22 จากลา
“ทำไมวันนี้น้องสาวพี่ดูอารมณ์ดีจัง มีเรื่องอะไรดี ๆ งั้นหรอ” ณนันเอ่ยทักน้องสาว ที่วันนี้มีนัดทานข้าวกันที่ร้านอาหารใกล้ ๆ คอนโดใหม่ของเธอและน้อง คอนโดที่เธอและน้องจะมาอยู่ด้วยกันหลังจากที่ครบสัญญาระหว่างน้องเธอกับคุณมาร์วิน
“ณิก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว พี่นันนั่นแหละ มีหนุ่มตาน้ำข้าวที่ไหนมาช่วยแต่งห้อง อย่าคิดว่าณิไม่เห็นนะ อาทิตย์ก่อนณิเห็นพี่อยู่ร้านของแต่งบ้านกับใครก็ไม่รู้” ดวงตากลมหรี่ลงอย่างจับผิด
“เพื่อนที่ทำงานน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“ไม่มีอะไรแต่ก็มีแหวนแทนใจกันเนอะ” นิ้วเรียว ๆ ชี้ไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของพี่สาวที่มีแหวนสวมอยู่ ไม่ต้องเดาให้เหนื่อย เจ้าของแหวนนี้ก็น่าจะเป็นคนคนเดียวกับที่ช่วยพี่เธอเลือกของตกแต่งห้อง
“ว่าแต่แกเถอะ ช่วงนี้คุณมาร์วินเขาดีกับแกรึเปล่า เขาไม่ได้ทำร้ายอะไรแกใช่ไหม” สุดท้ายก็วนมาเรื่องน้องสาวด้วยความเป็นห่วงตามประสาพี่สาว
“ค่ะ คุณมาร์วินใจดีกับณิ แล้วคุณมาร์วินเขาไม่ได้ทำอะไรณิ”
“ไม่ได้ทำอะไรแกก็ดีแล้ว แบบนี้ฉันก็สบายใจ แล้วยาคุมที่ฉันให้ยังกินอยู่ใช่ไหม”
“ค่ะ ณิยังกินอยู่ตลอด”
“ยังมีอีกเรื่องที่ฉันอยากเตือนแก ถึงคุณมาร์วินจะดีกับแกยังไง
ก็อย่าไปรักเขาเด็ดคาด แกรู้ใช่ไหมว่าความสัมพันธ์ระหว่างแกกับคุณมาร์วินมันเกิดจากอะไร”
“เพราะงั้นถ้าแกเผลอใจไปรักเขา ก็มีแต่แกที่ต้องเจ็บ แล้วนี่ก็ใกล้จะครบสัญญาแล้วด้วย พยายามใจแข็งเข้าไว้”
“เรื่องเอกฉันจัดการแล้ว รวมถึงเรื่องหนี้ด้วย มันจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้อีก เสร็จจากนี้แกก็ตั้งเรียนอย่างเดียวก็พอ”
“งานพิเศษก็ไม่ต้องรับ พี่สาวคนนี้จะหาเลี้ยงแกเอง”
“พี่นัน...”
“พอ ๆ อย่ามาบีบน้ำตาพาซึ่ง ใกล้ถึงเวลาที่แกต้องกลับแล้ว เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ก็คนมันอ่อนไหวง่ายนี่นา” ไม่อย่างนั้นณิคงไม่เผลอใจไปรักคนใจร้ายอย่างคุณมาร์วินหรอก เธออยากบอกพี่สาวเหลือเกินว่ามันไม่ทันแล้ว ไม่ทันแล้วที่จะห้ามใจตัวเองไม่ให้รักเขา เธอไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน แต่ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา ทุกอย่างที่เขาทำดีด้วย ใจเธอก็จะเต้นแรงเสมอ และเธอก็จะรู้สึกเหงา คิดถึงเขาตลอด ในเวลาที่เขาไม่อยู่ และเจ็บทุกครั้งที่เขาไม่สนใจและทำไม่มีใส่
เธอไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มันเรียกว่ารักไหม เพราะเธอเองก็ไม่เคยมีความรักมาก่อน แต่ถ้าใช่... มันก็หยุดใจไม่ทันแล้ว
เพราะมัวแต่คิดเรื่องของเขาหลังจากได้พูดกับพี่สาว ทำให้เธอเดินเหม่อเข้าคอนโด รู้ตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงเขาเรียก
“ไปไหนมา”
“คะ?”
