17 ตัดสินใจ
“พะ พี่นัน นี่มันอะไรกันคะ ทำไมห้องถึง...” ณิชกานต์แทบพูดอะไรไม่ออก เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วสภาพในห้องนั้นเละเทะไปหมด แต่นั่นมันไม่สำคัญเท่ากับสภาพพี่สาวของเธอที่ถูกทำร้ายมา
“แล้วทำไมตัวพี่นันถึงได้” คนที่พึ่งกลับจากทำงานตัวสั่นเทาไปหมด เมื่อเห็นสภาพของพี่สาว ที่แก้มบวมเป่งมีรอยมือประทับอยู่ ในจะรอยฟกช้ำตามตัวนั่นอีก
“เจ็บไหมคะ ใครทำอะไรพี่นัน ณิจะพาพี่นันไปหาหมอ ไปหาหมอกับณินะคะ” เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ณิชกานต์ขวัญเสียไปหมด เธอพูดเสียติดอ่าง มองพี่สาวด้วยน้ำตาคลอหน่วย ตัวสั่นเทาอย่างทำอะไรไม่ถูก
“ใจเย็น ๆ พี่ไม่เป็นไร” กลับกลายเป็นว่าคนเจ็บต้องปลอบและดึงน้องสาวเข้ามากอดเสียอย่างนั้น
“ส่วนที่เห็นของในห้องเป็นแบบนี้...พี่ว่าเราต้องย้ายห้องแล้วล่ะ เราคงอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว” ณนันผละน้องสาวออกจากอ้อมกอด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทำไมหรอคะ มันเกิดอะไรขึ้น” มือบางเลื่อนเช็ดน้ำตาตัวเอง ก่อนจะเอ่ยถามพี่สาว
“เอกมาที่นี่ เอกรู้แล้วว่าพวกเราอยู่ที่นี่ และที่ห้องเป็นแบบนี้ก็เป็นฝีมือเอก”
“รวมถึงรอยพวกนี้ด้วยใช่ไหมคะ” มือบางรวบแก้มพี่สาวอย่างอ่อนโยน มันบวมขนาดนี้พี่สาวเธอคงเจ็บมากแน่ ๆ
ณนันพยักหน้ารับ ว่ารอยตามตัวเธอนั้นมาจากเอกจริง ๆ ก่อนจะพูดต่อ
“แต่เราคงจะย้ายออกเลยไม่ได้ เพราะตอนนี้เราไม่เหลือเงินมากพอที่จะหาที่อยู่ใหม่ ที่ปลอดภัยกว่าเดิม”
“อีกอย่าง พี่ยังมีหนี้ที่ต้องจ่าย หนี้ในระบบที่เอกเอาชื่อพี่ไปกู้”
“พี่เลยอย่างให้แกระวังตัวไว้ แล้วก็อดทนอีกหน่อย พี่จะรีบหาเงินแล้วพาย้ายไปอยู่ที่ที่ดีและปลอดภัยกว่านี้”
“แล้วมันพอมีทางไหน ที่ณิ ที่ณิจะช่วยพี่นันได้ไหมคะ”
“แกแค่ตั้งใจเรียน ทำทุกอย่างตามปกติ เดี๋ยวที่เหลือพี่จะเป็นคนจัดการเอง”
“เรื่องนี้พี่เป็นคนก่อ พี่จะเป็นคนแก้ไขมันเอง” น้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวว่าขึ้น แต่ในใจใครจะรู้ว่าหญิงสาวที่ต้องออกจากบ้านตั้งแต่อายุสิบแปด ต่อสู้ชีวิตโดยไร้กำลังใจจากครอบครัว มันโดดเดี่ยวและปวดใจแค่ไหน
“แต่ว่า”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ครั้งก่อนที่แกช่วย พี่ก็รู้สึกผิดมากแล้ว”
...
“ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยดีใช่ไหม”
“ครับนาย”
“แต่ว่าจะถึงเวลาที่นายต้องกลับแล้วนะครับ ทำแบบนี้...”
