆ ตอบเขาไปเท่านั้น เพราะในหัวตอนนี้กำลังคิดไม่ตกว่าจะบอกเขาเรื่องที่ตัวเองท้องดีหรือไม่ หรือเธอควรไปตรวจให้แน่ใจที่โรงพยาบาลก่อนแล้วค่อยบอกเขา แล้วถ้าบอกเขาไปเขาจะดีใจไหม...
“ไปหาหมอมาเป็นไงบ้าง” ระหว่างกินข้าวเขาก็ถามเธอ ที่พึ่งเดินกลับมา น่าจะเป็นห้องน้ำ เขาคิด
“คือว่า...คือว่าณิ”
“เธอเป็นอะไรณิชา มัวอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่แบบนี้ ฉันไม่รู้หรอกนะ”
“ณะ ณิท้องค่ะ”
“เธอว่าไงนะ” ช้อนที่อยู่ในมือร่วงหล่นลงบนจานทันที ก่อนที่เขาจะหันมองหน้าเธอเพื่ออ่านปากและฟังสิ่งที่เธอพูดชัด ๆ
“ฉันท้อง...” มือบางกำที่ตรวจครรภ์ไว้แน่นก่อนจะเอ่ยปากบอกพ่อของลูกไป แต่คำตอบที่ได้รับกลับมานั้น แทบทำเธอล้มทั้งยืน
“ท้องงั้นหรอ ท้องกับใครล่ะ หึ” น้ำเสียงเย้ยหยั่นว่าพร้อมกับสายตาดูถูก
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าไงคะ ณิมีแค่คุณคนเดียว...” ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบดี เสียงเข้มก็แทรกขึ้นมา
“ถ้าเธอมีแค่ฉันคนเดียวแล้วเธอจะท้องได้ยังไง...ในเมื่อฉันทำหมัน ไหนเธอลองบอกมาสิ ว่าเธอจะท้องกับฉันได้ยังไงณิชกานต์!” เพราะงั้นการที่เธอเดินมาบอกเขาว่าเธอท้อง มันเป็นไปไม่ได้เลยว่าเด็กในท้องจะเป็นลูกของเขา เหอะ
“มะ ไม่จริง”
“มันคือเรื่องจริง ฉันทำหมันแล้ว ถ้าเธอไม่นอกใจฉันเธอไม่มีวันท้องได้ ไปแอบเอากับใครมา ไอภูมิอะไรนั่นใช่ไหมที่เป็นพ่อของเด็กนี่”
“ไม่ใช่นะคะ ณิไม่เคยมีคนอื่นเลย ณิมีแค่คุณ” เธอพยายามอธิบาย แต่เหมือนอารมณ์เขาในตอนนี้มันพุ่งขึ้นสูงจนเขาแทบไม่ฟังในสิ่งที่เธอพูดแล้ว
“ฉันจะให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้าย บอกมาว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง”
“ตอบมาสิวะ!”
“คุณไงคะคุณเซนต์ ฮือ คุณต้องเชื่อณินะคะ ณิไม่เคยมีใครเลยนอกจากคุณ” เธอบอกเขาน้ำตา แต่เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอด้วยซ้ำ
“โธ่เว้ย!” เมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการ เท้าหนัก ๆ ก็เตะไปที่โต๊ะกินข้าวทันที ด้วยความโมโห จนคนท้องอ่อน ๆ สะดุ้งเบา ๆ ด้วยความกลัว มือบางยกขึ้นกุมท้องอัตโนมัติตามสัญชาตญาณ
“ถ้าอยากมีที่ซุกหัวนอนก็ไปเอามันออกซะ”
“ถ้าไม่ ก็ไสหัวออกไปจากที่นี่” เขาเสียงดังอีกครั้ง ก่อนเดินผ่านหน้าเธอไปทันที มันมีอะไรผิดพลาดตรงไหน ทั้ง ๆ ที่เขาก็อยู่กับเธอเกือบตลอดทำไมเธอถึงนอกใจเขาไปมีคนอื่นได้ ทั้งที่พรุ่งนี้เขาจะแต่งงานแล้ว เขาก็ยังมาหาเธอ เขารู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่มันผิด แต่เขาก็ไม่อยากเสียเธอไปในตอนนี้
อยู่ ๆ สิ่งที่พ่อเตือนไม่กี่ชั่วโมงมันก็เป็นจริงขึ้นมาซะงั้น เขาอยากจะหัวเราะให้กับความโง่ของตัวเองที่ปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ สวมเขาได้ แต่มันกลับหัวเราะไม่ออกซะงั้น ถ้าเขาไม่ได้ทำหมันอะไรมันจะเกิดขึ้นนะ หึ พ่อคงได้หัวเราะเยาะเขาแน่ ๆ ถ้ารู้เรื่องเขา เพราะไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วเขาพึ่งบอกกับพ่อไปว่าเขาไม่มีทางพลาดแบบพ่อ
ก็อก ๆ
เสียงเคาะประตูหน้าห้อง ทำให้มาร์วินตัดสินใจหันไปมอง ก่อนจะพบร่างบางเปิดประตูเข้ามา
