บท
ตั้งค่า

1 คำยินดี

ตั้งแต่เด็กจนโตชีวิตของณิชกานต์ขาดซึ่งความรักและความอบอุ่นมาตลอด พ่อที่คอยปกป้องดูแล เปรียบเสมือนโลกทั้งใบของเธอจากเธอไปตั้งแต่เธออายุไม่ถึงเจ็ดขวบเลยด้วยซ้ำ ทำให้เธอต้องอาศัยอยู่กับแม่และพี่สาวเพียงสองคน บ้านของเธอไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ก็ไม่ได้ขัดสน ทว่าผู้เป็นแม่กลับติดพนัน ไม่ทำการงานใด ๆ เงินที่พอใช้กลับค่อย ๆ ขาดมือ สุดท้ายบ้านที่เป็นมรดกที่เหลืออยู่ของพ่อก็ต้องถูกขายทอดตลาด เด็กหญิงอายุสิบสองต้องไปใช้ชีวิตต่างจังหวัดที่บ้านเกิดแม่

เคราะห์ซ้ำกำซัดแม่ยังเล่นการพนันไม่เลิก เงินจากการขายบ้านก็ค่อย ๆ หมดไป ทำให้พี่สาวและเธอต้องหางานพิเศษทำหลังเลิกเรียนเพื่อจะมีเงินจ่ายค่าเทอมและใช้ไปเรียนในแต่ละวัน โชคดีที่ยายนั้นรักและเอ็นดูเธอและพี่สาว ดูแลเอาใจใส่เธอจะเรียกว่าดูกว่าแม่แท้ก็ไม่ผิดนัก ความโชคดีนั้นก็มีอยู่อย่างเดียวที่เธอคิดออก

เพราะสถานะภาพทางการเงินเริ่มขัดสนทำให้แม่และพี่สาวเริ่มทะเลาะกัน จนเริ่มบ่อยขึ้น แต่คงไม่หนักเท่าครั้งนั้น ครั้งที่แม่พาผู้ชายที่อายุมากกว่าพี่สาวของเธอไม่ถึงสิบปีเข้ามาอยู่บ้าน มันพยายามทำร้ายพี่สาวของเธอ แต่แม่ก็เข้าข้างมัน แม่ถึงกับตบหน้าพี่ของเธอเพื่อปกป้องเขาผู้ชายคนนั้น ไม่แม้แต่จะฟังที่พี่และเธอช่วยกันพูดอธิบายเลยแม้แต่น้อย

วันนั้นเป็นที่เธอจำได้ไม่ลืม เพราะมันเป็นวันสุดท้ายที่เธอได้ใช้ชีวิตอยู่กับพี่สาวของเธอ ก่อนที่พี่สาวของเธอจะเก็บกระเป๋าหนีออกจากบ้านไปกับแฟน ทิ้งให้เธออยู่บ้าน...ที่แทบจะไม่ใช่บ้านด้วยซ้ำหากไม่มียายอยู่ด้วย บ้านหลังนี้คงจะไม่มีแม้แต่ความรักความอบอุ่น

และวันนี้ก็เป็นวันที่จะตัดสินชีวิตในอนาคตต่อไปของเธอ นั่นก็คือวันประกาศผลเรียนต่อมหาลัยนั่นเอง มือบางสั่นเทาไม่กล้าแม้จะกดดูผลว่าตัวเองสอบติดคณะที่ใฝ่ฝันหรือไม่ ก่อนจะสูดล้มหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจ

“เป็นไงเป็นกัน...”

คลิ๊ก ดวงตากลมสวยที่หรี่ลงค่อย ๆ ลืมขึ้นมองหน้าจอ ก่อนจะยิ้มและกรี๊ดออกมาอย่างไม่มีเสียง เมื่อผลประกาศออกมาว่าเธอนั้นสอบติด

“ติดแล้ว บอกพี่นัน ใช่แล้วต้องบอกพี่นัน” คนแรกที่ณิชกานต์นึกถึงก็คือพี่สาวสุดที่รักที่นาน ๆ ที่จะติดต่อหากันบ้าง ด้วยช่วงอายุที่เธอห่างจากพี่สาวป้าปีกว่า ไหนจะที่พี่สาวต้องเรียนไปด้วยต้องทำงานไปด้วย เธอจึงไม่กล้าโทรไปรบกวน รอเพียงพี่สาวโทรมาหาเท่านั้น แต่ตอนนี้เธออยากบอกพี่สาวให้รู้เป็นคนแรก

หลังจากส่งข้อความหาพี่สาวผ่านโปรแกรมแชทเสร็จแล้ว ณิชกานต์ ก็เก็บของเตรียมกลับบ้านทันที เพราะตอนนี้เธออยู่ห้องคอมในห้องสมุดที่โรงเรียน ซึ่งเปิดให้นักเรียนมาใช้อ่านหนังสือและใช่คอมพิวเตอร์เพื่อหาความรู้ในช่วงปิดเทอมได้ ซึ่งเธอมักจะมาใช้อยู่เสมอ หลังจากทำงานพิเศษเสร็จ

ร่างบางรีบวิ่งเข้าไปกอดเอวอวบ ๆ ของผู้เป็นยายที่ยืนทำกับข้าวอยู่หน้าเตาทันทีที่มาถึงบ้าน ก่อนจะรีบแจ้งข่าวดีให้ยายทราบเป็นคนถัดมา

“ยายจ๋า ณิสอบติดแล้วนะ สอบติดมหาลัยแล้ว”