“กลับแล้วก็ใช่ว่าจะมาไม่ได้อีก”
“แล้วไอ้สารัฐเป็นไงบ้าง”
“เหมือนมันจะกลับไปแล้วครับ คนของมันไม่มีความเคลื่อนไหวเลย”
“ถึงอย่างงั้นก็ต้องจับตาดูไว้ อย่าประมาทถ้าพลาดขึ้นมาพ่อคงไม่ปล่อยให้ฉันคุมงานใหญ่ อีกอย่างพวกตาแก่ในองค์กรก็กำลังจับตาดูอยู่ เราจะพลาดไม่ได้”
“ครับ”
“แล้ววันนี้ให้ผมเตรียมคนให้ไหมครับ”
“ไม่ต้อง ไปเตรียมห้องไว้ก็พอ อีกไม่เกินสามวันจะมีคนไปอยู่”
“ครับ?”
“ออกไปได้แล้ว” มาร์วินไม่ได้อธิบายอะไรต่อ เขาเชื่อว่าลูกน้องของเขาจะเข้าใจในสิ่งที่เขาสื่อ
“ชักจะอดใจรอไม่ไหวแล้วสิ หึ”
กลับมาที่ณิชกานต์ วันนี้เธอก็มาทำงานที่ร้านตามปกติ ขาดแต่เคทเทอร์รีนเท่านั้น ที่บอกว่าติดธุระเรื่องที่บ้านเลยขอลาหนึ่งวัน ซึ่งพี่ภูมิผู้จัดการร้านก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ในระหว่างที่เธอกำลังพักและไปเข้าห้องน้ำ อยู่ ๆ ก็มีมือปริศนามือปิดปากเธอไว้แล้วดึงตัวเธอไปที่มุมมืดของร้าน
“อือออออออ อ่อยอะ”
“เงียบ” เสียงที่คุ้นหูทำเธอเริ่มสงบลงเช่นเดียวกับเขาที่ค่อย ๆ ปล่อยเธอให้เป็นอิสระ
“ทำบ้าอะไรของคุณ”
“ฉันมาเอาคำตอบ” มาร์วินพูดขึ้น โดยไม่สนใจสายตามองค้อนขวาง ที่เธอมอบให้เลยแม้แต่น้อย
“ว่าไง คิดได้รึยังว่าจะรับข้อเสนอของฉันหรือไม่รับ”
“คือ ว่า คือฉัน...”
“ถ้าไม่ฉันจะไปหาคนอื่น”
“ฉันให้เวลาเธอพูด ถึงนับสาม” เมื่อเห็นเธออึกอัก ลังเล เขาจึงพูดเร่งเพื่อกระตุ้นเธอ
“ฉัน...”
“หนึ่ง...” สายตาคมก้มมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะเงยหน้าหวานอย่างกดดัน
“สาม” เมื่อเธอยังไม่ยอมตอบอะไรเขาจึงนับสามในทันที
“หมดเวลาของเธอแล้วสาวน้อย” พูดจบเขาก็หันหลังเดินจากไปทันที ก่อนจะกระตุกยิ้มเบา ๆ พร้อมกับนับเลขในใจ
‘หนึ่ง สอง ...’