“มีอะไร” น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ดังขึ้นทำที ทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งน้อย ๆ ก่อนจะรวบรวมความกล้าอีกครั้งแล้วเดินไปหาเขา
“ไม่ว่ายังไงคุณก็ไม่เชื่อณิใช่ไหมคะว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของคุณ และณิก็ไม่เคยมีคนอื่น”
“ไปเอามันออกสิ แล้วฉันจะเชื่อ” เขาว่าพร้อมกับพยักหน้ามองไปยังหน้าท้องแบนราบของเธอ
“ค คุณรู้ตัวไหมคะว่าพูดอะไรออกมา เขาเป็นลูกของคุณนะคะ”
“มันไม่มีทางเป็นลูกของฉันได้ อย่าพยายามยัดเหยียดได้ไหมวะ”
“ฉันทำหมันแล้ว เธอไม่เข้าใจรึไง มุกง่อย ๆ ใช้จับผู้ชายแบบนี้ไปใช้กับคนอื่นเถอะ เพราะมันใช่กับฉันไม่ได้ผล”
“อ้อ เวลาจะใช้ก็จำหน้าพ่อของลูกให้ได้ด้วยล่ะ เดี๋ยวเด็กมันจะสับสนเอา”
“คุณเซนต์...” ดวงหน้าหวาน มองเขาด้วยสายตาตัดพอเสียใจทันที หลังจากได้ยินประโยคทำร้ายจิตใจมากมายที่ออกจากปากเขา มันจบแล้ว จบแล้วจริง ๆ สินะ
“ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็ไปเอามันออก แต่ถ้าเธออยากเก็บมันไว้ ก็ไสหัวไปจากที่นี่”
“มันอาจเป็นอะไรที่ตัดสินใจยาก เพราะฉะนั้นฉันให้เวลาเธอตัดสินใจ แต่ว่าถ้าเธอเลือกอย่างหลัง หวังว่าฉันกลับมาแล้วจะไม่เห็นเธออีก” ว่าจบก็เดินออกจากห้องไปทันที และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาไม่สนใจใบหน้าและแววที่แสนเจ็บปวดของเธอกับคำพูดของเขาเลย
“เขาไล่ขนาดนี้ แกจะอยู่ทำไมอีกณิชา มีศักดิ์ศรีหน่อย ฮึก” แม้ว่าตอนนี้มันแทบจะไม่เหลืออยู่แล้วก็ตาม
มือบางอันอ่อนแรงเก็บเอาแต่ข้าวของที่จำเป็นไปเท่านั้น ก่อนเธอจะหันมองรอบ ๆ ห้องทั้งน้ำตาเป็นครั้งสุดท้าย ภาพความทรงจำต่าง ๆ ที่หลั่งไหลเข้ามาในหัว ทำเธอแทบยืนไม่อยู่ แต่ก็ต้องฝืนพาหัวใจที่แตกสลายออกจากที่นี่ไป
“ลาก่อนนะคะ” นี่คงจะเป็นการจากลาแบบไม่มีวันหวนกลับ
จะให้เธอเลือกอยู่ที่นี่แล้วทำลายชีวิตเด็กคนหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรด้วยเธอคงทำไม่ได้
หัวใจที่บอบช้ำเดินอยู่บนท้องถนนในยามค่ำคืน อากาศที่หนาวเหน็บทำให้เธอต้องยกมือขึ้นกอดตัวเองแล้วลูบไปมาเบา ๆ เพื่อคลายหนาว ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง
“วันนี้นอนที่นี่ก่อนแล้วกัน” เธอพูดกับตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน ทว่ายังเดินไม่ถึงเคาท์เตอร์ก็มีเสียงเรียกชื่อตัวเองดังขึ้นมาก่อน
“ใช่คุณณิชารึเปล่าครับ” เสียงร้องทักทำให้เธอต้องหันไปมอง
“คุณพูดกับฉันอยู่หรอคะ”
“ครับ อย่าบอกนะครับว่าคุณจำผมไม่ได้อีกแล้ว” ชายหนุ่มดังกล่าวว่า ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้เธอ
“ขอโทษด้วยนะคะ” เธอยิ้มแห้ง ๆ ส่งให้คนแปลกหน้า
“ผมสารัฐไงครับ คนที่ชอบไปนั่งกินอาหารร้านที่คุณทำงานอยู่ที่ไทย คนที่คุณเคยแนะนำว่าร้านนั้นเปิดเป็นบาร์เล็ก ๆ ตอนกลางคืน”
“คุณนั่นเอง” เมื่ออีกฝ่ายเล่ามาซะยาวเหยียด เธอก็พอจะจำได้บ้างแล้ว
“ครับผมเอง”
“ว่าแต่ตอนนี้คุณกำลังหาที่พักอยู่หรอครับ”
“ค่ะ”
“งั้นดีเลยครับ ผมเป็นเจ้าของที่นี่ ถ้าคุณไม่รังเกียจผมจะแนะนำห้องพักที่ดีให้พร้อมกับส่วนลดพิเศษสำหรับคุณคนเดียว”
“มันจะดีหรอคะ ฉันเกรงใจจังเลยค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ มาครับผมจะแนะนำห้องให้” ว่าจบก็เดินนำเธอไปยังเคาท์เตอร์
ในวันที่เลวร้ายก็ยังมีคนที่ใจดีกับเธอบ้าง....