“ฉันถามว่าเธอหายไปไหนมา”
“ฉันไปกินข้าวกับพี่สาวมาค่ะ”
“อื้ม”
“คุณจะอาบน้ำเลยไหมคะ ฉันจะได้เตรียมน้ำให้”
“ก็ดี”
“ฉันต้องกลับอิตาลีอาทิตย์หน้า แล้วก็คงไม่ได้กลับมาที่นี่อีก” ระหว่างแช่น้ำอยู่โดยมีคนตัวเล็กนวดหลังให้ มาร์วินก็พูดขึ้น
“มะ หมายความยังไงหรอคะ”
“หมายความว่าฉันจะคืนอิสระให้เธอ หลังจากที่ฉันกลับไปแล้วเธอก็กลับไปใช้ชีวิตของเธอได้ตามปกติ” เขาพูดก่อนจะหันหลังไปมองหน้าเธอ
“แต่เวลามันเหลืออีกตั้งเดือนกว่าเลยนะคะ...แบบนี้คุณจะไม่เสียเปรียบหรอคะ” แม้น้ำเสียงที่ใช้จะเรียบเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ภายในใจกลับรู้สึกปวดแปลบขึ้นมา เช่นเดียวกับเขา เมื่อตัดสินใจพูดมันกับเธอแล้วก็รู้วูบโหวงในใจแปลก ๆ เหมือนบางอย่างกำลังขาดหายไป
“พูดเหมือนเธออยากจะอยู่กับฉันต่อ”
“ฉันแค่กลัวคุณจะหาว่าฉันเอาเปรียบคุณ”
“งั้นก็ไปอยู่อิตาลีกับฉันสิ หมดสัญญาแล้วฉันจะส่งตัวเธอกลับ”
“คุณล้อฉันเล่นหรอคะ”
“มาสนใจเรื่องตอนนี้ดีกว่า อย่าไปพูดถึงเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้เลย” อยู่ ๆ เขาก็พูดตัดบทไปซะอย่างนั้น ในตอนแรกเขายอมรับว่ามีแวบนึงที่เขาคิดจะพาเธอไปด้วยอย่างที่แกล้งพูดจริง แต่พอคิดถึงอันตรายรอบตัวตอนอยู่นั้น เขาสู้ตักตวงเอาความสุขจากเธอจนพอใจดีกว่า ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไงถึงเขาจะพอใจกับร่างกายนี้ จะพอใจในตัวของเธอ จนไม่คิดถึงและต้องการเธออีก
สุดท้ายแล้วมันก็จบด้วยเรื่องอย่างว่า แทนที่จะเป็นการพูดคุยเพื่อเคลียร์กัน
หนึ่งอาทิตย์ก่อนมาร์วินจะกลับมันก็เลยวนเวียนอยู่แบบนี้ ณิชกานต์กลับมาจากเรียน มาร์วินกลับมาจากทำงาน แล้วทุกอย่างก็จบลงที่บนเตียง จนมาถึงคืนสุดท้ายก่อนที่มาร์วินจะกลับ ก็ยังไม่มีคำพูดล่ำลาใด ๆ ออกมาจากปากของทั้งสอง
มีแต่อ้อมกอดอบอุ่นที่ต่างก็มอบให้กันและกันเท่านั้น พอกอดแล้วก็ไม่มีใครผละออก จนกลายเป็นว่าทั้งคู่นอนกอดกันจนหลับไป เช่นเดียวกับจูบลาในตอนเช้า ที่มาร์วินจูบณิชกานต์อยู่นาน แทบจะเรียกว่าจูบสูบวิญญาณเลยกว่าได้ กว่าที่เขาจะยอมปล่อยเธอ
“ต่อจากนี้ฉันไม่รู้ว่าเจอเธออีกรึเปล่า ขอให้เธอมีชีวิตที่ดีแล้วกัน” ในทีแรกเขาจะบอกว่าให้เธอไปเจอคนที่ดี แต่ปากดันหนัก ใจรู้สึกนึกหวงไม่อยากให้เธอมีใคร ก็เลยพูดไปแบบนั้น
“คุณเองก็เหมือนกันนะคะ อ้อแล้วก็นี่ค่ะ ฉันถักเวลาว่าง ๆ เผื่อคุณได้ใช้เวลาหนาว” พูดจบก็ยื่นผ้าพันคอผืนสีดำที่ตัวเองตั้งใจถักให้เขา ตั้งแต่รู้ว่าเขาจะไปเธอก็อยากให้ของขวัญกับเขาสักชิ้น ตอบแทนความใจดีของเขาที่มีให้ แม้ว่าเขาจะร้ายเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม
และที่บอกว่าถักเวลาว่าง ๆ นั้น เวลาที่ว่าว่างของเธอก็คือเวลาที่ต้องรอเรียน หรือเวลาพักเที่ยง แน่นอนว่าเธอแทบไม่ได้กินข้าวเลย มันเป็นสิ่งที่เธอตั้งใจทำมาก ๆ หวังว่าเขาจะชอบและใช้มันแล้วนึกถึงเธอบ้าง...
สักนิดก็ยังดี
“ขอบคุณนะ แต่ฉันต้องไปแล้ว” เขารับเอามาถือไว้ ก่อนจะพูดขอบคุณเธอ ทว่าก่อนไปเขาก็ไม่ลืมที่จะดึงเธอมาจูบอย่างดูดดื่มอีกครั้ง
“แฮ่ก” พอเขาปล่อยเธอก็หอบหายใจทันที ก่อนจะพูดส่งเขาด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ
“เดินทางปลอดภัยนะคะ”
“อื้ม”
มันเป็นอย่างที่พี่นันบอกจริง ๆ ด้วย หากเธอรักเขาเธอก็จะเจ็บและเสียใจ เพราะเรื่องระหว่างเขาและเธอมันไม่มีทางเป็นจริงได้...
“ลาก่อนนค่ะ...” น้ำเสียงหวานเศร้าเอ่ยตามหลังเขาไป
หลังจากมาร์วินไปแล้วณิชกานต์ก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แม้ความรู้สึกจะไม่ค่อยปกติเลยก็ตาม ความรู้สึกที่เหมือนบางอย่างขาดหายไป มันรู้สึกวูบโหวงในใจ รู้สึกคิดถึงเขาอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ ไม่รู้ว่าเขาจะคิดถึงเธอบางไหม แต่ก็ดีหน่อยที่ใกล้ช่วงสอบไฟนอลพอดี
ทำให้เรื่องเขาในหัวมันเบาลงบ้าง เมื่อมีเรื่องเรียนเข้ามาแทนที่ แต่หลายครั้งที่ว่างเว้นจากการเตรียมตัวสอบ หัวใจไม่รักดีมันก็ชอบพาให้สมองคิดถึงเขา
แล้วก็มีอีกอย่างที่เปลี่ยนไป ก็คือเธอไม่มีเคทเทอร์รีนเป็นเพื่อนอ่านหนังสือ เป็นเพื่อนติวกันอีกแล้ว อยู่ ๆ เคทเทอร์รีนก็หายไป เธอติดต่อก็ไม่ได้ เธอมารู้จากอาจารย์ที่ปรึกษาที่หลังว่าเคทเทอร์รีนลาออกไปแล้ว...
“อ้าว ณิชา”
“สวัสดีค่ะพี่ภูมิ”
“ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“ค่ะ พี่ภูมิสบายดีนะคะ”
“แล้วมาหาพี่มีธุระอะไรรึเปล่า”
“ณิจะมาสมัครงานน่ะค่ะ ณิอยากทำพาร์ทไทม์ช่วงซัมเมอร์
แต่ไม่รู้ว่าที่ร้านยังต้องการคนอยู่ไหม เพราะไม่มีป้ายประกาศรับสมัครงานเลย”
“จะทำพาร์ทไทม์ช่วงซัมเมอร์หรอ”
“ค่ะ”
“ถ้าเป็นที่ร้านนี้มีคนมาสมัครแล้วเมื่อสองวันก่อน แล้วพี่ก็รับไปแล้วด้วย”
“งั้นหรอคะ” เสียงหวานเศร้าลงเล็กน้อย แต่ก็ส่งยิ้มให้คนตรงหน้า เธออุตส่าห์มาสมัครไว้ช่วงสอบแล้วเชียว คิดว่าคงจะไม่มีใครมาสมัคร แต่ก็ไม่ทัน...
“แต่ถ้าเราอยากทำจริง ๆ ร้านเรามีสาขาที่ต่างประเทศ พี่ว่าเราลองไปดูไหม จะได้ฝึกภาษาด้วย”
“สาขาที่ต่างประเทศหรอคะ”
“ใช่ ที่นั่นกำลังขาดคนอยู่”
“พี่ภูมิจะให้นิไปจริง ๆ หรอคะ ณิไปได้จริง ๆ หรอ” เด็กบ้านนอกที่ไม่เคยไปต่างประเทศเลยถามย้ำ อย่าว่าแต่ไปต่างประเทศเลย เครื่องบินเธอก็ไม่เคยขึ้น
“พี่ให้เราไปจริง ๆ พี่เองก็จะไปเหมือนกัน ไม่ต้องห่วง”
“ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาสณิ ว่าแต่เราจะไปที่ไหนกันหรอคะ”
“อิตาลี สาขาที่เราจะไปคืออิตาลี”
“อ อิตาลีหรอคะ” พอได้ยินชื่อประเทศนี้ อยู่ ๆ ก็มีหน้าของใครบางคนลอยเข้ามาในความคิด ใครบางคนที่เธอพยายามลืมเขา
แล้วเริ่มต้นใหม่
“ใช่ อิตาลี มีอะไรหรือเปล่า มันไกลไปหรอ หรือเราไม่อยากไป”
“ไม่ค่ะ ณิอยากไป” ประเทศตั้งใหญ่เธอคงจะไม่บังเอิญเจอเขาหรอกใช่ไหม แต่หากเจอ...มันก็คงจะดี เธออยากรู้ว่าเขาสบายดีไหม
แม้ไม่ได้พูดคุย แต่ขอแค่เห็นเขาเห็นว่าเขาปลอดภัยก็ยังดี
“แกว่าไงนะ” เสียงณนันร้องถามน้องสาว เพื่อย้ำในสิ่งที่น้องพูด
“ณิจะไปทำพาร์ทไทม์ช่วงซัมเมอร์ที่อิตาลีค่ะ”
“ฉันไม่ให้แกไป ฉันเคยบอกแล้วไงว่าเรื่องเงินเรื่องค่าใช้จ่ายฉันจะเป็นคนจัดการเอง แกแค่โฟกัสกับเรื่องเรียนก็พอ”
“แต่ณิรับปากกับพี่ภูมิแล้วนะคะ ณิอยากไป อีกอย่างถ้าไปก็จะได้ฝึกภาษาด้วย”
“ถ้าแกอยากฝึกภาษาเดี๋ยวฉันหาครอสเรียนให้”
“พี่นันคะ... ให้ณิไปเถอะนะคะ ณิรู้ว่าพี่นันเป็นห่วงไม่อยากให้ณิลำบาก แต่ณิโตแล้วนะคะ”
“ณิไปเป็นพนักงานเสิร์ฟ คอยรับออเดอร์ มันไม่ใช่งานหนักอะไรเลย ตอนอยู่บ้านณิทำงานหนักกว่านี้อีก”
“ฉันต้องยอมแกสินะ”
“นะคะ” น้ำเสียงออดอ้อนพี่สาว พร้อมกับสายตาปิ้ง ๆ ให้พี่สาวใจอ่อน
“อือ ก็ได้” และมันก็สำเร็จ
“ขอบคุณนะคะ ณิรักพี่นันที่สุดเลย” ว่าจบก็โผลกอดพี่สาวแน่น
“พอแล้วฉันหายใจไม่ออก”