“ตะ ตกลงค่ะ ฉันจะรับข้อเสนอของคุณ” มือบางกำชายกระโปรงไว้แน่นก่อนจะตัดสินใจพูดมันออกไป เธอไม่อาจทนเห็นพี่สาวเธอลำบาก และพยายามจัดการกับปัญหาต่าง ๆ อยู่คนเดียวได้ ถึงพี่นันจะไม่ได้พูดมันออกมา แต่เธอก็รู้ว่าพี่เจ็บปวดและต้องแบกรับอะไรมากมายไว้คนเดียว
และถ้าหากไม่รีบย้ายที่อยู่ ก็ไม่รู้ว่าอดีตคนรักของพี่เธอจะกลับมาทำร้ายพี่เธออีกเมื่อไหร่ พี่เป็นห่วงความปลอดภัยของเธอขนาดนี้ ทำไมเธอจะไม่ห่วงพี่บ้าง
“แต่ถ้าคุณไม่ต้องการฉันแล้วก็ไม่เป็นไรค่ะ” เมื่อเห็นว่าเขายังหันหลังให้ ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใด ๆ กลับมา เธอจึงพูดขึ้นต่อ หากเขาไม่สนใจในตัวเธอแล้ว เธอก็จะไม่ตามง้อเขา เธอจะหางานทำเพิ่ม และตั้งใจทำงาน เพราะเธอเองก็รักศักดิ์ศรีของตัวเองเหมือนกัน
“เลิกงานแล้วเก็บของ ฉันจะไปรอที่เดิม” น้ำเสียงราบเรียบว่าขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก ที่เธอไม่มีโอกาสได้เห็นมัน เพราะเขาไม่ยอมหันหน้ากลับมามองเธอเลย
“พ่อคะ สิ่งที่ณิทำ มันถูกแล้วใช่ไหมคะ...”
“วันนี้กลับไงหรอณิชา” เสียงของภาคภูมิเอ่ยถาม ในขณะที่ณิชกานต์กำลังเก็บของเตรียมกลับ เพราะนี่เป็นเวลาเลิกงานแล้ว
“เอ่อ...” พอถูกถามแบบนี้ณิชกานต์ก็ไม่รู้จะตอบยังไง หากเป็นเมื่อก่อนที่ไม่มีเพื่อนอย่างเคทคอยรับส่งเธอก็จะนั่งวินกับ เพราะร้านไม่ไกลจากที่พักของเธอ แต่วันนี้...มีใครบางคนรอเธออยู่หลังเลิกงาน ทำให้เธอ
ไม่สามารถตอบไปได้เต็มปากเต็มคำนักว่าเธอจะนั่งวินกลับ
“ให้พี่ไปส่งไหม ดึกแล้วถ้านั่งวินกลับมันอันตราย” เป็นภาคภูมิเองที่เสนอ
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ภูมิ ขอบคุณนะคะ ถ้ายังไงณิขอตัวก่อนนะคะ” ว่าจบก็ยกมือขึ้นไหว้ก่อนจะรีบเดินออกมาทันที เพื่อไม่ให้ตัวเองเผยพิรุธมากไปกว่านี้ ซึ่งพอเดินออกมาได้ไม่นาน ก็เห็นรถหรูจอดอยู่ ไม่ต้องเดาให้เหนื่อยก็รู้ว่าเป็นรถของใคร รถของคนมีกินเหลือใช้อย่างเขาที่แทบจะใช้เงินซื้อชีวิตเธออยู่แล้ว
“มาแล้วหรอ ขึ้นมาสิ” กระจกรถที่รถลงพร้อมกับเสียงเอ่ยทักทายของเขา
“เราจะไปไหนกันหรอคะ” เมื่อขึ้นมาบนรถแล้ว เธอก็ถามเขา
“ไปคอนโดฉัน”
“ค คุณจะให้ฉันเริ่มงานวันนี้เลยหรอคะ”
“ทำไม เธอมีปัญหาอะไรงั้นหรอ จะถอนตัวตอนนี้ก็ยังทันนะ
ฉันให้เวลาเธอคิดก่อนจะถึงห้อง”
“เพราะถ้าถึงตอนนั้นแล้ว...ฉันคงถอยไม่ได้อีก” น้ำเสียงราบเรียบว่าขึ้น โดยสายตาเขานั้นจับจ้องไปยังท้องถนน ก่อนจะหันมามองเธอ
ซึ่งเป็นจังหวะที่เธอกำลังหันมองเขาเช่นกัน ทำให้ทั้งคู่เผลอมองสบตากันคู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะตอบแล้วหันหน้าหนีไปมองข้างทาง
“ค่ะ”
“หึ”
“ถ้าเธอก้าวขาลงจากรถ นั่นหมายความว่าเธอยอมรับในข้อตกลงของฉัน และเธอก็ไม่สามารถยกเลิกมันได้” เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อตัวรถจอดสนิทในที่จอดรถ และเมื่อเห็นว่าเธอทำท่าลังเลใจ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะสูดลมหายใจเข้าแล้วผ่อนลมหายใจออกเบา ๆ
เขาแอบมองการกระทำของเธออยู่เงียบ ๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นเธอเปิดประตูลงจากรถไป ซึ่งหมายความว่าสิ่งที่เขาวางแผนไว้ทั้งหมดนั้นเป็นผลแล้ว
ความหรูหราของทางเข้าและโถงทางเดินทำให้ณิชกานต์แทบจะเดินตัวลีบตามเขาไปติด ๆ แน่นอนว่ามันหรูหรากว่าที่ที่เธอและพี่พักอยู่หลายเท่า แม้มันจะน้อยกว่าเพ้นเฮาท์ที่เขาเคยพาเธอไปอยู่ครั้งก่อน แต่พอเข้ามาในห้องของเขาความหรูหราภายในมันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากเลย
“เธอต้องเก็บของมาอยู่ที่นี่”
“ค คะ?” สิ่งที่เขาพูดทำให้เธอได้สติและเริ่มมองหน้าเขา ว่าเขานั้นพูดจริงหรือแค่แกล้งเธอเล่น
“ฉันบอกว่าเธอต้องเก็บของมาอยู่ที่นี่”
“แต่มันไม่ใช่ที่เราตกลงกันไว้นี่คะ” เธอเรียบเถียงไปในทันที
แต่น้ำเสียงนุ่ม ๆ และคำพูดของเธอหรือจะทำให้เขารู้สึกอะไรได้
“ระหว่างเราไม่มีเคยมีข้อตกลงตั้งแต่แรกสาวน้อย” เขาว่าพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้เธอเรื่อย ๆ จนเธอแผ่นหลังเธอชิดติดกำแพงจากการถอยหนีเขาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อไม่สามารถหนีเขาไปไหนได้อีก ก็ได้แต่พยายามหลบสายตาที่เขามองมา
“เธอต้องอยู่ที่นี่ และระหว่างนี้ห้ามไปมีอะไรกับใคร ฉันคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถเอาเธอได้”
“แต่ฉันต้องเรียนนะคะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงฉันไม่ได้จะเอาเธอตลอดทั้งวัน ฉันเองก็มีงานที่ต้องทำ...เราจะมีอะไรกันแค่ตอนกลางคืน” มือหนาเชยคางมนขึ้น ให้เธอหันมองสบตาเขาดี ๆ ไม่ใช่เอาแต่หลบสายตาแบบนี้
“เธอสามารถไปเรียนได้ตามปกติหรือถ้าเธออยากจะทำงานที่ร้านอาหารนั่น ฉันก็ไม่ห้าม”
“ขอแค่อย่ารบกวนเวลาของฉันก็พอหรือถ้าเธอทำไหว หึ”
“ต แต่ว่า...อื้ออออ” เสียงหวานถูกกลืนหายไปในทันที เมื่อริมฝีปากหนาทาบทับลงมาฉกฉวยริมฝีปากนุ่มของเธอไป มือที่ว่างจากการเฉยคางมันให้จูบเธอได้ถนัด โอบเอวบางของเธอเอาไว้ ก่อนจะพาเธอไปยังห้องนอน ซึ่งระหว่างทางเดินไปห้องเขาไม่ยอมผละออกจากริมฝีปากบางของเธอแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าเพราะห่างจากเธอไปนานหรือเพราะเขาเสพติดริมฝีปากบางนี้แล้วกันแน่ ถึงเขาไม่อยากที่จะห่างมันเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีหลังจากได้ครอบครอง
