บท
ตั้งค่า

16 คุ้นเคย

หลังจากหนึ่งสัปดาห์ที่ถูกผูกมัดนั้นจบลง ก็เป็นเวลาเดียวกับช่วงเปิดเทอมของณิชกานต์พอดี การเปิดเทอมวันแรกในรั้วมหาลัยสร้างความตื่นเต้นให้หญิงสาวไม่น้อย แน่นอนว่าโรงเรียนที่เธอเรียนอยู่ตอนมัธยมในต่างจังหวัด กับตอนนี้ที่เป็นมหาลัยกลางกรุงนั้นแตกต่างกันเป็นอย่างมาก แต่พอเรียนไปได้สักพักเธอก็เริ่มปรับตัวได้ แม้เธอจะแทบไม่มีเพื่อนเลยก็ตาม เพราะหลังเลิกเรียนเสร็จเธอก็ไปทำงานหารายได้เสริม มันวน ๆ อยู่แบบนี้

แต่ด้วยหน้าตาของเธอที่ทำให้ใครหลายคนหยุดมองอยู่หลายครั้ง มันก็ทำให้มีคนเข้าหาเธออยู่บ้าง

“ณิชา วันนี้เลิกเรียนเสร็จแล้วมีนัดรึเปล่า”

“เรามีงานพาร์ทไทม์น่ะ” เสียงหวานเอ่ยตอบพร้อมกับส่งยิ้มบาง ๆ ให้ แล้วตั้งใจเก็บของต่อ

“ขยันจัง แล้วทำอยู่แถวไหน ให้ทีไปส่งไหม”

“ณิชาเก็บของเสร็จยัง ไปกันเถอะ” เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้น ซึ่งก็คือเพื่อนคนเดียวของณิชกานต์ที่เธอมี ในตอนนี้นั่นเอง

“เสร็จแล้ว ๆ คือเราไปกับเคทแล้ว ขอบคุณนะ”

“ไม่เป็นไร ๆ”

“ไอหมอนั่นมันหน้าหม้อจะตาย อย่าไปยุ่งกับมันเชียว” เดินออกมาได้สักพัก เคทหรือเคทเทอร์รีนก็พูดขึ้น

“ทีก็ดูสุภาพดีนะ”

“ก็เพราะเธอดูใครไม่ออกแบบนี้ไงล่ะ ระวังไว้ล่ะเดี๋ยวจะถูกหลอกสักวัน”

“แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้ยังมีฉันอยู่ทั้งคน ฉันไม่ปล่อยให้เธอถูกหลอกแน่นอน”

“ขอบคุณนะ”

สองสาวเพื่อนซี้เดินไปยังรถของเคทเทอร์รีนเพื่อที่จะไปทำงานที่ร้านด้วยกัน ในตอนแรกที่รู้จักกันใหม่ ๆ แน่นอนว่าณิชกานต์สงสัยว่าทำไมคนที่ดูมีอันจะกินอย่างเคทเทอร์รีนถึงได้มาหางานทำด้วยกันกับเธอ

ก่อนจะได้คำตอบมาว่าเคทเทอร์รีนนั้นทะเลาะกับที่บ้าน บวกกับอยากอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่อยากขอเงินที่บ้านใช่อีก

“ขยันกันจริง ๆ เลยนะ วันนี้เลิกไวหรอ” เป็นภูมิที่เอ่ยทักสองสาวที่มาทำงานตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน

“ก็เลิกงานแล้วไม่รู้จะไปไหน” เป็นเคทเทอร์รีนที่พูดตอบ เธอก็เป็นคนแบบนี้พูดจาห้วน ๆ

“มีอะไรให้พวกเราช่วยไหมคะพี่ภูมิ” เป็นณิชกานต์ที่พูดต่อ

“ตอนนี้ยังไม่มี พวกเรานั่งพักก่อนเถอะ”

“ค่ะ”

กลับมาที่มาร์วิน

“ใกล้ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับแล้วสินะ” เสียงทุ้มว่าขึ้นลอย ๆ ในขณะที่มือหมุนควงแก้วเหล้าทรงสวยอยู่

“ครับ”

ทว่าสถานที่ที่เขาและลูกน้องคนสนิทอย่างเอริกอยู่ตอนนี้กลับไม่ใช่คลับที่เขาเป็นหุ้นส่วนอยู่ ไม่ใช่ห้องที่เขาชอบนั่งดื่มอยู่เป็นประจำอย่างเป็นส่วนตัว แต่กลับเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ที่ใครบางคนทำงานอยู่ ใครบางคนที่ชอบปรากฏตัวในความคิดของเขาอย่างไม่รู้ทำไม