“โฮะๆ จริงหรอลูก”

“จริงจ้ะ ณิทำได้แล้วนะ ณิทำได้แล้ว ฮึกฮือ” พูดจบน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะเรียนจบมัธยมปลาย เธอต้องหยุดเรียนถึงสองครั้งเพราะปัญหาทางบ้าน จนตอนนี้เธออายุยี่สิบแล้วเธอพึ่งจะจบ ม.ปลาย แม้มันจะช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันไปถึงสองปี แต่เธอก็ทำได้แล้ว เธอสามารถเรียนต่อมหาลัยเพื่อจะทำตามฝันที่เธอเคยพูดไว้กับพ่อได้แล้ว

“หลานยาย”

“แม่วันนี้มีอะไรกินบ้าง” เสียงห้วน ๆ ที่ดังขึ้น ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารระหว่างหลานสาวและยายที่กำลังไปได้ดี กร่อยลงในทันตา

“ยำปลากระป๋องกับไข่เจียว อันนี้กูทำให้หลานกู ถ้ามึงอยากกินก็ไปทำเอาเอง กินต่อเถอะลูกอย่าไปสนใจ”

“เหอะ เดี๋ยวนี้รักหลานมากกว่าลูกแล้วสินะ อะไรก็ณิณิ”

“ส่วนมึงลุกออกไปกูจะกินข้าว” พูดกับแม่เสร็จกันหันมาพูดกับลูกสาวต่อ พร้อมกับออกแรงผลักลูกให้ออกจากเก้าอี้

“แม่...” ณิชกานต์มองผู้เป็นแม่น้ำตา ขนาดวันนี้เป็นวันดีของเธอ เป็นวันที่เธอมีความสุข แม่ก็ยังไม่คิดที่จะสนใจเธอ

“เออ กูรู้แล้วว่ากูเป็นแม่มึง ไปตักข้าวมาให้กูด้วย” ว่าแล้วก็หย่อนตัวลงนั่ง ไม่สนใจสีหน้าของลูกสาวเลยแม้แต่น้อยว่าตอนนี้ดูเจ็บปวดแค่ไหน

“มัวยืนเซ่ออยู่ทำไม ไปตักข้าว! กูหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย ไปทำงานมาเหนื่อย ๆ แทนที่จะได้พัก”

“ไม่ต้องไป ถ้าใครมันอยากกินก็ให้มันไปหากินเอาเอง มานั่งข้างยายนี่มา” ว่าแล้วก็โบกมือเรียกหลานสาวอย่างอบอุ่น

“แม่! มันเป็นลูกฉันนะ”

“อ่าวหรอ ลูกมึงหรอ แล้วรู้รึเปล่าว่าวันนี้เป็นวันอะไร”

“วันอังคารไง แม่ก็ถามแปลก ๆ”

“วันนี้ลูกมึงสอบเข้ามหาลัยได้ แล้ววันนี้ก็เป็นวันเกิดลูกมึง รู้ไว้ซะด้วย ไม่ใช่วัน ๆ เอาแต่คลุกอยู่กับไอแมงดานั่น”

“เข้ามหาลัย...”

“เออสิวะ”

“สอบได้แล้วยังไง ฉันก็ไม่มีเงินส่งมันอยู่ดี เรียนจบแล้วก็ออกมาทำงานช่วยฉันหาเงินได้แล้ว”

“เหอะ จะไปเรียนต่อ ไปหาผัวละสิไม่ว่า”

“แม่...” ได้ยินคนเป็นแม่ว่าแบบนั้นณิชากานต์ก็พูดอะไรไม่ออก มันเจ็บจุกไปหมด นอกจากแม่จะไม่แสดงความยินดีกับเธอแล้ว แม่ยังตัดกำลังใจเธออีก

“ได้ยินที่กูพูดไหม ไม่ต้องเรียนแล้วออกมาทำงานหาเงิน กูไม่มีปัญญาส่งมึงเรียนหรอก ไอมหาลัยที่มึงอยากเรียนน่ะ”

“แต่มหาลัยมันกู้เรียนได้นะจ๊ะ”

“เหอะกู้เรียน ลำพังตอนนี้ก็หนี้ท่วมหัวแล้ว จะให้กูกู้อะไรอีก จะให้กูขายควายส่งควายเรียนเหมือนบ้านอื่นเขา กูไม่มีควายขายส่งมึงเรียนหรอก มีแต่กูต้องไปขายตัว มึงจะเอาแบบนั้นไม่ล่ะ”

“ไม่กู้ก็ได้จ้ะ ณิยังพอมีเงินเก็บ เดี๋ยวณิทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยก็ได้”

“พูดอะไรเพ้อเจ้อ ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ลำพังค่ากินยังไม่พอใช้ หัวเด็ดตีนขาดยังไงกูก็ไม่ให้มึงเรียน ทำงานแล้วมาตอบแทนบุญคุณกูนี้ บุญคุณที่กูลำบากอุ้มท้องแล้วคลอดมึงมา ให้มายืนเถียงกูฉอด ๆ แบบนี้”

“ณิอย่าไปฟัง เข้าห้องนอนไปลูก เดี๋ยวยายจัดการกับแม่เราเอง” ฉัตรผู้เป็นยายที่ทนฟังไม่ไหว บอกให้หลานสาวไปจากตรงนี้ทันที ขนาดตนเป็นแล้วฟังแล้วยังรู้สึกเสียใจ กับณิชาที่เป็นลูกจะเสียใจขนาดไหน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel