18 เชื่อฟัง?
แรงสะกิดเบา ๆ ทำให้คนตัวสูงที่กำลังหลับสบาย ค่อย ๆ รู้สึกตัว
“คุณ คุณ”
“มีอะไร” น้ำเสียงติดหงุดหงิดน้อย ๆ ว่าขึ้น
“คุณมีเตารีดให้ฉันยืมไหมคะ” เพราะรู้ว่าเขากำลังหงุดหงิด
เธอจึงพยายามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้ว่าโดยปกติเธอจะพูดเสียงหวานหูอยู่แล้ว
วันนี้เธอต้องไปเรียน และนี่ก็จะสายแล้วด้วย ชุดนักศึกษาเธอซักอบแห้งเรียบร้อยแล้ว ขาดแต่เตารีดเท่านั้นที่เธอหาไม่เจอ ซึ่งเธอพยายามหาสักพักใหญ่ ๆ แต่ก็ไม่เจอเลยจริง ๆ จึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าของห้อง
“เตารีด?” คิวหน้าเลิกขึ้นทันที เมื่อแม่คุณปลุกเขา เพราะหาเตารีด เตารีดเนี่ยนะ
“ค่ะ ฉันจะเอามารีดชุดไปเรียน” เธอว่ากับชูชุดนักศึกษาที่แขวนกับไม้แขวนให้เขาดู ในตอนนี้เธออยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ ในตอนแรกเธอจะใส่ชุดเมื่อคืนที่เธอเปลี่ยนหลังจากทำงานเสร็จ แต่สภาพชุดนั้นไม่ต่างจากเศษผ้า ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อคืนเขาถึงได้เร่าร้อนรุนแรงขนาดนั้น หากเขาบอกให้เธอถอดชุดเธอก็จะถอดให้เขาดี ๆ แต่นี่เขาไม่ยอมพูดอะไร เอาแต่จูบเธอแล้วดึงทึ้งเสื้อผ้าเธอออก เหมือนกับเด็กเอาแต่ใจ
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันอยู่ไหน”
“แต่นี่มันเป็นห้องของคุณนะคะ” ถ้าเขาบอกไม่รู้ แล้วใครจะรู้ล่ะ
“ก็บอกว่าไม่รู้ อย่าเรื่องมากได้ไหม” เขาว่าก่อนจะดึงตัวเธอให้นอนลงบนเตียง ก่อนที่เขาจะพลิกตัวคร่อมเธอไว้ใต้ร่าง สองมือจับตรึงแขนเรียวไว้กับเตียงกว้าง ไม่เธอดิ้นหนีไปไหน
“ถ้าจะไปเรียนก็รีบไป ก่อนที่จะไม่ได้ไป”
“ค คุณก็ ป ปล่อยฉันสิ ฉ ฉันจะได้ไป” สายตาที่เขามองมา ทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่น แต่ก็ไม่วายถูกเขาจับให้หันมามองเขาตามเดิม พร้อมกับมองจูบแสนเร่าร้อนให้
“อื้อออออ”
“มะ ไม่นะ หยุดนะ” เมื่อเริ่มได้สติ รู้ตัวว่ามันกำลังจะเลยเถิดแล้วเธอก็รีบร้องห้ามเขาทันที แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นผลเลย ชุดคลุมอาบน้ำถูกเขาถอดออกอย่างง่ายดาย
“อ่าห์ โดนฉันเอาทั้งคืน เช้ามาก็ยังแน่นเหมือนเดิม” เสียงทุ้มครางต่ำอย่างพึงพอใจ หลังจากได้รุกล้ำเข้าไปในดอกได้งามของเธอแล้ว
“ฉ ฉันต้องไปเรียนนะคะ นี่ก็สายมาแล้วด้วย”
“ขาดสักวันไม่ตายหรอกน่า” เขาว่าอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงรักกับเธอต่อ จนใกล้ค่ำนั่นแหละเขาถึงได้ปล่อยเธอให้เป็นอิสระ
“นี่เงินของเธอ” กระดาษเช็ดถูกยื่นให้หญิงสาวที่กำลังนอนหมดแรงอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาอยู่ และเมื่อเธอไม่ยื่นมือออกมารับเขาก็โยนมันลงตรงหน้าเธอ ก่อนจะเดินออกจาห้องไปทันที ที่สวมเสื้อยืดเสร็จ
แหมะ ทันทีที่เขาเดินจากไปแล้ว หยดน้ำตาเม็ดโตก็ร่วงหล่นลงอาบแอบนวลทันที แต่เธอก็ไม่สามารถร้องไห้เสียใจกับความอดสู่ของชีวิตได้นาน
เธอพยายามพาร่างกายอันอ่อนแรงไปอาบน้ำ ก่อนจะหยิบเอากระโปรงนักศึกษามาสวมใส่ ตามด้วยเสื้อยืดสีพื้นของเขา แม้มันจะตัวใหญ่หน่อย แต่มันก็ดูดีกว่าการใส่เสื้อนักศึกษาที่ยับ หรือเศษผ้าที่เขาฉีกขาด พอส่องกระจกเช็คดูความเรียบร้อยดีแล้ว เธอก็รีบออกจากห้องไปในทันที
แน่นอนว่าที่ ที่เธอมาเป็นห้องพักที่เธอพักอยู่กับพี่สาว เปิดประตูเข้ามาไม่เห็นพี่สาวอยู่ก็ค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย เพราะถ้าพี่นันเห็นเธออยู่ในสภาพนี้เธอก็ไม่รู้จะตอบคำถามพี่ว่ายังไงเหมือนกัน หันมองดูนาฬิกาบนผนังห้องก็เห็นว่ายังพอมีเวลาเหลือที่จะเตรียมอาหารมื้อเย็นไว้รอพี่สาว ซึ่งหลังจากเตรียมอาหารเสร็จแล้วเธอก็รีบเปลี่ยนชุดและเก็บของทันที พร้อมกับคิดคำพูดที่จะพูดบอกพี่สาวเรื่องเงิน และเรื่องที่ต้องไปพักอยู่กับเขาเป็นเวลาครึ่งปีด้วยเช่นกัน
ในใจเธอนั้นอยากบอกความจริงกับพี่สาวไปเลย แต่อีกใจก็กลัวว่าพี่จะเป็นห่วง แต่ถ้าไม่บอกความจริงเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะบอกเรื่องที่มาของเงินยังไง เงินตั้งมากแบบนี้ มันไม่ใช่จำนวนที่สามารถหามาได้ภายในวันสองวัน สมองน้อย ๆ ตีรวนกันไปหมด อย่างหาทางออก ก่อนเสียงประตูห้องจะดังขึ้น
“พ พี่นัน กลับมาแล้วหรอคะ”
“อื้ม พี่แวะมาเปลี่ยนชุดน่ะ แล้วแกไม่ไปทำงานที่ร้านหรอ” เป็นณนันถามกลับน้องสาวบ้าง โดยระหว่างที่ถามนั้นเธอก็หยิบจับข้าวของนู่นนี่เพื่อเตรียมเข้างานต่อ
เพราะงานที่เธอทำมันค่อนข้างไม่เป็นเวลา ทำไมเมื่อวานที่น้องสาวหายไปเธอไม่รู้เรื่อง ด้วยเธอกับน้องแยกห้องกันนอน บางวันเธอกลับมาก็ดึกมากแล้ว เห็นไฟห้องน้องปิดอยู่เธอก็คิดว่าน้องคงจะหลับไปแล้ว และบางวันน้องสาวเธอก็ไปเรียนแต่เช้า ทำให้เธอไม่รับรู้ถึงความผิดปกติ
“ณิว่าจะไปลาออกแล้วค่ะ”
“ลาออก? ได้งานใหม่แล้วหรอ” เมื่อได้ยินว่าน้องสาวจะลาออก
ก็หยุดทุกอย่างแล้วหันไปมองหน้าน้องทันที งานที่ทำอยู่เธอก็เห็นว่ามันโอเคแล้ว งานไม่หนัก คนที่ทำงานก็นิสัยดีกัน รายได้ก็ดี แล้วทำไมน้องสาวเธอถึงลาออก งานดี ๆ แบบนี้ไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่าย ๆ
“ค่ะ ณิได้งานใหม่แล้ว...แล้วนี่ก็เป็นเงินที่ณิเบิกล่วงหน้ามา”
มือบางค่อย ๆ ยื่นเช็คที่ได้รับมาจากเขาให้พี่สาว และยิ่งยื่นเข้าไปใกล้พี่สาวเท่าไหร่ มือก็เริ่มสั่นขึ้นเรื่อย ๆ
“หนึ่งล้าน!...มาร์วิน...”
“นี่มันอะไรกันยัยณิ อย่าบอกนะว่าแก” หลังจากเห็นจำนวนเงิน และชื่อเจ้าของเช็คแล้วณนันก็เสียงแข็งขึ้นมาในทันที พอเห็นน้องพยักหน้ารับ มือของเธอก็ตวัดฟาดไปที่แก้มน้องสาวเต็มแรง
เพี้ยะ!
“แกทำอะไรลงไปรู้ตัวรึเปล่า”
“ที่ฉันบอกแกเคยฟังบ้างไหม ฉันบอกให้แกอยู่เฉย ๆ แล้วฉันจะจัดการทุกอย่างเอง ทำไมแกไม่ฟังฉันบ้าง” แม้น้ำเสียงจะเหมือนเป็นการตวาดน้องสาวแต่น้ำตาของคนเป็นพี่กลับไหลพราก ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง
“ณิขอโทษ”
“ฉันมันเป็นพี่ที่ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ มีน้องสาวคนเดียวก็ดูแลไม่ดี ดูแลไม่ได้”
“สร้างแต่ความเดือดร้อน หาแต่เรื่องและปัญหามาให้น้องตลอด ฮึก”
“พ พี่นัน” เห็นพี่สาวร้องไห้แบบนี้ความรู้สึกก็เกาะกินทันที จากที่คิดว่าจะช่วยพี่ แต่กลับสร้างความเจ็บปวดให้พี่เสียอย่างนั้น
“เอาเงินไปคืนคุณมาร์วิน แล้วก็กลับไปทำงานที่ร้านเหมือนเดิม” มือบางยกขึ้นปาดน้ำตา ก่อนจะพูดกับน้องสาวด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
“ณิคงทำตามที่พี่นันบอกไม่ได้ ณิทำสัญญากับคุณมาร์วินไปแล้ว...”
“พี่ณันไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะคะ เป็นณิเองที่ตัดสินใจทำมัน เป็นณิที่เลือกเอง ไม่ได้มีใครมาบังคับณิให้ทำ”
“แล้วพี่ณันก็ดูแลณิดีมาตลาด ใครว่าพี่ณันดูแลณิไม่ดี พี่ณันให้ความรักความอบอุ่นกับณิยิ่งกว่าแม่แท้ ๆ ของณิอีก” ณิชกานต์ว่าพร้อมกับรอยยิ้มน้อย ๆ ส่งให้พี่สาว พอณนันได้ยินน้องสาวพูดแบบนั้นก็ดึงน้องเข้ามากอดทันที
“ยัยณิ”
“ตอนนี้พี่ณันเป็นคนในครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่ของณิ
ที่ณิรักและรักณิ ถ้ามีอะไรที่ณิช่วยได้ณิก็จะช่วย ขอแค่พี่ณันไม่ทิ้งณิไปอีกคนเหมือนยายก็พอ” นี่เป็นเรื่องเดียวที่เธอกลัวมากที่สุด เธอเกลียดความรู้สึกของการถูกทิ้ง และการไม่เป็นที่ต้องการจากคนที่เธอรัก
“ณิต้องย้ายไปอยู่กับเขาค่ะ” หลังจากกอดปลอบกันไปสักพัก
ณิชกานต์ก็พูดขึ้น เพราะนี่ก็ใกล้ถึงเวลาที่เธอต้องกลับไปแล้ว
“คุณมาร์วินให้แกไปอยู่ด้วยสินะ แล้วเรื่องเรียนล่ะ”
“เรื่องเรียนเขายังให้ณิเรียนค่ะ ส่วนเรื่องงานที่ร้านณิคงไม่ได้ทำแล้ว”
“แกโอเคแน่ ๆ ใช่ไหมที่ทำแบบนี้”
“ค่ะ ณิตัดสินใจแล้ว”
“งั้นเงินที่เหลืออยู่พี่จะเอาไปหาห้องพักแถวที่แกอยู่กับคุณมาร์วินแล้วกัน ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นพี่จะได้เข้าไปช่วยทัน” ใจจริงเธออยากจะพักอยู่ที่เดียวกับเขาเลยด้วยซ้ำ แต่ที่พักของคนระดับ กับเงินที่เธอมีอยู่มันสวนทางกันมาก ๆ
“ตามนี้แล้วกัน มาเดี๋ยวพี่ช่วยเก็บของแล้วไปส่ง”
“ณิรักพี่นันที่สุดเลย” ว่าแล้วก็กอดเอวพี่สาวอยู่บนโซฟาอย่างอ้อน ๆ
“อือ พี่รู้แล้ว ทำเป็นเด็ก ๆ ไปได้” แม้เสียงที่ตอบน้องสาวจะดูเรียบ ๆ ไร้อารมณ์ แต่ใบหน้าคนเป็นพี่กลับอมยิ้ม ก่อนจะลูบหลังน้องสาวอย่างอ่อนโยน โดยไม่ลืมถามไถ่ถึงสิ่งที่ตัวเองทำไว้ก่อนหน้า
“แล้วแก้มที่พี่ตบ ยังเจ็บอยู่ไหม พี่ขอโทษนะ เมื่อกี้พี่โกรธตัวเองไปหน่อย”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ” รอยยิ้มหวาน ๆ ส่งให้พี่สาว เพื่อเน้นย้ำว่าตนนั้นไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ
กลับมาที่มาร์วิน
หลังจากจัดการกับคนตัวเล็กแล้ว เขาก็มาเคลียร์งานของตัวเองต่อ เพราะมันใกล้ถึงกำหนดที่เขาต้องกลับอิตาลีอีกครั้งแล้ว กลับครั้งที่แล้วจริง ๆ เขาไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกก็ได้ แต่เป็นเพราะใครคนหนึ่งที่ทำให้เขาต้องกลับมา ใครคนหนึ่งที่ตามไปหลอกหลอนเขาถึงอิตาลี พอมีงานที่ต้องกลับมาไทยอีกเขาจึงเสนอตัวมาทำ
และที่พ่ออนุญาตก็คงคิดว่าเขาอยากจะเรียนรู้ประเทศที่ผู้หญิงคนนั้นเคยอยู่ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเขาไม่อยากรู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย ตั้งแต่เธอทิ้งเขาไปมันก็ชัดเจนแล้วว่าเธอไม่ต้องการเขา เธอสนใจแต่เงินเท่านั้น
“ว่า?” ใบหน้าคมละจากเอกสารตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทเสียงเรียบ เมื่อเจ้าตัวเดินเข้ามายืนตรงหน้าแต่ไม่ยอมพูดอะไรเลย
“ผมขอลาหยุดหนึ่งวันครับ”
“จะไปไหน”
“เรื่องส่วนตัวครับ”
“ใครเป็นเจ้านาย ใครเป็นลูกน้องกันแน่วะ”
“นายจะอนุญาตไหมครับ ถ้าไม่อนุญาต ผมก็ไม่หยุด”
“จะไปไหนก็ไป”
“ขอบคุณครับ”
“คนที่นายอยากเจอเธอกลับห้องแล้วนะครับ”
“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”
