19 เพื่อน
ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี หลังจากที่เธอย้ายมาอยู่กับเขาที่ห้อง ในตอนนี้เธอเลยมีหน้าที่แค่ดูแลเขากับเรียนหนังสือเท่านั้น
ทว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเพื่อนอย่างเคทเทอร์รีนค่อย ๆ ห่างกันไป
เรื่อย ๆ จากที่หลังเลิกเรียนพูดคุยหยอกล้อ นั่งรถไปทำงานด้วยกัน ตอนนี้ไม่มีแล้ว มีแค่นั่งเรียนข้าง ๆ กัน กินข้าวเที่ยงด้วยกันเท่านั้นที่เธอยังทำอยู่
แต่เธอก็พยายามรักษามิตรภาพนี้ไว้
สองสามวันมานี้เขาไม่อยู่ ไม่มาหาเธอเลย แล้วเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาไปไหน ทำให้เธอมีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้คิดอะไรนั่นนี่ แต่ก็ยังไม่กล้าออกไปไหนอยู่ดีตอนที่เขาไม่อยู่ เธอกลัวว่าถ้าเขากลับมาแล้วเขาไม่เห็นเธอเขาจะโมโห หากเขาจะไม่อยู่หลายวัน แล้วบอกเธอก่อนสักนิดมันคงจะดีกว่านี้
ตอนนี้เธอเลยมานั่งห้อยขาอยู่บนเตียงอย่างเหงา ๆ มือบางลูบไล้ไปบนเตียงกว้างอย่างเลื่อนลอย เตียงที่เธอและเขาใช้ร่วมกันทุกคืน
เตียงกว้างที่บางวันก็ตื่นมาในอ้อมกอดที่เหมือนจะอบอุ่นของเขา บางวัน
ก็ตื่นขึ้นมาบนความว่างเปล่า ให้ความรู้สึกอ้างว้างและเดียวดาย
“คืนนี้คุณก็คงไม่กลับมาสินะคะ...” น้ำเสียงเหม่อลอยว่าขึ้น
เบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เอนตัวลงบนเตียงกว้างแล้วหลับไปในที่สุด
ในค่ำคืนเดียวกันก็มีหญิงสาวอีกคนที่ทุกข์ไม่ต่างกัน
“เคทไม่แต่ง ยังไม่เคทก็ไม่แต่ง แด๊ดเลิกบังคับเคทสักทีได้ไหมคะ”
“แด๊ดตามใจลูกมามากแล้ว ครั้งนี้ยังไงลูกก็ต้องทำตามที่แด๊ดบอก”
“แต่เคทไม่ได้รักเขา อีกอย่างเราก็ไม่เคยคุยกันด้วย จะแต่งงานกันได้ยังไงคะ”
“แด๊ดกับม๊ายังแต่งกันได้เลย”
“แต่สุดท้ายก็เลิกกันไม่ใช่หรอคะ”
“เคทเทอร์รีน!”
“เขาเจ้าชู้จะตาย เคทว่าเคทอยู่กับคนแบบนี้ไม่ได้แน่ ๆ ไหนจะนิสัยใจคอเขาอีก เป็นยังไงเคทก็ยังไม่รู้”
“ถึงอย่างนั้นก็หมั้นไว้ก่อน แค่นี้นะแด๊ดต้องไปทำงานแล้ว
อ้อแล้วถ้ายังดื้อไม่ฟังก็เตรียมเก็บของกลับบ้านได้เลย”
“อย่าคิดว่าแด๊ดไม่รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน” ปลายสายว่าขึ้น ก่อนที่สายจะตัดไป ไม่ให้เธอได้ทักท้วงหรือต่อล้อต่อเถียงอะไรอีกทั้งนั้น
“น้องเอาแบบเดิม” เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ก็หันไปพึ่งเหล้าแทน
“ของผู้หญิงคนนี้คิดเงินที่ผม” เสียงที่ดังขึ้นทำให้เคทเทอร์รีนต้องหันไปมอง เธอทันเห็นว่าผู้ชายคนนั้นชี้แก้วมาทางตัวเองเล็กน้อย เหมือนเป็นการบอกพนักงานว่าเขาจะจ่ายเงินให้ผู้หญิงคนนั้นที่ว่าก็คือเธอ
“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ” เธอตอบเขาก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มต่อ
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่หยุด
“ผมขอดื่มด้วยได้ไหมครับ”
“ขอโทษนะคะ พอดีฉันอยากดื่มคนเดียวน่ะค่ะ” น้ำเสียงห้วน ๆ ตอบกลับตาสไตล์ เธอก็เป็นของเธอแบบนี้ และจะเป็นยิ่งกว่านี้ถ้าเขายังไม่หยุดวอแว แต่ดีหน่อยที่พอพูดไปแบบนั้นเขาก็ยอมถอยไปนั่งที่อื่น
ทิ้งระยะห่างกับเธอพอสมควร
แต่ดื่มไปดื่มมากลับกลายเป็นเธอเองที่ชวนเขาคุย
“คุณมาคนเดียวหรอ”
“ครับผมมาคนเดียว”
“คุณล่ะครับ มีใครรึยัง” คำถามที่ได้รับกลับมาทำให้เคทเทอร์รีนขมวดคิ้วน้อย ๆ แต่เธอก็ตอบเขาไป เมื่อเขากล้าถามเธอก็กล้าตอบ
“ฉันมีคู่หมั้นแล้ว”
“หรอครับ ผมชอบคนมีเจ้าของแล้วซะด้วยสิ”
“จะว่าอะไรไหมครับ ถ้าผมจะขอชนแก้วกับคุณ”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” เมื่อฤทธิ์แอลกอฮอลล์ในเลือดเริ่มสูงขึ้น ความระวังภัยในตัวที่มีก็เริ่มลดลง เธอเปิดใจคุยกับชายหนุ่มแปลกหน้ามากขึ้น ก่อนภาพทุกอย่างจะตัดไป
“นะ นี้มันอะไรกัน” ผ้าห่มผืนหน้าถูกจับยกขึ้นยกลงไปมาเพื่อสำรวจร่างกายของตัวเอง เมื่อเห็นว่าตัวเองนั้นไม่มีเสื้อผ้าติดตัวเลยแม้แต่ตัวเดียว ก็พยายามคิดไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว ก่อนสายตาจเหลือบไปเห็นใครอีกคนที่อยู่ในห้องนี้ด้วย ใครอีกคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่ข้าง ๆ เธอ
“กรี๊ด!!!”
“หนวกหูชะมัด” เสียงกรีดร้องทำให้ชายหนุ่มค่อย ๆ รู้สึกตัว ก่อนที่เขาจะขยับตัวนั่งเพื่อจะได้พูดคุยกับเจ้าของเสียงหนวกหูนี้
“ตื่นแล้วหรอครับ” เขาว่าก่อนจะยื่นมือเตรียมจะปัดผมที่ตกลงมาปิดบังใบหน้าสวยหวานออก แต่ก็ถูกเธอปัดออก
“อย่ามาแตะ เมื่อคืนคุณทำอะไรฉัน”
“เมื่อคืนเราก็มีความสุขกันไง คุณจำไม่ได้หรอ หื้มม”
“ความสุขบ้าบออะไรของคุณ ฉันไม่ตลกด้วยนะ” เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนี้ ทุกอย่างมันก็เริ่มชัดเจนแล้วว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น เพราะเธอก็ไม่ได้หัวโบราณที่จะไม่รู้อะไรขนาดนั้น
“หว่า แบบนี้ผมก็เสียใจแย่สิครับ ที่คุณจำเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราไม่ได้”
“ก็แค่วันไนท์สแตน ไม่มีอะไรให้ฉันต้องจดจำ”
“แต่มันเป็นครั้งแรกของคุณนะครับ” เขายังไม่หยุดพูดยั่วโมโหเธอ
“หยุดพูดถึงมันสักที ฉันจะกลับ” เธอว่าก่อนจะดึงเอาผ้าห่มมาห่อตัวไว้ อย่างไม่สนใจว่าเขาจะอยู่ในสภาพไหน
“อ้ะ” แต่เพราะขยับตัวเร็วไปหน่อย ทำให้ความเจ็บปวดจากกายแล่นมาถึงสมอง
“ให้ผมช่วยไหม”
“ไม่ต้องมายุ่ง!”
“หึ” พอเธอหายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว ชายหนุ่มก็กระตุกยิ้มเบา ๆ หลังจากเห็นรอยเลือดบนที่นอน ไหนจะท่าทางของเธอ ใครจะรู้ว่าคู่หมั้นของคู่อริจะยังสดใหม่ หวานหอมแบบนี้
ก่อนความคิดจะหยุดลง เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ซึ่งพอมองดูโทรศัพท์ของตัวเองก็ยังเห็นว่าหน้าจอยังดับสนิทอยู่ เขาจึงมองหาเสียงที่มาอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าเป็นโทรศัพท์ของเธอ
ชื่อสายเรียกเข้าและรูปที่ตั้ง ทำให้คิ้วหนาขมวดเข้าหากันน้อย ๆ ก่อนเขาจะตัดสินใจกดรับ
“เคท เธออยู่ไหนใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้วนะ”
“ไม่สบายรึเปล่า ให้ณิอัดเสียงไว้ให้ไหม”
“...”
“ฮัลโหลเคท ได้ยินรึเปล่า” เมื่อแน่ใจแล้วว่าเป็นคนเดียวกัน ชายหนุ่มก็ตัดสายไปในทันที
“เป็นเพื่อนกันอย่างงั้นหรอ ชักสนุกแล้วสิ หึ”
กลับมาที่ณิชกานต์ หลังจากยืนรอเพื่อนสาวอย่างเคทเทอร์อยู่สักพัก แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเคทเทอร์รีนจะมาเลย เธอจึงตัดสินใจโทรไปตาม แต่โทรไปก็มีแต่คนรับสาย ไม่มีคนพูด
“จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นรึเปล่านะ” หัวสมองน้อย ๆ คิดไปต่าง ๆ นานา คิดแม้กระทั่งว่าจะโดดเรียนไปหาเพื่อน แต่เสียงข้อความที่เข้ามา เบรคเธอไว้ก่อน
“วันนี้ฉันไม่สบาย ฝากเธออัดเสียงหน่อยนะ”
“เป็นหนักรึเปล่า ให้ฉันไปหาไหม”
“ยังไหวอยู่ ขอบคุณนะ”
“วันนี้ต้องนั่งเรียนคนเดียวสินะ” เมื่อรู้แล้วว่าเพื่อนจะไม่มา
เธอจึงมองหาที่นั่งใหม่เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ แต่ด้วยหน้าตาที่ค่อนข้างจะโดดเด่น ทำให้พี่เพื่อนชายในคลาสมานั่งอยู่ข้าง ๆ ที่ถ้าหากเป็นปกติที่มีเคทเทอร์รีนอยู่ด้วย เธอก็ไล่เหวี่ยงให้ไปนั่งไกล ๆ ก็เลยจะมีแต่เพื่อน
หญิง ๆ ด้วยกันเท่านั้นที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ
แต่ครั้งนี้ที่ไม่มีเคทเทอร์รีนทำให้เธอรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย เมื่อมีแต่เพื่อนชายนั่งอยู่ใกล้ ๆ เต็มไปหมด มีเพื่อนหญิงอยู่ประปราย แล้วนี่เป็นวิชาเสรีที่ต้องเรียนรวม ทำให้เธอไม่รู้จะหาเพื่อนที่ไหนคุยด้วย เพราะตั้งแต่มีเคทเทอร์รีนเป็นเพื่อน เธอก็ไม่ค่อยได้เข้าหาใครเป็นเพื่อนอีก
และเวลาที่ยาวนานก็จบลงเมื่อถึงเวลาเลิกคลาส เธอรีบเก็บของแล้วออกจากห้องในทันที แต่ก็ไม่วายมีเพื่อนชายตามมา
“ชื่ออะไรหรอเราชื่อกริชนะ”
“ชื่อณิชา” เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท เธอจึงหันกลับไปตอบ
“เราขอตัวก่อนนะ พอดีว่ามีงานต้องไปทำต่อ” และเพื่อไม่ให้ถูกชวนคุยมากไปกว่านี้ เธอจึงรีบตัดบททันที
“เดี๋ยวสิ เราขอเดินไปส่งได้รึเปล่า”
“เอ่อคือว่า...”
“ถ้าเธอไม่สะดวกงั้นเราขอคอนแทคเธอได้ไหม”
ระหว่างที่ณิชกานต์กำลังคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงอยู่นั้น อยู่ ๆ ก็มีรถหรูมาจอดเทียบฟุตบาทตรงที่เธอกำลังพูดคุยกับกริชอยู่ ก่อนที่กระจกรถจะเลื่อนลง
“ถ้ามันทำให้เธอลำบากใจก็ไม่เป็นไร ไว้ครั้งหน้าเธอสบายใจกว่านี้ เราค่อยมาขอใหม่แล้วกัน” เมื่อเห็นเธอดูอึดอัด เขาจึงไม่ได้รุกอะไรอีก
“เอ่อ คือ...คุณมาร์วิน!” ระหว่างที่กำลังจะให้คำตอบกับคนตรงหน้า สายตากลับเหลือบไปเห็นรถหรูที่คุ้นตา พอเข้าไปในรถก็ถึงกับผงะ เมื่อเห็นว่าเป็นเขา ข เขามาได้ยังไงกัน
“ระ เราขอตัวก่อนนะ” แล้วก็ไม่รู้อะไรที่ทำให้เธอตัดสินใจเดินหนีทั้งเขา และเพื่อนที่มาทำความรู้จัก
“ณิชกานต์ ขึ้นรถ” แน่นอนว่าเขาไม่ปล่อยเธอไปง่าย ๆ เขาขับรถตามเธอมา ก่อนจะเรียกเธอด้วยน้ำเสียงติดดุ
เสียงที่ดังออกมาจากรถหรูเรียกความสนใจให้คนแถวนั้นไม่น้อย ทำให้ณิชกานต์ต้องยอมขึ้นรถไปในที่สุด
“ก กลับมาแล้วหรอคะ” พอขึ้นมาในรถ เพื่อไม่ให้บรรยากาศมันเงียบจนเกินไป เธอจึงพูดถามเขา
“อื้ม”
“ละ แล้วทำไมคุณถึงได้มาที่มหาลัยฉันหรอคะ”
“ถ้าไม่มาจะรู้หรอ ว่าเมียตัวเองมีคนมาคอยตามจีบเยอะแบบนี้ หึ” และด้วยความหึงหรืออย่างไรก็ไม่ทราบทำให้เขาเผลอพูดบางอย่างออกไป โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่ทันคิด
อันที่จริง เขาจะรอเธออยู่ที่ห้อง แต่เพราะลูกน้องอย่างเอริกคอยพูดเป่าหู ว่าเธอยังเด็ก ยังสวย ยังสาว หนุ่ม ๆ ในรั้วมหาลัยก็มากหน้าหลายตา ต้องมีแวะเวียนมาขายขนมจีบให้เธอบ้าง เขาไม่อยู่หลายวันป่านนี้เธอคงจะลืมเขาไปแล้ว
ทีแรกเขาก็เฉย ๆ แต่พออีกฝ่ายเริ่มพูดมากขึ้นเรื่อย ๆ มันก็ทำให้เขาขับรถมาหาเธอถึงมหาลัยอย่างที่เห็น
“เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะคะ” ถ้าฟังไม่ผิดเขาบอกว่าเธอเป็นเมียเขาใช่ไหมนะ ทำไมถึงได้รู้สึกใจเต้นแรงแบบนี้นะ
“ฉันบอกว่า ถ้าฉันไม่มา ฉันจะรู้หรอว่าเธอแอบไปมีคนอื่น”
“ฉันไม่ได้มีคนอื่นนะคะ เมื่อกี้แค่เพื่อนร่วมคลาสเข้ามาขอคอนแทคเท่านั้น” เธอพูดอธิบายบอกคนที่กำลังขับรถ
“แล้วเธอให้มันไปรึเปล่า”
“ฉันไม่ได้ให้ค่ะ”
เอี๊ยด สิ้นคำพูดของเธอ รถคันหรูก็จอดสนิทอยู่ข้างทางทันที แน่นอนว่าเธอหันมองเขาด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม พร้อมกับคิดในใจว่าเผลอพูดอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า กลัวหรือเกินว่าเขาจะไล่ให้ลงจากรถ แถมตรงที่เขาจอดก็ไม่ค่อยมีรถผ่านอีกด้วย
“จอดรถทำไมหรอคะ...”