เขาจะไม่หงุดหงิดเลยถ้าหน้าคุณเธอจะไม่โผล่ตอนที่เขามีเซ็กส์อยู่

“ขออนุญาตเสิร์ฟค่ะ” เสียงพนักงานเสิร์ฟดังขึ้น เจ้าของโต๊ะอย่างมาร์วินเพียงพยักหน้ารับเท่านั้นเพราะสายตาเขาตอนนี้จับจ้องไปยังคนตัวเล็กที่กำลังตั้งใจทำงานอยู่

“ถ้าต้องการสั่งอะไรเพิ่มเติม สามารถเรียกพนักงานได้เลยนะคะ” เคทเทอร์รีนพูดขึ้นอีกครั้ง เมื่อคนที่เธอกำลังเสิร์ฟดู ไม่สนใจเธอเลย

“ขอบคุณครับ” จนเป็นเอริกที่นั่งอยู่ด้วยกัน นั่นแหละพูดแทน

“ดูนายจะสนใจเธอมากนะครับ” หลังจากพนักงานเสิร์ฟเดินออกไปแล้ว เอริกก็พูดขึ้น

“หึ” มาร์วินแสยะยิ้มตอบ ก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่ม

ตลอดคืนจนร้านปิดเขานั่งอยู่แบบนั้น มองคนตัวเล็กทำงาน และที่น่าแปลกก็คือไม่ว่าเขาจะสั่งเครื่องดื่มไปเท่าไหร่ ก็ไม่มีเธอมาเสิร์ฟเลย ทำเขารู้สึกหงุดหงิดในใจอยู่ไม่น้อย

“ไปรอตรงฟุตบาทหน้าร้านก็ได้ เดี๋ยวฉันขับมารับ”

“เอาแบบนั้นหรอ”

“เธอปวดท้องอยู่ไม่ใช่หรือไง”

“ขอบคุณนะ” รอยยิ้มขอบคุณจากใจจริงส่งให้เพื่อนสาวที่พึ่งรู้จักกันเพียงไม่นาน แต่อีกฝ่ายนั้นดีกับเธอมากจริง ๆ

ในระหว่างรอเคทเทอร์รีนถอยรถออกมารับอยู่ ๆ ก็มีรถจากไหนไม่รู้ขับมาเกือบจะเชี่ยวณิชกานต์ที่กำลังเดินไปยังจุดรอรถที่พูดคุยกันไว้ก่อนหน้า ทำให้หญิงสาวร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ พร้อมกับร่างบางที่ล้มลงไปกับพื้น

“วร้าย!”

“ทำร้องตกใจไปได้ ฉันไม่ได้ชนเธอสักหน่อย” เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้น ทำให้ณิชกานต์รีบเงยหน้ามองตามเสียงทันที

“คุณ!!”

“ทำไม ผิดหวังหรอที่เจอฉัน”

“ผิดหวังหรอ ที่คนที่เธอจะหลอกเอาเงินทำทีว่าถูกรถชนมันเป็นฉัน”

“อ้ะ” เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ขับรถเชี่ยวตัวเอง ณิชกานต์ก็ไม่หันมองเขาคนนั้นอีก ก่อนจะพยายามลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง โดยไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากเขาคนนั้นเลยเช่นกัน ทำเอาคนที่ยืนมองอยู่หงุดหงิดใจไม่น้อย

“นี่! ฉันพูดด้วยไม่ได้ยินหรือไง”

“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ ขอตัวนะคะ” น้ำเสียงหวานนุ่มไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ว่าขึ้น ก่อนที่เธอจะพยายามพยุงตัวเองเดินไปยังจุดรอรถที่คุยกับเพื่อนสาว โดยที่มือบางคอยกุมหน้าท้องของตัวเองไว้อยู่

ใบหน้าหวานก็ซีดขึ้นเรื่อย ๆ

“จะไปไหน?” มือหนาความหมับเข้าที่ต้นแขนนวล เพื่อให้เธอหันตัวมาคุยกันดี ๆ

“ฉันจะกลับบ้านค่ะ มันเป็นเวลาเลิกงานของฉัน เพราะงั้นถ้าคุณไม่มีธุระอะไร กรุณาปล่อยมือด้วยค่ะ” ด้วยความปวดท้องและไม่อยากข้องเกี่ยวอะไรกับคนตรงหน้ามาก เธอจึงเลือกพูดกับเขาให้มันจบ ๆ ไป ก่อนจะพยายามดึงตัวเองให้หลุดจากพันธการของเขา แต่เหมือนเขาจะไม่จบ

“ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ” ชายหนุ่มดึงเธอเข้ามาหาตัวอีกครั้ง

แต่ไม่รู้ครั้งนี้เขาออกแรงมากไปหรืออย่างไร เธอถึงปลิวมาปะทะกับอกแกร่งของเขา ด้วยสัญชาตญาณเขาใช้แขนแกร่งโอบเอวเธอไว้

“หึ ไม่ทันไรก็ถึงเนื้อถึงตัวฉันแล้วหรอ เมื่อกี้ยังผลักฉันออกอยู่เลย” เสียงทุ้มพูดกับคนในตัวเล็ก ที่นิ่งเงียบจนดูผิดปกติ

“...”

“ฉันพูดด้วย ไม่ได้ยินหรือไง”

“...”

เมื่อเห็นเธอดูนิ่งเงียบมากจนผิดสังเกต เขาจึงใช้มือหนาข้างที่ว่างช้อนคางวีมนของเธอขึ้น เพื่อจะได้ดูหน้าตาของเธอให้มันชัด ๆ ว่าเธอนั้นนึกคิดอะไรอยู่ ทำไมเขาพูดด้วยตั้งหลายครั้งแล้วถึงไม่ยอมตอบ

“Sh*t!” คำหยาบคายถูกสบถออกมาทันที เมื่อรู้สาเหตุที่เธอไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบโต้ นั่นก็เพราะเธอเป็นล้มนั่นเอง

รู้แบบนั้นเขาก็ช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มทันที ก่อนจะพาไปยังรถ ที่ตอนนี้มีเอริกเลูกน้องคนสนิทเปลี่ยนมานั่งที่คนขับ จากทีแรกที่เขาขับมาตั้งใจจะเบียดเธอ เพื่อหาเรื่องคุยกับเธอเท่านั้น ไม่คิดว่าเธอจะมาเป็นลมไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้

“นั่นเธอ” อุ้มคนตัวเล็กมาถึงรถ เอริกก็เอยถามถึงหญิงสาวในอ้อมแขนเจ้านายทันที ก่อนจะได้รับน้ำเสียงเรียบนิ่ง ตอบกลับมา

“อย่าถามมาก ออกรถ”

“ครับ”

กลับมาที่เคทเทอร์รีนเธอขับรถมาเห็นจังหวะ ที่ณิชกานต์กำลังฉุดกระชากกับมาร์วินทันที ก่อนที่จะจบด้วยการที่มาร์วินอุ้มณิชกานต์ขึ้นรถไป ภายในใจอยากขับรถตามไปเพื่อให้รู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่พอคิดว่าตัวเองจะโผล่ไปถามเลยโต้ง ๆ มันก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่

แล้วถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูพ่อ พ่อเธอก็จะรู้ว่าตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ที่ไหน

ซึ่งเธอไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น

“เมื่อวานนี่ณิชาหายไปไหนมาหรอ ฉันจอดรถรออยู่ตั้งนานก็ไม่เห็น เป็นห่วงนะรู้ไหม” เมื่อเจอหน้ากันในเช้าวันถัดมา ก่อนเข้าคลาสเรียน เคทเทอร์รีนก็เปิดประเด็นทันที โดยไม่ทันสังเกตสีหน้าของเพื่อนอย่าง

ณิชกานต์เลยแม้แต่น้อย

“ขอโทษนะ พอดีว่าเจอคนรู้จักแล้วเค้าไปส่งน่ะ”

“ไม่เป็นไร ว่าแต่คนรู้จักของเธอเป็นใครหรอ ฉันเคยเห็นหน้า

รึเปล่า”

“เป็น เป็น เพื่อนพี่สาวเราน่ะ” น้ำเสียงตะกุกตะกักเอ่ยตอบไป แน่นอนว่าเธอโกหก และเธอก็รู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนโกหกไม่เก่ง

“นี่ก็จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว เราเข้าห้องกันเถอะ” เพื่อไม่ให้เผยพิรุธมากไปกว่านี้ ณิชกานต์จึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั่น ยิ่งเพิ่มพิรุธมากขึ้นไปอีก

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้ณิชกานต์ไม่มีสมาธิเรียนแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าอาจารย์พูดอะไรไปบ้าง และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจบคลาสแล้วและอาจารย์ก็เดินออกจากห้องไปแล้ว

“รู้สึกตัวแล้วหรอ”

“คุณ!”

“ทำหน้าตกใจไปได้ จำผัวคนแรกของตัวเองไม่ได้รึไง”

“หยาบคาย” เธอว่าพร้อมกับพยายามกระเถิบตัวถอยหนีเขาไปจนแผ่นหลังชิดขอบตัว โดยที่ตัวเขานั่งอยู่ปลายเตียง

“เหอะ คนอุตส่าห์ช่วย ขอบคุณสักคำก็ไม่มี ดีขึ้นแล้วก็ยังมาว่าอีก ทำคุณบูชาโทษชัด ๆ” หนุ่มลูกครึ่งแต่สำนวนไทยตรงความหมาย บอกหญิงสาวตรงหน้า

“ขอบคุณค่ะ แบบนี้พอใจคุณแล้วใช่ไหมคะ ถ้าพอใจแล้วก็ปล่อยฉันไปได้แล้วค่ะฉันจะกลับบ้าน” เพื่อตัดปัญหาทุก ๆ อย่าง เธอจึงยอมขอบคุณเขา แม้ว่าเธอจะไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากเขาตั้งแต่แรกเลยก็ตาม

“แค่นี้มันยังไม่ทำให้ฉันพอใจหรอกนะ” เขาว่าก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวมานั่งตรงหัวเตียง ซึ่งเธอก็ขยับตัวหนีไปประชิดอีกฝั่ง

“แล้วค คุณต้องการอะไรคะ” เธอว่าก่อนจะดึงผ้าห่มมากอดไว้แน่น ด้วยความระแวง

“ฉันต้องการตัวเธอ มาเป็นผู้หญิงของฉันหกเดือน แล้วฉันจะไม่ยุ่งกับเธออีก” มาร์วินพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการขึ้น คนที่มีความต้องการสูงแบบเขา เขาไม่อยากทรมานกับการเห็นภาพของเธอเวลาร่วมรักกับผู้หญิงคนอื่น มันทำให้เขาหมดอารมณ์กับพวกเธอเหล่านั้น

สู้ให้เขามีอะไรกับคนต้นเรื่องเลย อะไร ๆ มันก็คงจะดีขึ้น และหกเดือนมันก็คงจะมากพอที่จะทำให้เขาเบื่อเธอในสักวันเหมือนกับคนอื่น ๆ

“พูดบ้าอะไรของคุณ ฉันไม่มีทางทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นแน่”

“ถ้าเรื่องที่คุณจะพูดกับฉันมีแค่นี้ ฉันขอตัวก่อนนะคะ” ว่าจบก็ลุกขึ้นจากเตียงเตรียมจะออกจากห้องไปทันที ไม่รู้ว่าเธอไม่เอาความกล้าพวกนี้มาจากไหน ก่อนที่ขาเรียวสวยจะชะงักเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เลือกที่จะก้าวเดินต่อไปเพื่อออกจากห้อง

“หนึ่งล้าน ฉันจะให้เธอหนึ่งล้านแลกกับการที่เธอมาเป็นผู้หญิงของฉัน”

“ฉันถามอะไรหน่อยสิ” ระหว่างกำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ในโรงอาหาร เคทเทอร์รีนก็พูดขึ้น

“อื้ม”

“ณิชารู้จักกับเซนต์ด้วยหรอ”

“เซนต์? เซนต์ไหนหรอ” ด้วยเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูเลย ทำให้ณิชกานต์ต้องละจากจานอาหารตรงหน้าแล้วถามเคทเทอร์รีนอีกครั้ง

“เปล่าหรอกไม่มีอะไร รีบกินดีกว่า เดี๋ยวเข้าเรียนสาย นี่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว” จากแววตาและสีหน้าของเพื่อนแล้ว เคทเทอร์รีนก็รู้ได้ในทันที ว่าณิชานั่นไม่รู้จักกับเซนต์จริง ๆ แต่ถ้าไม่รู้จักทำในที่ร้านวันนั้นเซนต์เอาแต่มองณิชาไม่หยุด ไหนจะที่อุ้มณิชาขึ้นรถไปอีก

หรือว่าณิชาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่ณิชาที่เธอรู้จักก็ไม่ใช่คนขี้โกหก เว้นแต่เมื่อคืนที่บอกว่าเซนต์เป็นเพื่อนของพี่สาว ลคนอย่างเซนต์ไม่มีทางเป็นเพื่อนของพี่สาวณิชาได้ เธอมั่นใจ เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่เธอต้องรู้ความจริงให้ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel